https://www.meekhao.com/news/the-upside-single-success-new
แม้บางครั้งการใช้ชีวิตแบบคนโสดจะทำให้รู้สึกเหงา แต่การอยู่คนเดียวโดยไม่มีพันธะผูกพันธ์กับใครก็มีข้อดีหลายๆ อย่าง และยังอาจมีส่วนช่วยให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตมากขึ้นอีกด้วย มุมมองที่ผู้คนในสังคมมีต่อความโสดเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จากเดิมที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าความโสดคือสิ่งที่ควรกำจัดให้หมดสิ้นไป ปัจจุบันกลับมีคนจำนวนมากเลือกที่จะใช้ชีวิตคนเดียว
นั่นเป็นเพราะนอกจากความโสดจะไม่ได้มีแต่ข้อเสียแล้ว มันยังมีข้อดีอีกถึง 7 ประการ ที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าการมีคู่!
คนโสดมีเวลาเข้าสังคมมากกว่า
National Bureau of Economic Research ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับชีวิตการแต่งงานและความสุข พบว่าผู้ที่มีความสุขในชีวิตคู่คือผู้ที่ได้แต่งงานกับคนที่เป็นทั้งคนรักและเพื่อนสนิท เนื่องจากความสุขของคนเราจะเพิ่มขึ้นถ้ามีแรงสนับสนุนทางด้านสังคม การมีเพือนคู่คิดที่สามารถเข้าสังคมด้วยกันได้จึงทำให้ความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่คนโสดคือคนที่มีเวลาและมีโอกาสในการเข้าสังคมเพื่อพบปะผู้คนหลากหลายรูปแบบมากกว่า รวมถึงมีเวลาให้กับครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อน จึงทำให้มีโอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและทำหน้าที่เป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ ซึ่งจะทำให้มีคนคอยช่วยเหลือจำนวนมากเวลาเกิดปัญหาหรือต้องการการสนับสนุนทางสังคม
คนโสดมีอิสรภาพ
ในยุคปัจจุบันที่เรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งดิจิตอลและโซเชียลมีเดีย อิสระและเสรีภาพรวมทั้งเวลาที่เป็น “ของตัวเอง” อย่างแท้จริงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและสร้างประโยชน์ได้ การใช้เวลากับตัวเองเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้มีเวลาครุ่นคิด ไตร่ตรอง ค้นหาตัวเอง และกำหนดเป้าหมายในชีวิตได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
คนโสดจำเป็นต้องหาเงินให้ได้มากกว่า
จากการสำรวจพบว่าผู้หญิงที่เป็นโสดมีแนวโน้มว่าจะใช้เงินมากกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยใช้เงิน 7.9% ไปกับการดูแลสุขภาพร่างกาย ในขณะที่คนที่แต่งงานแล้วใช้เพียง 6.9% และคนที่แต่งงานแล้วจะใช้เงิน 23.9% จากเงินทั้งหมดเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ขณะที่ชายโสดใช้เงิน 30.3% ส่วนหญิงโสดใช้เงิน 39.8%
คนโสดมีหนี้สินน้อยกว่า
การแต่งงานไม่ได้หมายถึงการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเท่านั้น แต่หมายถึงการสร้างเนื้อสร้างตัวและสร้างความมั่นคงในชีวิตไปพร้อมๆ กัน นั่นหมายความว่าอาจต้องมีการลงหลักปักฐาน ซื้อบ้าน ซื้อรถ เปิดกิจการ ซึ่งอาจกลายเป็นการสร้างภาระหนี้สินจำนวนมหาศาลได้
หญิงโสดมีรายได้มาก แต่ชายโสดมีรายได้น้อย
จากการสำรวจของ National Marriage Project โดย W. Bradford Wilcox จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย พบว่าชายโสดอายุระหว่าง 28 ถึง 30 ปี มีรายได้น้อยว่าชายที่แต่งงานแล้วราว 500,000 บาทต่อปี และชายโสดอายุระหว่าง 44 ถึง 46 ปี มีรายได้น้อยกว่าชายที่แต่งงานแล้วราว 670,000 บาท ในทางกลับกันผู้หญิงโสดอายุระหว่าง 28 ถึง 30 ปี มีรายได้มากกว่าหญิงที่แต่งงานแล้วประมาณปีละ 48,000 บาท ส่วนหญิงโสดอายุระหว่าง 44 ถึง 46 ปี มีรายได้มากกว่าหญิงที่แต่งงานแล้วราว 52,000 บาท
ชายโสดทำงานน้อย แต่หญิงโสดทำงานหนัก
จากโครงการ National Marriage Project ได้มีการสำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลาในการทำงานของคนโสดและคนที่แต่งงานแล้ว พบว่าผู้ชายโสดที่มีอายุระหว่าง 28 ถึง 30 ปี ทำงานน้อยกว่าชายที่แต่งงานแล้วเฉลี่ยปีละ 441 ชั่วโมง และชายโสดอายุระหว่าง 44 ถึง 46 ปี ทำงานน้อยกว่าชายที่แต่งงานแล้วเฉลี่ยปีละ 403 ชั่วโมง ในขณะที่หญิงโสดส่วนใหญ่ทำงานมากกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเฉลี่ยปีละ 196 ชั่วโมง และถ้าหากหญิงที่แต่งงานแล้วมีบุตรก็จะทำงานน้อยลงเทียบกับผู้หญิงที่ไม่มีทายาทสืบสกุล
คนโสดมีเวลาดูแลสุขภาพร่างกาย
นักวิจัยจาก University of Maryland ได้ทำการสำรวจพบว่าผู้ชายและผู้หญิงอายุระหว่าง 18 ถึง 64 ปี ที่ยังไม่ได้แต่งงาน มีเวลาให้กับการออกกำลังกายในแต่ละสัปดาห์มากกว่าคนที่แต่งงานแล้วหรือแม้กระทั่งคนที่หย่าร้างแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่พบว่าผู้ที่แต่งงานแล้วจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากขึ้น โดยชายที่แต่งงานแล้วจะประสบปัญหาภาวะโรคอ้วนมากกว่าเดิมถึง 25%
แต่ก็มีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่พบว่าชีวิตโสดอาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกายในทางลบได้เช่นกัน นักวิจัยจาก Lagone Medical Center ได้วิเคราะห์ผลการสำรวจออกมาว่า ผู้ที่แต่งงานแล้วมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดน้อยลง 5% เมื่อเทียบกับคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน นอกจากนี้คนที่แต่งงานแล้วยังใส่ใจการดูแลสุขภาพมากขึ้นแม้จะมีเวลาน้อยลง เนื่องจากได้รับแรงกระตุ้นจากคนรอบข้างและอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ตนรักไปนานๆ
ที่มา: BusinessInsider