https://www.meekhao.com/news/romania-sewer-slum-life
แม้ว่าระบอบเผด็จการในประเทศโรมาเนียจะสิ้นสุดลงไปหลายทศวรรษแล้วก็ตาม แต่บาดแผลและผลกระทบของมันนั้นกลับคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน เห็นได้จากสภาพชีวิตของอดีตเด็กกำพร้าในชุมชนใต้ท่อระบายน้ำที่ทั้งโสโครกและอันตราย ถ้าหากจะพูดถึงยุคมืดของ “โรมาเนีย” หลายคนคงนึกถึงช่วงที่ นิโคไล เชาเชสกู เป็นผู้ปกครองประเทศ เขาคือผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์โรมาเนียในช่วงปี ค.ศ. 1965 ถึง 1989 ซึ่งในช่วงเวลายี่สิบกว่าปีนั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงแห่งการกดขี่ข่มเหงประชาชน
แม้การตัดสินประหารชีวิตนิโคไลและภรรยาในข้อหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การทำลายเศรษฐกิจของชาติและการใช้อำนาจทางการทหารต่อชาวโรมาเนียโดยมิชอบนั้นจะผ่านมานานกว่า 25 ปีแล้ว แต่ผลกระทบที่หลงเหลือมาจากการกระทำของเผด็จการผ่านภาพถ่ายชุดนี้ยังสร้างความสะเทือนใจชาวโลกได้ไม่น้อย
เมื่อ 25 ปีก่อนเคยมีการเผยแพร่ภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทิ้งเนื่องมาจากนโยบายการห้ามคุมกำเนิดและห้ามทำแท้งของนิโคไลเพียงเพราะต้องการเพิ่มจำนวนประชากรเพื่อเป็นแรงงานให้กับประเทศ
ด้วยวิถีความเป็นอยู่ที่ยากจนข้นแค้น พ่อและแม่ส่วนใหญ่ไม่มีทางเลือกพวกเขาต้องทิ้งลูกน้อยไว้ในโรงพยาบาลหรือตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลายแห่ง
แม้รัฐบาลจะมีหน้าที่ควบคุมดูแลสถานที่พักพิงเหล่านี้ แต่พวกเขากลับปล่อยปละละเลย เด็กๆ ไม่อาจทนกับกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่ร้ายกาจ พวกเขาตัดสินใจหนีออกมาใช้ชีวิตข้างถนนที่ทรหดแต่มีอิสระ และเลือกท่อระบายน้ำใต้ดินที่สกปรกเป็นอาณาจักรเพื่อพักพิง
ภาพชุดนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับคนทั้งโลก แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าก็คือแม้ผ่านมานานหลายสิบปีแล้วคนเหล่านั้นก็ยังมีชีวิตที่โหดร้ายไม่ต่างไปจากเดิม
อาณาจักรใต้ดินแห่งนี้ตั้งอยู่ในกรุงบูคาเรสต์ เมืองหลวงของโรมาเนีย ซึ่งไม่ไกลจากสถานีรถไฟกลางของประเทศมากนัก แต่กลับมีสภาพสุดซอมซ่อและเต็มไปด้วยขยะ
Dani Gherca ช่างภาพและศิลปินสาขาทัศนศิลป์วัย 27 ปี ใช้เวลา 3 ปีเต็มในการเก็บข้อมูลและภาพถ่ายล้วงลึกเกี่ยวกับชีวิตของอดีตเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในสลัมท่อระบายน้ำ
วันหนึ่งขณะที่เดินอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟกลาง Gherca ได้พบกับบรูซ สไตล์ส่วนตัวของราชาผู้นี้เตะตาเขาอย่างมาก ทั้งคู่ทำความรู้จักจนสนิทสนมกัน และ Gherca ก็ได้ลงมาเยี่ยมชมที่พักอาศัยใต้ดินของคนกลุ่มนี้ ทำให้เขาเกิดความสนใจและตัดสินใจเก็บข้อมูลและภาพถ่ายเพื่อเผยแพร่ให้คนทั้งโลกได้รับรู้
ใต้ดินแห่งนี้นอกจากจะสกปรกและไม่เหมาะต่อการอยู่อาศัยแล้ว ยังเต็มไปด้วยโรคระบาด ยาเสพติด และเป็นแหล่งซ่องสุมของอบายมุขนานาชนิด
ในช่วงยุค 90 ยาเสพติดที่แพร่ระบาดอย่างหนักนั้นเรียกกันว่าออโรแลค ในช่วงปี 2000 ก็เปลี่ยนมาเป็นเฮโรอีน ส่วนปัจจุบัน “สไปซ์” และ “เมจิก” กำลังได้รับความนิยม
Gherca เล่าว่าทุกคนมีสภาพเหมือนผีดิบเนื่องมาจากความเจ็บป่วยและการใช้ยาเสพติดมากเกินไป เขาพยายามทำความเข้าใจวิถีชีวิตของผู้คนเหล่านี้จากมุมมองของพวกเขา ไม่ใช่จากมุมมองของตัว Gherca เอง ซึ่งมันก็ทำให้เขาตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่วิถีชีวิตที่ผิดหรือถูก มันแค่เป็นวิถีชีวิตแบบเดียวที่คนเหล่านี้รู้จัก
ที่มา: dailymail