หลายๆคนคงจะรู้จัก “ยาบ้า” หรือ “ยาม้า” ยาเสพติดที่ให้โทษร้ายแรง กัดกร่อนสังคมไทยมาอย่างยาวนานหลายสิบปี แม้จะมีความพยายามในการกวาดล้างอย่างจริงจัง แต่สุดท้ายยาบ้าก็ยังไม่หายไปจากสังคมเสียที
เชื่อหรือไม่ว่า "ยาบ้า" นี้ กำเนิดขึ้นมาจากคนไทยนี่เอง ซึ่งเรื่องนี้ต้องย้อนไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กันเลยทีเดียว
โดยสารแอมเฟตตามีนและเมทแอมเฟตตามีนมีการใช้ในการทำยากระตุ้นสำหรับทหารมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการใช้ในการกระตุ้นความกล้าหาญและความอดทนของทหารทั้งสองฝ่าย จนหลังสงคราม สารเหล่านี้เริ่มหลุดออกมาใช้งานในพลเรือน
ในประเทศไทย ระยะแรกๆ มีการนำเข้ายาม้าเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อใช้ในการกระตุ้นม้าแข่ง (จึงเป็นที่มาของชื่อว่ายาม้า) และภายหลัง กลุ่มคนขับรถบรรทุกเริ่มนำยาม้าไปใช้ในระหว่างการทำงาน เพราะช่วยให้กระปี้กระเปร่าและไม่ง่วง
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า “กัลยาณี อร่ามเวชอนันต์” ได้เล็งเห็นถึงผลประโยชน์การจากขายยาม้านี้ เธอจึงส่งลูกชายทั้งสองไปเรียนทางด้านเคมีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในไต้หวัน จนเมื่อทั้งสองจบการศึกษา พวกเขาก็เริ่มคิดค้นสูตรยาม้าของตนเองขึ้นมา
ต่อมาพวกเขาได้เช่าบ้านหลังหนึ่งในอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเปลี่ยนบ้านหลังนั้นให้กลายเป็นฐานผลิตยาของตนเอง
ระยะแรกธุรกิจของพวกเขารุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แต่ต่อมา รัฐบาลเริ่มเล็งเห็นว่ายาเสพติดที่พวกเขาผลิตขึ้นมา ส่งผลเสียต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก ทำให้ในปี พ.ศ. 2530 มีการประกาศให้ “ยาม้า” กลายเป็นยาเสพติดต้องห้าม และ ในปี 2539 สมัยที่ "นายเสนาะ เทียนทอง" ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้มีการเปลี่ยนชื่อ "ยาม้า" เปลี่ยนเป็น “ยาบ้า” เพื่อสื่อความหมายให้ประชาชนรับรู้ถึงภัยของมันมากขึ้น
(เปาบุ้นจิ้น ยาบ้ายี่ห้อแรกของไทย ผลิตโดยครอบครัวกัลยาณี อร่ามเวชอนันต์)
ส่วนครอบครัว “กัลยาณี อร่ามเวชอนันต์” ก็ถูกตำรวจจับหลังจากมีการประกาศได้ไม่นาน รวมทั้งลูกชายทั้งสองและสามีของเธอด้วยเช่นกัน แต่นั่นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ใหญ่กว่า
หลังจาก กัลยาณีถูกจับ เหล่าคนงานที่เคยทำงานในโรงงานผลิตแห่งนั้น ก็แยกย้ายกันไปสร้างโรงงานของตนเอง จากตอนแรกสร้างรอบๆ กรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่เมื่อตำรวจกวดขันมากขึ้น พวกเขาจึงย้ายฐานการผลิตไปยังชนกลุ่มน้อยรอบๆ ชายแดน แล้วก็ส่งกลับเข้ามาขายในประเทศไทยอีกที
แต่เมื่อเหล่าผู้นำชมกลุ่มน้อยเห็นถึงผลประโยชน์อย่างมหาศาลจากยาบ้าเหล่านี้ พวกเขาจึงขอ (บังคับ) สูตรจากอดีตคนงานเหล่านั้น จนตอนนี้ ชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มบริเวณชายแดน มีสูตรยาบ้าของกัลยาณีอยู่ ซึ่งพวกเขาก็ผลิตและส่งมาขายยังประเทศไทย
โดยชนกลุ่มน้อยเหล่านั้นมีกองกำลังของตนเองป้องกันโรงงานอยู่ ทำให้ยังมีการผลิตยาบ้าออกมาจำหน่ายอยู่เรื่อยๆ บางครั้ง โรงงานผลิตยาบ้าตั้งอยู่ห่างจากชายแดนแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
ที่น่าสนใจคือ ชนกลุ่มน้อยเหล่านั้น แม้จะเป็นคนผลิตยาบ้า แต่พวกเขากลับมีกฎห้ามอย่างเคร่งครัดว่า สมาชิกในกลุ่มต้องไม่เสพยาที่ผลิตเป็นอันขนาด ไม่อย่างนั้นจะได้รับโทษสูงสุดถึงยิงเป้าเลยทีเดียว
ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าต้นกำเนิดยาบ้าในไทยก็มาจากคนไทยด้วยกันเอง…
สุดท้ายก็ได้แต่ภาวนาว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถกวาดล้างยาเสพติดให้หมดไปจากประเทศไทยเสียที ไม่อย่างนั้นคงต้องมีผู้เดือดร้อนจากยาชนิดนี้อีกมากมายแน่นอน
ขอบคุณที่มา: http://www.catdumb.com/origin-of-meth-in-thai-064/