เมื่อ 23 ม.ค. ไชน่าเดลี่รายงานว่า นักโบราณคดีจีนค้นพบกะโหลกศีรษะมนุษย์ที่มีอายุถึง 100,000 ปี ที่เมืองซูจาง มณฑลเหอหนาน ใจกลางประเทศจีน สภาพของกะโหลกเกือบสมบูรณ์  

         

และถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับจากมีการพบมนุษย์ปักกิ่งและฟอสซิลกะโหลกมนุษย์ถ้ำในกรุงปักกิ่งเมื่อศตวรรษที่แล้ว

นายชาน จี้เซียง ผู้อำนวยการสำนักงานมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติจีน กล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้จะช่วยเปิดเส้นทางศึกษาข้อมูลในช่วงเวลาสำคัญของวิวัฒนาการมนุษย์ หลังจากมีการขุดค้นหาในบริเวณดังกล่าวมา 2 ปี ชิ้นส่วนเหล่านี้กลายเป็นฟอสซิลได้ เพราะฝังอยู่ใกล้ปากน้ำพุธรรมชาติ ซึ่งน้ำในพื้นที่นี้มีแคลเซียมสูงมาก นอกจากกะโหลกศีรษะมนุษย์ที่พบแล้ว ยังมีซากสัตว์ หิน และสิ่งประดิษฐ์จากกระดูก มากกว่า 30,000 ชิ้น ในบริเวณพื้นที่ 260 ตารางเมตร และทีมงานยังหวังที่จะพบฟอสซิลมากกว่านี้

นายหลี่ จางหยาง นักโบราณคดีประจำมณฑลเหอหนาน กล่าวว่า กะโหลกศีรษะที่ขุดพบนี้ พบเมื่อเดือนก่อน เป็นช่วงที่นักโบราณคดีเก็บข้าวของ เตรียมกลับไปฉลองตรุษจีนอยู่แล้ว

"ตอนนั้นอากาศหนาวมาก และขุดยากมาก เราก็เตรียมจะออกจากพื้นที่อยู่แล้วในวันรุ่งขึ้น แต่มีทีมงานคนหนึ่งเหลือบไปเห็นชิ้นส่วนของกะโหลกศีรษะเข้า ตอนนั้นเป็นเวลา 9 โมงเช้า ซึ่งก่อนหน้านั้นหนึ่งชั่วโมง เราเพิ่งจะพูดล้อเล่นกันว่า ขอให้วันนี้เป็นวันกะโหลกด้วยเถิด" นายหลี่กล่าว และให้รายละเอียดว่า กะโหลกประกอบด้วย 16 ชิ้น เป็นกะโหลกที่มีส่วนหัวคิ้วและหน้าผากมาด้วย ที่น่าทึ่งยิ่งกว่าการที่กะโหลกมีสภาพสมบูรณ์ก็คือ ยังมีเยื่อหุ้มเซลล์อยู่ภายในกะโหลก ซึ่งจะทำให้นักวิทยาศาสตร์แกะรอยเส้นประสาทของบรรพบุรุษในยุคพาเลโอลิตธิก หรือยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มนุษย์เริ่มพัฒนาการใช้หินเป็นเครื่องมือ

อู๋ ซินจื้อ ศาสตราจารย์ประจำสถาบันวิทยาศาสตร์จีน กล่าวว่า ฟอสซิลมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในจีนเป็นฟันที่ขุดพบในปี 2508 ที่เขตหยวนมู่ ในมณฑลยูนนาน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ มีอายุถึง 1.7 ล้านปี ส่วนฟอสซิลทั้งหมดที่พบในกรุงปักกิ่งสูญหายไปในช่วงที่จีนมีสงครามกับญี่ปุ่น ช่วงปี 2480-2488