https://www.meekhao.com/history/general-patton-11-quotes
นายพลจอร์จ แพตตัน ผู้บัญชาการใหญ่นายหนึ่งของหน่วย 7th Army แห่งกองทัพสหรัฐฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากจะมีบทบาทสำคัญทางการรบแล้ว ความเชี่ยวชาญของเขาคือการพูดปลุกใจเหล่าทหารหาญ
คำพูดเรียกขวัญกำลังใจของนายพลแพตตันนอกจากจะเต็มไปด้วยพลังแล้ว ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจและสอนบทเรียนมากมายให้ทหารในกองทัพอเมริกันได้ เช่น 11 คำพูดในตำนานนี้
“เหงื่อเพียงไม่กี่หยดสามารถป้องกันไม่ให้เสียเลือดเป็นแกลลอนได้”
ทหารไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถได้ถ้าไม่ผ่านการฝึกฝน ความเชี่ยวชาญอาจต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและความเหน็ดเหนื่อย แต่การฝึกจะช่วยรักษาชีวิตได้ในสนามรบ คำพูดนี้นอกจากจะใช้ได้กับการรบแล้ว ยังสามารถนำมาปรับใช้ได้กับทุกอาชีพการงานไม่ว่าจะเป็นพลเรือน นักกีฬา หรือผู้บริหารก็ตาม
“แผนการที่ดีและการปฏิบัติการอย่างเต็มที่ในตอนนี้ ดีกว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบในสัปดาห์หน้า”
จากประสบการณ์มากมายที่สั่งสมมาในสนามรบ ผู้บัญชาการแพตตันต้องเผชิญกับสถานการณ์มากมายที่บีบบังคับให้ต้องตัดสินใจในระยะเวลาอันสั้นพร้อมข้อมูลอันน้อยนิด เขาทราบดีว่าการเตรียมการล่วงหน้าย่อมดีกว่า เพราะศัตรูอาจบุกเข้ามาโจมตีได้ทุกเมื่อ
“นำฉัน เดินตามฉัน หรือไม่ก็ออกไปจากเส้นทางของฉันซะ”
นี่คือประโยคที่โด่งดังที่สุดในโลกประโยคหนึ่ง แต่คนส่วนใหญ่อาจไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นคำกล่าวของนายพลแพตตัน หลายคนตีความหมายของประโยคนี้ว่าทุกคนต้องมีบทบาทหน้าที่ หรือถ้าเป็นไม่ได้ทั้งผู้นำและผู้ตามก็ไม่ควรขัดขวางคนอื่น
“ทำทุกอย่างที่คุณร้องขอจากคนในบังคับบัญชา”
ผู้นำที่ดีคือผู้ที่สามารถทำทุกอย่างที่ตนสั่งการผู้อื่นได้ นอกจากนายพลแพตตันจะเป็นผู้บัญชาการการรบแล้ว เขายังลงไปต่อสู้เองแทบทุกครั้ง จนกระทั่งถูกยิงเข้าที่ขาเนื่องจากเป็นผู้ควบคุมรถถังด้วยตนเอง
“พูดอย่างที่ตั้งใจ และตั้งใจทำอย่างที่พูด”
ความสอดคล้องของคำพูดและการกระทำเป็นสิ่งสำคัญในสนามรบ คิดไตร่ตรองทุกอย่างให้รอบคอบก่อนที่จะพูดออกมา และเมื่อพูดอะไรออกมาแล้วก็ต้องทำให้ได้อย่างที่เคยพูดไว้
“ทหารหลายนายถูกชักนำไปสู่ความคิดผิดๆ เพราะรู้มากไปเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่สำคัญ”
นายพลแพตตันได้กล่าวเกี่ยวกับสงครามซึ่งแตกต่างจากสื่อหรือหนังสือต่างๆ เคยพูดถึงว่า “คุณจะไม่ตาย มีทหารแค่ 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะตายในสนามรบ และความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว เมื่อเวลาหนึ่งมาถึงทุกคนก็ต้องตาย แน่นอนว่าทุกคนกลัวการต่อสู้ครั้งแรก ถ้าบอกว่าไม่แปลว่าเขาโกหก คนที่ขี้ขลาดหลายคนสู้ได้ไม่ต่างจากคนที่เข้มแข็ง วีรบุรุษตัวจริงคือคนที่สู้แม้ว่าเขาจะหวาดกลัวอยู่ก็ตาม”
“ไม่ต้องบอกคนอื่นว่าทำอย่างไร แต่บอกพวกเขาว่าให้ทำอะไร แล้วความคิดสร้างสรรค์ของเขาจะทำให้คุณประหลาดใจ”
คนส่วนใหญ่ไม่ชอบถูกควบคุมทุกฝีก้าว ผู้นำที่ดีควรบอกคนอื่นว่าเขาคาดหวังอะไรและเป้าหมายในภาพรวมคืออะไร ไม่จำเป็นต้องกำกับทุกรายละเอียดและขั้นตอนวิธีการทำ
“ถ้าทุกคนคิดเหมือนกัน แสดงว่ามีใครบางคนไม่ได้คิด”
ผู้นำที่ดีไม่ต้องการให้ทุกคนเห็นด้วยกับทุกสิ่ง แต่พวกเขาต้องการให้มีใครบางคนแสดงความคิดเห็นและความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างออกไปเพราะมุมมองของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน
“ทำมากกว่าที่ถูกคาดหวังให้ทำ”
นายพลแพตตันเปรียบเทียบกองทัพกับการทำงานเป็นทีม เขาต้องการให้ทุกคนคิดหาวิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้กองทัพประสบความสำเร็จเพราะคนคนเดียวไม่อาจสร้างชัยชนะได้ในสนามรบ และเมื่อทุกคนทำอย่างเต็มความสามารถแล้วท้ายที่สุดทุกสิ่งก็จะออกมาดีในภาพรวม
“ความกล้าหาญทางศีลธรรมเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของมนุษย์ และยังเป็นคุณลักษณะที่หาได้ยากที่สุดอีกด้วย”
ความกล้าหาญทางศีลธรรมคือการกล้าเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่าจะพบกับอุปสรรคมากมายซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่ท้อถอย
“เราคือทหาร เราสู้เพราะคำสั่งให้ต่อสู้ และเราคว้าชัยในสนามรบ”
จอร์จ เอส. แพตตัน เป็นทหารในกองทัพสหรัฐฯ ถึง 36 ปีเต็ม เขาศรัทธาในกองทัพ จงรักภักดีต่อชาติ เชื่อมั่นในยุทธศาสตร์การต่อสู้ และรู้ดีว่าทำอย่างไรจึงจำสามารถเรียกขวัญกำลังใจของทหารออกมาได้ดีที่สุด
ที่มา: BusinessInsider