ดูไปก็อดเศร้าใจ เสียดายภาษีของชาติบ้านเมืองที่เอามาใช้สร้างอาคารรัฐสภาอันโอ่อ่า จ่ายเป็นค่าดำเนินการจัดการเลือกตั้งและเป็นเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง ให้แก่บรรดาคนทำมาหากินในอาชีพที่ถูกเรียกขานกันว่า ผู้ทรงเกียรติในสภา เป็นอย่างยิ่ง
เพราะเปิดประชุมพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณประจำปี 2553 มาตั้งแต่เช้ายันเกือบจะเที่ยงคืน เพิ่งพิจารณาไปได้แค่ 5 มาตรา จากทั้งหมด 34 มาตรา โดยมีกำหนดเวลาพิจารณาทั้งหมดแค่สองวัน
มันยังไงกันล่ะนี่ ....บรรดาท่านผู้ทรงเกียรติในสภาทั้งหลาย ท่านทำอะไรกันอยู่หรือ
ปราก ฎข้อเท็จจริงจากสื่อมวลชนว่า ที่มันเละเทะ สะเปะสะปะมาทั้งวันยันอีกครึ่งคืน ก็เพราะบรรดาผู้ทรงเกียรติในสภา ในซีกของพรรคฝ่ายค้าน พยายามอย่างยิ่งที่จะใช้เวลาในสภาในการทำงานการเมืองเพื่อผลประโยชน์ทางการ เมืองของตัวเอง หยิบยกประเด็นทางการเมืองอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณแผ่นดิน ขึ้นมาโจมตีการบริหารงานของรัฐบาลมากกว่า
ประเด็นหนึ่งที่ถูกบรรดา ส.ส.ฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมาอภิปรายวนเวียน ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกลายเป็นประเด็นซ้ำซากและไม่เกี่ยวเนื่องโดยตรงต่อการใช้งบประมาณแผ่นดิน ของรัฐบาล
ก็คือประเด็นคลิปเสียงของท่านนายกอภิสิทธิ์ เกี่ยวกับการสั่งให้มีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงเมื่อช่วงเดือน เมษายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นข้ออ้างในการประกาศใช้ พรบ.ฉุกเฉิน ซึ่งยังไม่มีข้อพิสูจน์ชัดเจนว่า เป็นของจริงหรือของเทียมกันแน่
แต่ บรรดา ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านพยายามอย่างยิ่งที่จะชี้ชัดลงไปให้ได้ว่า เป็นของจริงหรือไม่ด้วยการขอให้เปิดคลิปเสียงดังกล่าวในสภา เพราะรู้ดีว่าไม่สามารถเอาไปเปิดนอกสภาได้เนื่องจากเป็นคลิปเสียงที่มีการ เผยแพร่ผ่านทางอินเตอร์เน็ตมาก่อน หากใครนำไปเผยแพร่ซ้ำและคลิปเสียงดังกล่าวไม่ใช่ของจริง ก็จะกลายเป็นผู้กระทำความผิดทางอาญาทันทีตาม พรบ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ ที่มีโทษค่อนข้างหนัก
หนึ่ง ในบรรดา ส.ส.ฝ่ายค้านที่พยายามอย่างยิ่งที่จะตอกย้ำทำให้แผลเล็กๆกลายเป็นแผล บาดทะยัก อักเสบรุนแรงถึงขนาดทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทันทีในทางใดทาง หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีลาออก หรือยุบสภาก็ตาม
ก็คือ ส.ส.สาวหน้าตาสะสวยประจำสภาจากฉะเชิงเทรา นามว่า นางฐิติมา ฉายแสง ทายาททางการเมืองที่เข้ามาทำหน้าที่แทนพี่ชายสุดสวาทขาดใจนามว่า จาตุรนต์ ฉายแสง ที่ติดชนักทางการเมืองอยู่ในกลุ่มลูกบ้านเลขที่ 111 จากการยุบพรรคไทยรักไทย
โดยนางฐิติมา ได้พยายามที่จะขอให้ประธานสภาอนุญาตให้เธอเปิดคลิปเสียงดังกล่าวในสภาได้ แต่เมื่อประธานไม่อนุญาตให้เปิดโดยให้เหตุผลว่า มันเป็นประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ การพิจารณา พรบ.งบประมาณ เธอจึงได้อ่านข้อความที่ถอดจากคลิปเสียงดังกล่าวแทน
แต่อ่านไปได้ไม่ทันจบ ได้มี ส.ส.หลายคนของพรรคประชาธิปัตย์ลุกขึ้นประท้วง
และ หนึ่งใน ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ที่ลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายของ ส.ส.คนสวยจากแปดริ้วก็คือ คุณประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบรี โดยคุณประมวล ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า
“หน้าตาสวยๆ ไม่น่าเป็นนางมารร้ายเลย”
เท่านั้นแหละ เป็นเรื่องทันที เพราะ ส.ส.สุดสวยผู้ดุดันจากแปดริ้วลุกขึ้นสวนทันทีว่า
" ไม่ใช่นางมารร้ายที่ไหน ดิฉันเป็นคนดีของสังคม เรามีข้อมูลก็พูด แต่ข้อมูลนี้จะชัดแจ้งถ้าประธานยอมให้เปิดเสียง ถ้าจริงจะโหดร้าย ทารุณ อำมหิตมาก และไม่มีความชอบธรรมที่จะใช้งบประมาณ"
หลังจากนั้นก็มีการ ประท้วงกันวุ่นวาย จนในที่สุดท่านปู่ชัย ชิดชอบที่ขึ้นนั่งแท่นทำหน้าที่เป็นประธานสภาในช่วงนั้นอีดอัดใจจนทำอะไรไม่ ถูก และบอกว่า ถึงที่ประชุมจะไม่เคารพประธานแต่ก็ขออย่ารังแกลูกผู้หญิงเลย
ทำ ให้นายประมวลยอมถอนคำว่า “นางมาร้าย” แต่ได้พูดยืนยันว่า “ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ หลายครั้งที่นางฐิติมาอภิปราย ผมต้องเดินออกจากห้องประชุม" ส่วนนางฐิติมาก็กล่าวว่า ขอให้นายประมวลเป็นสุภาพบุรุษมากกว่านี้หน่อย
บรรยากาศในการประชุมสภา ในช่วงใกล้เที่ยงคืนยิ่งเละเทะ เมื่อส.ส.ฝ่ายค้านยังพยายามหยิยยกประเด็นเรื่องคลิปเสียงท่านนายกอภิสิทธิ์ มาเป็นประเด็นต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
ยิ่งเห็นปู่ชัย ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแบบ "ผู้ใหญ่ใจดีเกินเหตุ" ไม่ยอมใช้อำนาจ สิทธิขาดของการเป็นประธานในที่ประชุม ก็ยิ่งได้ใจ ล่อกันเละเทะวุ่นวาย
ถึง ขนาดมี ส.ส.จากปากน้ำลุกขึ้นมาท้าท้ายว่า แบบนี้ยุบสภาไปเลย ดีกว่า จนกระทั่งล่วงเลยเข้าวันใหม่ไปแล้วนั่นแหละ ปู่ชัยถึงได้ใช้อำนาจประธานสภา เลื่อนการประชุมมาประชุมต่อในวันนี้
ครับก็ยังไม่ทราบว่า วันนี้จะลากถูลู่ถูกังกันไปถึงไหนอีก แต่ที่แน่ๆ ในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ นอกจากจะมี นางมารร้าย อยู่ในสภาอันทรงเกียรติอย่างที่มี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลตั้งฉายาไว้ให้แล้ว น่าจะยังมี อภิมหามารในคราบเทพบุตร ปะปนอยู่ไม่น้อยนะ หรือท่านว่ายังไง