เล่นใหญ่ไฟกะพริบ! 10 โสเภณีที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

https://pepperrr.net/th/articles/13383

คุณคงรู้จักมักคุ้นกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติที่โด่งดังอย่าง พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 จักรพรรดินโปเลียน โบนาพาร์ท เเละกษัตริย์ชาร์เลสที่ 2 กันเป็นอย่างดีใช่มั้ยคะ เเต่จะมีน้อยคนที่จะได้รู้จักคู่นอน ที่มีโอกาสได้ร่วมเตียงกับผู้นำที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ บางคนก็เป็นเเค่คู่นอน เเต่ก็มีบางคนเช่นกันที่ได้มีโอกาสเป็นเเม่ของลูกของคนดังเหล่านั้น

วันนีดิฉันจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ 10 หญิงโสเภณีที่มีชื่อเสียงที่สุด ที่ประวัติศาสตร์ต้องจดจารึกไว้เป็นตำนาน หลายคนที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นนางเเบบที่ผู้คนในสมัยนั้นให้ความเคารพ นับหน้าถือตา เป็นนักลงทุน เป็นศิลปิน เป็นนักเเสดง เเละเป็นนักสำรวจก็มี เเต่ชีวิตของพวกเธอเหล่านั้นเต็มไปด้วยปริศนา เเละบางคนเต็มไปด้วยเเผนร้าย ที่มีการวางเเผนฆ่าด้วยการล่อลวงเหยื่อให้หลงกลด้วยกามคุณ

10 โสเภณีในตำนานมีดังนี้ ตามมาดูวีรกรรมของเเต่ละคนกันได้เลยค่ะ

1. ไพรณี (Phryne)

ไพรณี เป็นหญิงโสเภณีเพียงไม่กี่คนในโลกที่มีความงดงามจนมีการสร้างประติมากรรมรูปปั้นของเธอเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะเเห่งกรีก เธอมีชื่อเสียงตรงที่เธอมีบุคลิกดี หน้าตาสวยงาม เเละเธอยังเป็นนางเเบบให้กับศิลปินที่วาดภาพศิลป์ที่มีชื่อเสียงอย่าง อะเพลเลส (Apelles) เเละนักปั้นที่มีชื่อเสียงอย่าง พราซิเทเลส (Praxiteles) อีกด้วย มีการคาดการณ์กันว่าการที่ ไพรณีเป็นนางเเบบศิลป์เเละเป็นโสเภณีในเวลาเดียวกันนั้นทำให้เธอกลายเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยมาก เธอมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะให้การสนับสนุนการก่อสร้างกำเเพงธีบส์ (Thebes) ขึ้นมาใหม่ หลังจากที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ทำลายมันในช่วง 335 ปีก่อนคริสตกาล ชะตาชีวิตของไพรณีก็เหมือนกับโสเภณีทั่วๆไป ที่จะต้องประสบการการดำเนินคดีความ เเละต้องเผชิญกับเรื่องหน้าอับอาย ที่มีมูลความไม่ชัดเจน อาจเป็นด้วยเหตุผลในเรื่องศาสนา หรืออะไรก็เเล้วเเต่ ได้มีรายงานว่าเธอต้องเปลือยอกต่อหน้าคณะลูกขุนในศาล เเต่ท้ายสุดไพรณีก็ได้รับการช่วยเหลือจาก ไฮป์ไรเดส (Hypereides) ซึ่งเป็นนักพูดที่มีชื่อเสียง ที่มีความรักให้เเก่เธอเป็นอย่างมาก ซึ่งเขาได้ช่วยให้เธอรอดจากพ้นจากคดีความ เเละเป็นอิสระ

2. เวโรนิค้า ฟรานโค (Veronica Franco)

เวโรนิค้า ฟรานโค เป็นผู้หญิงที่มีความน่าหลงใหลในเวนิชมากในช่วงยุคเรเนซอง เเต่ใครจะไปรู้หล่ะคะว่าอีกด้านหนึ่งของชีวิตของเธอนั้นเธอเป็นโสเภณี เพราะฟรานโคนั้นเป็นคนที่ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี เเละเเต่งนิยายที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายเรื่อง เเละเธอยังได้รณรงค์การกุศลเพื่อหาทุนช่วยเหลือเหล่าโสเภณีชั้นสูงเเละเด็กๆที่ยากไร้ ลูกค้ากามที่มีชื่อเสียงของฟรานโคคือกษัตริย์เฮนรี่ที่ 3 เเละในปี 1956 เธอได้อยู่ในลิสต์รายชื่อ Venetian guidbook ให้เป็นหนึ่งในโสเภณีชื่อดังที่สุดในเมืองนี้ ฟรานโคได้ตกเป็นจำเลยของคดีความจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลว่าเล่นเสน่ห์ มนต์ดำ เเต่สุดท้ายคดีไม่มีมูล ศาลจึงไม่รับฟ้อง เเละชีวิตของเธอหลังจากนั้นก็ไม่มีใครทราบอีกเลย ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าเธอเสียชีวิตในช่วงบั้นปลายอย่างยากจน เเละไม่มีเงินเหลือติดตัวมากนัก

3. มาดาม ดู เเบรี่ (Madame du Barry)

จีนเน่ เบคู เป็นที่รู้จักในหมู่ขุนนางข้าราชการในพระเจ้าหลุยซ์ที่ 15 ในชื่อ มาดาม ดู เเบรี่ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเธอเป็นคู่นอนประจำตัวของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เบคูเริ่มเป็นโสเภณีในปารีส ซึ่งการที่เธอเป็นโสเภณีที่หน้าตาสวยงาม ทำให้เป็นที่หมายปองของบรรดาลูกค้าที่ต่างเป็นขุนนางเเละชนชั้นสูง ซึ่งนั่นเป็นการเปิดทางให้เธอได้เข้าสู่พระราชวังเเวร์ไซล์ ซึ่งที่นั่นทำให้เธอได้พบกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ผู้โศกเศร้าเเละอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ภายหลังเธอได้สร้างความเเตกเเยกเเละขัดเเย้งขึ้นในบรรดาเหล่าขุนนางข้าราชการเป็นอย่างมาก เธอได้ถูกส่งไปสำนักชีหลังจากที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 สวรรคต เเละเธอเสียชีวิตด้วยการถูกจับตัดหัวด้วยเครื่องกีโยติน (guiotine) ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสในปารีสปี 1793

4. ซาลลี่ ซาลิสเบอรี่ (Sally Salisbury)

ซาลลี่ ซาลิสเบอรี่ เธอไม่ได้มีชื่อนี้เป็นชื่อเเรกหรอกค่ะ ชื่อที่พ่อเเม่ให้เธอมาคือ ซาราช์ พริดเดน (Sarah Pridden) เธอเป็นคนที่มีจิตใจกล้าหาญเเละเป็นโสเภณีที่มีชื่อเสียงมากในลอนดอนในช่วงศตวรรษที่ 18 เธอเริ่มต้นเป็นโสเภณีตั้งเเต่เธอเข้าสู่ช่วงเเรกรุ่น อายุเพียง 14 ปีเท่านั้น เธอได้ทำงานอยู่ในซ่องโสเภณีที่หรูหรา สำหรับชนชั้นสูง เธอเป็นมีชื่อเสียงในเรื่องความสวยที่ไร้ที่ติ เป็นคนสนุกสนาน ไม่หยิ่ง เเละน่ารักซุกซน เเต่เธอก็ได้สร้างเรื่องอื้อฉาวขึ้น เมื่อเธอได้ทรยศหักหลัง จอห์น ฟินช์ (John Finch) ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนเรื่องเงินทุนกับซ่องที่เธอทำงานอยู่เเละเป็นลูกชายของท่านลอร์ดคนหนึ่ง ในช่วงบั้นปลายของชีวิตเธอนั้น เธอโชคร้ายที่ต้องถูกส่งเข้าคุก เเละหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ป่วยเป็นโรคซิฟิลิส เเละเสียชีวิตลงอย่างน่าสงสาร

5. เนลล์ กวีน (Nell Gwyn)

เนลล์ กวีน เป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียงในฐานะคู่นอนของพระเจ้าชาร์เลสที่ 2 ของอังกฤษ ซึ่งไม่เพียงเท่านั้น เธอยังมีบุตรชายให้พระองค์ถึง 2 คน กวีนกลายนักเเสดงที่เป็นที่หลงใหลของชาวอังกฤษ เเม้ว่าเธอจะเป็นคนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เเต่เธอได้ศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับงานด้านหัตถกรรม เเละงานศิลป็ จากโรงเรียนสอนศิลปะ เเละมีข่าวลือว่าเธอได้เคยอยู่กินฉันสามีภรรยากับนักเเสดงชายชื่อดังอย่าง ชาร์เลส ฮาร์ท (Charles Hart) เเละ จอห์น เเลซี (John Lacy) จากการที่เธอเป็นคนที่มีความสามารถ ทำให้เธอสามารถไต่อันดับความเป็นซุปเปอร์สตาร์ในสมัยนั้นขึ้นเรื่อย จนมีโอกาสถีบตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมของชนชั้นสูง จนมีโอกาสได้พบกับพระเจ้าชาเลส เเละทำให้กวีนได้กลายเป็นคู่นอนของพระองค์ 1 ใน 13 คน จนกระทั่งได้มีลูกชายกับพระองค์ หนึ่งในนั้นได้รับพระนามว่า Duke of St. Alban

6. คอร่า เพร์ล (Cora Pearl)

เอมม่า เอลิซาเบท ครอช (Emma Elizabeth Crouch) เกิดที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วงศตวรรษที่ 19 ครอชไม่ใช่โสเภณีทั่วไปที่อยู่ตามซ่อง หรือท้องถนน เธอเป็นถึงนักเรียนนอก ได้มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ เช่นโรงเรียนในฝรั่งเศส ซึ่งที่นั้นทำให้เธอมีรับการศึกษาในระดับสูง เเละมีชั้นเชิงในการเข้าร่วมสังคมชนชั้นสูงอีกด้วย เเต่หลังจากที่เธอได้ประสบกับเรื่องร้ายในชีวิต คือถูกชายคนหนึ่งข่มขืน เเล้วทอดทิ้งเธอไป ปล่อยเธออยู่อย่างโดดเดี่ยวในลอนดอน ทำให้ครอชเปลี่ยนพฤติกรรม เเละเริ่มวนเวียนอยู่ในผลับ บาร์ เเละซ่องทีมีชื่อว่ Argyll Rooms ระหว่างที่ท่องเที่ยวไปในประเทศฝรั่งเศส ครอชได้เปลี่ยนชื่อเป็น คอร่า เพิร์ล เเละเริ่มประพฤติตัวเป็นโสเภณีชั้นสูงอย่างเต็มรูปเเบบ โดยเธอจะเลือกที่จะคบกับเฉพาะชายที่มีฐานะร่ำรวยเท่านั้น เเละเธอก็เริ่มมีชื่อเสียงกระฉ่อนในปารีส เเละได้นอนร่วมเตียงกับชายที่เป็นคนดังที่นั่นหลายต่อหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนโปเลียน โบนาปาร์ต

7. เเคทเทอรีน วาวล์เทอร์ (Catherine Walters)

เเคเทอร์รีน วาวล์เทอร์ เป็นโสเภณีชั้นสูงชาวอังกฤษ ผู้มีรสนิยมเเฟชั่นนำสมัย เธอเป็นผู้ที่มีทุกอย่างที่เป็นเเฟชั่นที่มีอยู่ในลอนดอนในช่วงศตวรรษที่ 19 เธอช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารัก มีเสน่ห์ การศึกษาดี เเละมีผู้ชายร่ำรวยหลงเสน่ห์เธอเเละทุ่มเทเงินทองให้เธอเป็นจำนวนมาก เวลาที่เธอใส่ชุดหนังรัดรูปเเละขี่ม้าที่ Hyde park ทีไร ก็จะมีชาวเมืองจำนวนมากมารวมตัวกันเพื่อดูเธอ ชายที่มาติดพันหรือลูกค้ากามคนสำคัญของเธอก็คือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 เเละนโปเลียนที่ 3 เเละชะตาชีวิตของเธอก็ไม่ได้เหมือนกับโสเภณีชั้นสูงทั่วไป ที่ชีวิตตกต่ำในบั้นปลาย ในช่วงบั้นปลายชีวิตเธอยังคงร่ำรวยเงินทอง เเละชื่อเสียงของเธอก็ยังคงเป็นตำนานสืบไป

8. ลูลู่ ไวท์ (Lulu White)

ตำนานเรื่องเล่าของตำบล สตอรี่วิลเล่ (Storyville) ของเมืองนิวออร์ลีนส์ (New Orleans) ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1900 คงจะไม่สมบูรณ์ถ้าขาดเรื่องราวของ ลูลู่ ไวท์ ซึ่งเธอเป็นโสเภณี เป็นมาดามเจ้าของซ่อง เเละนักลงทุน ลูลู่ ไวท์เปิดซ่องที่มีชื่อว่า อ็อคโตรูน พาร์เลอร์ (Octoroon Parlour) ที่มีหญิงขายบริการทำงานที่นั่นกว่า 40 คน ที่ซ่องของเธอนั่น เป็นศูนย์รวมของคนที่รักดนตรีเเจ็ส เเละสุภาพบุรุษเจ้าสำราญทั้งหลาย ที่ภายในจะประกอบด้วยห้องรับเเขก 5 ห้องเเละห้องนอนอีก 15 ห้อง ที่เอาไว้ต้อนรับเเขก VIP

เธอก็ได้ถูกทางการบังคับให้ปิดซ่องของเธอในปี 1917 เเต่ชื่อเสียงของเธอก็โด่งดังจนเพลงที่มีชื่อเสียงที่ร้องโดย หลุยส์ อาร์มสตรอง (Louis Armstrong) มีท่อนหนึ่ง"Mahogany Hall Stomp" ที่มีความหมายถึงเธอ เเละชื่อเเจ็สคลับหนึ่งก็ได้ใช้ชื่อของเธอเป็นชื่อคลับด้วย (Boston's jazz club Lulu White's)

9. คาลามิตี้ เจน (Calamity Jane)

เธอเป็นผู้หญิงที่คนส่วนใหญ่รู้จักในชื่อ เจน คานารี่ (Jane Canary) อีกชื่อหนึ่งที่เป็นที่รู้จักคือ คาลามิตี้ เจน เธอเป็นผู้หญิงสไตล์ลุยๆ เป็นคาว์เกิร์ล ขี่ม้า ที่ห้าวหาญต่อสู้กับคนพื้นเมืองเเถวๆป่า Bill Hickok เเต่ใครจะรู้ว่าผู้หญิงห้าวๆอย่างเธอก็เป็นโสเภณีด้วยเช่นกัน เธอเป็นโสเภณีที่ Tree-mile Hog Ranch ในฝั่งตะวันออกของเมื่อง Wyoning เเม้ว่าเธอจะมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้หญิงลุยๆ เนื้อตัวสกปรก มอมเเมม เเต่เจนก็เป็นคนที่น่ารัก ด้วยผมที่ดกดำเเละมีนัยตาสีดำน่าหลงใหล เจนได้เลือกรูปเเบบการดำเนินชีวิตที่เเตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป เเละชอบเเต่งกายเป็นชาย เพราะมันทำให้เธอสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกคล่องเเคล่ว เเละทำงานในเเบบที่ผู้หญิงทั้งหลายไม่ทำกัน เช่น เป็นคนขับเกวียน เเละท้ายสุดเธอยังเป็นนักสำรวจอีกด้วย ห้าวมั้ยหล่ะคะ เเละยังไม่พอเท่านั้น เธอยังเป็นนักเล่านิทานในคณะโชว์ที่ Buffalo Bill's wild West อีกด้วย ช่างหลากหลายความสามารถจริงๆ สำหรับผู้หญิงคนนี้

10. ซาดะ อาเบะ (Sada Abe)

ซาดะ อาเบะ เธอได้กลายเป็นเกอิชาชั้นต่ำ เมื่อเธอเริ่มเป็นโรคซิฟิลิส ชีวิตของเธอไม่มีทางเลือกมากนัก เธอเริ่มเป็นโสเภณีที่โอซาก้า ในซ่องที่มีชื่อเสียงที่มีชื่อว่า โตบิตะ (Tobita) ระหว่างที่เธอเดินทางเข้ากรุงโตเกียว เธอได้พบ คิชิโกะ อิชิดะ (Kichiko Ishida) เเล้วเกิดมีความรักให้เเก่กัน เเต่รักระหว่างเค้าเเละเธอทั้งสองก็นั้นก็กลายเป็นรักคุด ขื่นขมเเละจบลงด้วยความเศร้า ปนโรคจิตเเละสยองขวัญค่ะ

ในปี 1936 อาเบะถูกจับโดยทางการ เเละถูกเผยตัวต่อสาธารณชนว่าเธอเป็นคนฆ่า อิชิดะ ซึ่งเป็นคนรักของเธออย่างโหดเหี้ยม เเละสยองขวัญ ทางด้านจิตเเพทย์รายงานว่าเธอมีอาการผิดปกติด้านจิตใจ เเละมีปัญหาในการรู้จักควบคุมตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องความขี้อิจฉา หลังจากฆ่า อิชิดะ เสร็จ อาเบะ ได้ตัดองคชาติของคนรักเเล้วเก็บเอาไว้ในชุดกิโมโนของเธอ เเละเอามีดกรีดชื่อของเธอไว้ที่เเขนของศพคนรักของเธอ ซึ่งเรื่องราวการฆาตกรรมของเธอนั้นเป็นเรื่องสยองที่ดังสะพัดไปทั่วญี่ปุ่น เลยหล่ะค่ะ เธอโหดเเละโรคจิตมากเลยนะคะ

ที่มา Pepper

Credit: Pepper
15 เม.ย. 60 เวลา 04:26 17,646 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...