นายเหวียนวันมีง (Nguyen Van Minh) กลับจากสอบเอ็นฯ ที่นครเหว (Hue) ถึงบ้านที่เมืองดงห่า (Dong Ha) จ.กว๋างจิ (Quangt Tri) อย่างมีชัย แม้จะยังไม่ประสบ         Accompanying Photos Courtesy of Dan Tri Online
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์-- "ไม่มีใครแก่เกินเรียน" และ นายเหวียนวันมีง (Nguyen Van Minh) คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะฟื้นให้ความรู้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้ทิ้งไปกับโชคชะตาแห่งชีวิต และในที่สุดก็ได้ตัดสินใจเข้าสอบเอ็นทรานช์ เช่นเดียวกับหลานๆ อีกกว่า 2 ล้านคนทั่วประเทศ 
       
       ลุงมีงกลายเป็นผู้เข้าสอบที่อายุมากที่สุดในปีนี้ แต่น่าเสียดายปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ทำให้ไม่สามารถทำข้อสอบถึงวิชาสุดท้ายได้
       
       ลุงมีงเกิดปี พ.ศ.2493 เป็นชาวเมืองดงห่า (Dong Ha) จ.กว๋างจิ (Quang Tri) เมื่อ 36 ปีก่อน เคยสอบเข้าเรียนโรงเรียนอาชีวะศึกษาเถือะเทียนเหว (Thua Thien Hue) ซึ่งเป็นครั้งเดียวในชีวิต ที่ประสบความสำเร็จในการศึกษาต่อ
       
       ลุงมีงสอนโรงเรียนประถมศึกษาที่บ้านเกิดนานถึง 15 ปี แต่โรคประจำตัวทำให้ต้องหยุดอาชีพนี้ลง
       
       อย่างไรก็ตามความจำเป็นที่จะต้องหาเลี้ยงครอบครัวทำให้คุณครูตกยากต้องฮึดสู้ ทำทุกอย่างกระทั่งขายแรงงาน รับจ้างแบกหามตามท่าเรือต่างๆ ชีวิตดีขึ้นอีกหน่อยเมื่อสัก 3 ปีที่แล้ว คุณลุงได้เป็น รปภ.ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งหนึ่ง ชีวิตไม่เร่งรัดเหมือนเดิม
       
       "ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องฟื้นฟูความรู้ต่างๆ" ลุงมีงกล่าวกับสำนักข่าวซเวินจี๋ (Dan Tri) เมื่อต้นสัปดาห์นี้
       
       การเป็น รปภ.ทำให้คุณลุงเปิดประตูสู่ชีวิตใหม่ได้ ทุกๆ วันเมื่อว่างเว้นจากหน้าที่ ลุงมีงจะต้องอ่าน ศึกษา และ ฝึกแก้โจทย์วิชาฟิสิกส์ กับคณิตศาสตร์ กับหลานๆ ที่กำลังเรียนชั้นมัธยมปลาย


ทบทวนข้อสอบดูแล้ว.. ไม่เลว.. ไม่ปวดฟันเสียก่อน ปีนี้อาจจะได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยไปแล้ว        


"อ๋อ.. แน่นอนปีหน้าผมก็จะพยายามอีก" ลุงมีงกล่าวอย่างไม่ลังเล        หลังจากติวตัวเองจนมั่นใจ -ปี 2551 ลุงมีง ตัดสินใจสมัครเข้าสอบเอ็นทรานซ์ โดยตั้งเป้าไปที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์แห่งนครเหว (Hue University of Sciences) แต่ไม่สำเร็จ
       
       ปีนี้จึงฮึดอีกครั้ง โดยพุ่งเป้าไปที่คณะฟิสิกส์ แต่โชคยังไม่ยอมเป็นใจ หลังสอบวิชาคณิตศาสตร์เสร็จ ก็ปวดฟันอย่างรุนแรง ไม่สามารถทำข้อสอบวิชาฟิสิกส์ให้เสร็จได้
       
       หลังจากทบทวนดูข้อสอบแล้ว คุณลุงบอกกับนักข่าวว่า น่าจะทำได้สัก 7 หรือ 8 จาก 10 คะแนน สำหรับวิชาฟิสิกส์ แต่คณิตศาสตร์ดูได้น้อยกว่านั้นนิดหน่อย ส่วนวิชาเคมียังไม่มีโอกาสได้ดูกระทั่งข้อสอบ จึงประเมินอะไรไม่ได้
       
       "เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ผมชอบความรู้ใหม่ๆ ในวิชาการต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟิสิกส์ ผมชอบช่วยเด็กๆ ที่เขารักการเรียน ให้เขามั่นใจขึ้นนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกนั้นโชคดีที่ได้เรียนหนังสือ และรักที่จะเรียนซึ่งเมื่อก่อนนี้ผมเองไม่ชอบ" ลุงมีงกล่าว
       
       "แล้วคุณลุงจะทำอย่างไรต่อไปครับ" นักข่าวถาม
       
       "อ๋อ.. แน่นอน ปีหน้าผมจะต้องพยายามอีก จนกว่าจะหาสักที่หนึ่งเรียนได้ แหม.. ปีนี้ถ้าไม่ปวดฟันเสียก่อน ผมอาจจะได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยกับเค้าแล้วก็ได้" ลุงมีงกล่าวกับซเวินจี๋ อย่างไม่ลังเล.