https://www.meekhao.com/history/black-death
แบล็คเดท หรือ กาฬมรณะ คือโรคระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ล้านคนในทวีปยุโรปภายในระยะเวลาแค่ 2 ปี
กาฬมรณะมีจุดเริ่มต้นจากการมาถึงของเรือลำหนึ่ง ณ ท่าเรือ Sicilian เมืองเมสซีนา ในเดือนตุลาคม ปี 1347 ขณะนั้นมีผู้คนจำนวนมากยืนรอต้อนรับชาวเจนัว 12 คนที่เดินทางท่องไปในทะเลดำเป็นเวลานาน แต่กลับต้องพบกับความประหลาดใจที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อลูกเรือเกือบทั้งหมดเสียชีวิต ส่วนคนที่มีชีวิตรอดต่างก็เพ้อหนักเพราะพิษไข้
สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือทุกคนมีตุ่มฝีสีดำที่เต็มไปด้วยเลือดและน้ำหนอง โรคระบาดที่เกิดขึ้นจึงถูกเรียกว่า “Black Death”
หลังค้นพบความจริงที่น่าสยดสยอง เจ้าหน้าที่ก็ได้สั่งการให้ผลักดัน “เรือมรณะ” ออกจากท่าเรือ Sicilian แต่ดูเหมือนว่าจะช้าเกินไป เพราะอีก 5 ปีต่อมากาฬมรณะก็ได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 20 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชากรในทวีปยุโรป ณ ขณะนั้น
กาฬมรณะ
ก่อนที่กาฬมรณะจะแพร่กระจายในยุโรปโดยมีจุดเริ่มต้นจากเมืองเมสซีนา ชาวยุโรปส่วนใหญ่ล้วนเคยได้ยินข่าวลือเรื่อง “โรคระบาด” ที่น่ากลัวในดินแดนตะวันออก แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงข่าวลือที่น่ากลัวจนกระทั่งได้ประสบชะตากรรมเลวร้ายด้วยตนเอง
Giovanni Boccaccio กวีชาวอิตาลี ได้บรรยายถึงอาการของผู้ป่วยกาฬมรณะไว้ดังนี้ “ในชายในหญิงก็หามีความแตกต่างกันไม่ เขาทั้งหลายเมื่อแรกเริ่มแพ้ภัยจักมีก้อนเนื้อจำพวกหนึ่งขึ้นที่ขาหนีบหรือไม่ก็รักแร้ บางจำพวกโตใหญ่จนมีขนาดเท่าแอปเปิ้ลทั่วไปผลหนึ่ง จำพวกอื่นโตเพียงเท่าไข่ เมื่อขึ้นที่ตำแหน่งที่กล่าวไว้แล้วนี้เจ้าฝีอันตรายนี้จะแพร่ลามไปตำแหน่งอื่นในไม่ช้า แพร่ไปทุกทิศทาง (อ้างอิงจาก: แบล็คเดท)”
นอกจากฝีหนองที่น่ากลัวแล้วผู้ป่วยโรคกาฬมรณะยังมีอาการอื่นๆ อีกหลายอย่าง ทั้งเป็นไข้ หนาวสั่น อาเจียน ท้องร่วง มีตุ่มหรือผื่นบนผิวหนัง จากนั้นก็จะรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกายและเสียชีวิตในที่สุด
การระบาดของกาฬโรคชนิดนี้ยังเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย ถึงขนาดมีผู้กล่าวไว้ว่าแค่สัมผัสเสื้อผ้าที่ผู้ป่วยสวมใส่ก็ติดโรคแล้ว และบางครั้งมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีสามารถเสียชีวิตได้ภายในคืนเดียว
โรคระบาดที่น่าสะพรึงกลัว
นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้พยายามศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับแบล็คเดท จนพบว่ากาฬโรคชนิดนี้มีสาเหตุมาจาก Yersina pestis แบคทีเรียชนิดหนึ่งที่สามารถแพร่กระจายได้ทั้งทางอากาศหรือติดต่อมากับสัตว์หลายชนิดเช่นหนูและแมลง ซึ่งพวกมันสามารถหลบซ่อนตัวอยู่ในเรือขนสินค้าที่เดินทางไปทั่วยุโรปหรือทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย
ไม่นานหลังจากเรือมรณะเทียบท่าที่เมสซินา แบล็คเดทก็แพร่ระบาดไปทั่วเมือง และกระจายต่อไปยังท่าเรือมาร์แซย์ในฝรั่งเศส ท่าเรือตูนิสในแอฟริกาเหนือ ตามด้วยโรมและฟลอเรนซ์ กระทั่งกลางปี 1348 แบล็คเดทก็แพร่ระบาดไปถึงปารีส บอร์โด ลียง และลอนดอน
แม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าจะทำให้เราเข้าใจกาฬมรณะได้อย่างถ่องแท้ แต่ย้อนกลับไปในยุคนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนหายนะ ภัยพิบัติ หรือการลงโทษจากพระเจ้า เพราะไม่มีแพทย์คนใดระบุได้แน่ชัดว่ามันแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร มิหนำซ้ำแพทย์แต่ละคนก็พูดถึงการแพร่ระบาดของแบล็คเดทในมุมมองที่แตกต่างกันออกไปจนผู้คนเกิดความสับสน
การรักษากาฬมรณะที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นมีทั้งวิธีทั่วไปที่ช่วยบรรเทาอาการของผู้ป่วย หรือวิธีที่ทำให้โรคเลวร้ายลงกว่าเดิม เช่น การกรีดแผล การบีบหนอง การเผาด้วยสมุนไพร หรือการลงไปแช่ในน้ำส้มสายชู
เหตุการณ์ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เพราะผู้คนที่ยังไม่ป่วยก็ไม่อยากติดเชื้อ หมอไม่ยอมทำการรักษาคนไข้ นักบวชไม่ยอมสวดศพให้ผู้เสียชีวิต พ่อค้าแม่ค้าปิดร้าน ประชาชนเริ่มอพยพออกไปนอกเมือง แต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นแบล็คเดทได้ เพราะมันแพร่ระบาดไปสู่สัตว์เลี้ยงเกือบทุกชนิดทั้งวัว แกะ แพะ หมู และไก่ จนสุดท้ายแม้แต่คนในครอบครัวเองก็กักขังคนป่วยและปล่อยให้พวกเขาเสียชีวิตอย่างทุกข์ทรมาณเพียงลำพัง
การลงโทษจากพระเจ้า
เหตุการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ และการขาดความรู้ความเข้าใจทำให้ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่านี่คือการลงโทษจากพระผู้เป็นเจ้า และสิ่งที่ตามมาก็คือการ “ล้างมลทิน” ด้วยการประหารชีวิตผู้ที่ถูกมองว่าสร้างปัญหา ชาวยิวหลายพันคนถูกสังหารในช่วงปี 1348 ถึง 1349 เพื่อนบ้านหันมาทะเลาะเบาะแว้งกันเอง ผู้คนเริ่มปลีกวิเวกออกจากสังคม ชนชั้นสูงบางคนเดินทางไปเยือนเมืองต่างๆ เพื่อชักจูงให้ผู้คนสารภาพบาปและยอมรับการลงโทษ ด้วยการฟาดร่างกายตัวเองหรือผลัดกันฟาดผู้อื่นด้วยเส้นหนังที่มีตะปูหัวใหญ่ตอกไว้
พิธีกรรมเหล่านี้กินเวลานานถึง 33 วันครึ่ง โดยผู้คนจะต้องมารับโทษวันละ 3 ครั้ง จากนั้นพวกเขาก็จะย้ายไปยังเมืองอื่นและเริ่มพิธีกรรมครั้งใหม่ สถานการณ์เริ่มทุเลาลงในช่วงต้นทศวรรษที่ 1350 แต่ยังมีโรคระบาดเกิดขึ้นประปรายในอีกหลายร้อยปีต่อมา แม้จะไม่ร้ายแรงเท่ากาฬมรณะในครั้งนั้นแต่ก็น่าหวาดผวาและอยู่เหนือการควบคุมของหน่วยงานสาธารณสุข
ที่มา: History, ภาพจาก: wikipedia, johnstrickland, genetic