read:http://petmaya.com/pepsi-vs-coke
ดูเหมือนว่าโลกนี้จะแบ่งผู้คนออกเป็น 2 ประเภท คือฝั่งที่ชื่นชอบเป๊ปซี่ กับฝั่งที่ชื่นชอบโค้ก
ในขณะที่แฟนๆ ที่รักในรสชาติของเป๊ปซี่ต่างคิดว่า เป๊ปซี่มันซ่าส์และสดชื่นกว่า ในขณะที่แฟนๆ ของโค้กมองว่า โค้กมีรสชาติหวานในแบบคลาสสิก
ถึงแม้จะมีการดีเบตกันมากมายระหว่างรสชาติของน้ำดำ 2 ยี่ห้อนี้ แต่ก็ไม่มีใครรู้ลึกรู้จริงว่า อะไรกันแน่ที่ทำให้เป๊ปซี่และโค้กมีรสชาติที่แตกต่างกัน
จริงๆ แล้ว มัลคอล์ม แกลดเวลล์ นักเขียนชาวแคนาดาที่ทำงานให้กับ The New Yorker เคยทำการศึกษาเรื่องความแตกต่างของน้ำทั้ง 2 ยี่ห้อนี้เรียบร้อยแล้ว
ในปี 2005 มัลคอล์มได้ออกหนังสือที่ชื่อ Blink โดยมีการอธิบายความแตกต่างของเป๊ปซี่และโค้กเอาไว้ประโยคหนึ่งสั้นๆ ว่า “เป๊ปซี่โดดเด่นตรงที่มีรสชาติซาบซ่า แตกต่างจากรสชาติของโค้กที่มีรสชาติของวานิลลามากกว่า”
ในความเป็นจริง ถ้าคุณสังเกตส่วนผสมของน้ำอัดลมทั้งคู่จะพบว่า เป๊ปซี่จะมีส่วนผสมที่เรียกว่า “กรดซิตริก” (Citric Acid) รวมอยู่ด้วย
ในขณะที่โค้ก ระบุส่วนผสมเหมือนกับเป๊ปซี่ทุกอย่าง ยกเว้นเพียงแค่ กรดซิตริก เท่านั้น ที่โค้กไม่มีระบุอยู่ในฉลาก
ส่วนกรดซิคริก ก็คือกรดอินทรีย์ที่เป็นกรดอ่อน พบได้ตามธรรมชาติในอาหารหลายชนิด เช่น ส้ม มะนาว ผลไม้หลายชนิด
ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา กรดซิตริกเคยถูกผลิตจากน้ำมะนาว แต่ในปัจจุบันจะผลิตจากเชื้อรา Aspergillus Niger โดยวัตถุดิบที่ใช้ในการหมัก คือกากน้ำตาล
หลังจากที่ทราบกันไปแล้วว่า ส่วนผสมชนิดเดียวที่เป๊ปซี่มี แต่โค้กไม่มีก็คือ “กรดซิตริก” แล้วส่วนผสมอื่นๆ ล่ะ ถึงแม้ทั้งเป๊ปซี่และโค้กจะมีทั้งคู่ แต่ก็มีปริมาณที่แตกต่างกันเล็กน้อย
อย่างเช่น “น้ำตาล” หลายคนคิดว่าโค้กหวานกว่าเป๊ปซี่ แต่ความจริงแล้ว ในโค้กหนึ่งกระป๋อง มีน้ำตาล 39 กรัม ซึ่งน้อยกว่าเป๊ปซี่ ที่มีน้ำตาล 41 กรัม
ส่วนความแตกต่างอื่นๆ เปรียบเทียบกันระหว่าง กระป๋องต่อกระป๋อง นอกจากน้ำตาลแล้ว จะเห็นได้ตามภาพว่า เป๊ปซี่มีแคลอรีมากกว่าโค้กนิดหน่อย และโค้กมีโซเดียมมากกว่าเป๊ปซี่พอสมควร
สรุปเอาเป็นว่า ใครชอบรสชาติของแบรนด์ไหนก็ดื่มแบรนด์นั้นไป แต่ถ้าไม่อยากอ้วนก็เลือกน้ำตาล 0% แบบไดเอทหรือซีโร่จะดีที่สุด
ที่มา https://www.buzzfeed.com/michelleno/this-is-basically-the-only-difference-between-pepsi-and-coke?utm_term=.qgll2R0db#.krRqOG4ov