ระวังพฤติกรรมยอดแย่..เร่งแก่ โดย ผ.ศ.(พิเศษ) ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์ ประธานมูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
ไม่มีใครอยากแก่ แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นไม่เฉพาะเรื่องของสุขภาพภายในเท่านั้น ผิวพรรณที่แลดูอ่อนเยาว์กลับไม่สดใสและส่งสัญญาณฟ้องให้เห็นจนเราเองก็ตกใจ ทั้งๆ ที่ปกติก็ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอในทุกวัน แต่สภาพผิวกลับหมองคล้ำมีจุดด่างดำและปรากฏริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด หลายคนจึงพากันหาสรรพัดวิธีต่อต้านความชรากัน จนมองข้ามพฤติกรรมที่ทำร้ายร่างกายละทำลายผิวพรรณแบบไม่รู้ตัว
ข้อมูลจาก ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ กรรมการมูลนิธิคุณแม่คุณภาพ เปิดเผยว่าพฤติกรรมยอดแย่ที่จะทำให้แก่ก่อนวัยมีดังนี้
กินอาหารไม่เหมาะสม
คุณรู้หรือไม่ว่ารูปแบบพฤติกรรมการกินอาหารของเราเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำร้ายสุขภาพและทำให้ร่างกายทรุดโทรม โดยเฉพาะอาหารที่ทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานมาก เช่น ของทอด ของหวาน อาหารที่มีไขมันชนิดอิ่มตัว(ไขมันจากสัตว์ กะทิ) และไขมันทรานซ์(ขนมเบเกอรี่ต่างๆ ขนมขบเคี้ยวต่างๆ เนยเทียม) คาร์โบไฮเดรตและโปรตีนที่ให้แคลอรีสูง ฯลฯ ไม่เพียงแต่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเท่านั้น หากยังกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการร้ายทำลายผิวและอวัยวะต่าง ๆ เสื่อมก่อนวัย ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักสด ผลไม้หลากสีซึ่งมีวิตามิน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยชะลอการเสื่อมของผิวหนัง
นอนดึก พักผ่อนน้อย
การอดหลับอดนอน หรือนอนหลับไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่ใช่แค่กระทบกับรูปลักษณ์ที่แสดงออกผ่านใบหน้าอย่างเดียวเท่านั้น ยังส่งผลโดยตรงต่อเรื่องสภาพอารมณ์ เพราะระบบฮอร์โมนในร่างกายเกิดการแปรปรวน จึงเกิดความเครียดและซึมเศร้าได้ง่าย แต่หากเข้านอนแต่หัวค่ำ ไม่เพียงแต่จะช่วยระบบการทำงานของร่างกายที่อ่อนล้ามาตลอดทั้งวันได้หยุดพักและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอแล้ว เวลาตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตีสองเป็นช่วงที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งส่งผลให้หลับลึก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และทำให้การหลั่งฮอร์โมนอื่นๆ สมดุล ทั้งส่งผลให้โกรทฮอร์โมน(Growth hormone) หลั่งออกมาเสริมสร้างโปรตีน ได้แก่ คอลลาเจนใต้ผิวหนัง กล้ามเนื้อและกระดูก ช่วยลดไขมันที่สะสมในร่างกาย จึงช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีแลดูอ่อนเยาว์ แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรนอนคว่ำหรือตะแคง เพราะมีส่วนทำให้เกิดตีนกาและรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
เป็นอีกหนึ่งปัจจัยทำลายผิวพรรณ เพราะนอกจากกระตุ้นการเกิดสารอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสื่อมของเซลในร่างกายแล้ว ยังเป็นวายร้ายทำลายผิวพรรณให้แห้งกร้าน สูญเสียความตึงตัว เกิดริ้วรอย รวมถึงยังทำให้การไหลเวียนเลือดไปที่ผิวหนังไม่ดี ใบหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส หยาบกร้าน ที่สำคัญยังเป็นต้นเหตุให้สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรมลงและเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งอีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากรักษาสุขภาพผิวให้เต่งตึง อ่อนเยาว์สมวัยเลิกสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์กันเถอะ
เครียดมากก็เสื่อมเร็ว
ตัวการสำคัญที่มักทำให้เราแก่ก็คือความเครียด เนื่องจากฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เกิดจากความเครียดทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวหนังลดลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอยและเลือดไปเลี้ยงผิวหนังชั้นนอกไม่เพียงพอ อีกทั้งยังทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายแปรปรวน ซึ่งไม่เพียงทำให้ร่างกายและจิตใจเสื่อมโทรมลงเท่านั้น หากยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวเพราะความเครียดสัมพันธ์กับโรคต่างๆ แทบทุกโรค ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด ฯลฯ ดังนั้นเมื่อรู้ตัวว่าเครียดต้องรีบปรับเปลี่ยนอารมณ์ไม่ติดกับความเครียดนานเกินไป ปล่อยวางความคิด หรือการทำงานตรงหน้าไปทำกิจกรรมอย่างอื่นสักพัก หรือหาเรื่องหัวเราะ เมื่ออารมณ์แจ่มใสขึ้นจึงค่อยเริ่มต้นกันใหม่
เลิกแต่งหน้าให้ดูเป๊ะ
แม้การแต่งหน้าจะเป็นปัจจัยเคียงข้างความสวยงาม แต่การประโคมเมคอัพแบบจัดเต็มอยู่บ่อยๆ สุขภาพผิวหน้าเราก็จะอ่อนแอลงทุกวันเพราะฤทธิ์ของสารเคมีในเครื่องสำอางที่ใช้เป็นประจำ จะส่งผลให้ผิวหน้าเราเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ยิ่งถ้าล้างเครื่องสำอางออกไม่หมดจะทำให้รูขุมขนทำงานไม่สะดวก เกิดการอุดตัด เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดความหมองคล้ำ เกิดสิว ริ้วรอยและเกิดความเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว หากไม่อยากแก่เร็วลองหันมาแต่งหน้าแบบบางๆ เผยให้เห็นความสวยธรรมชาติดูบ้าง และที่สำคัญต้องไม่ลืมล้างเครื่องสำอางออกให้สะอาดหมดจดก่อนนอนทุกคืนจะดีกว่า
เผชิญแสงแดดและมลภาวะเป็นพิษ
นอกจากมลพิษทางอากาศ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ ที่เราหายใจเข้าไปแล้ว สารเคมีที่ปลอมปนอยู่ในอาหาร เช่น ยาฆ่าแมลง ผงชูรส สีสังเคราะห์ ยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้อนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เหล่านั้นควบคู่กับการเลือกรับประทานผักสด ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง รวมถึงการปกป้องผิวจากรังสียูวีที่คอยทำลายผิวให้แห้งกร้านและเกิดจุดด่างดำ ด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำและเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10.00 – 15.00 น. หากจำเป็นควรกางร่ม หรือสวมหมวก และสวมแว่นกันแดดทุกครั้ง
คงไม่มีใครอยากแก่และเจ็บป่วยด้วยโรครุมเร้า แต่จะทำอย่างไรจึงจะยื้อยุดความเป็นหนุ่มเป็นสาวไว้กับเราให้นานที่สุดและมีสุขภาพดีร่วมด้วยนั้น ต้องรู้จักสังเกตและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต พร้อมกับเริ่มต้นดูแลตัวเองเสียแต่เนิ่นๆ ทั้งการเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีคุณค่า ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ทำจิตใจให้แจ่มใสและมองโลกในแง่ดี คุณก็จะดูดี มีเสน่ห์และอ่อนกว่าวัยจนหลายคนต้องอิจฉา
ขอบคุณที่มา: http://www.thaitribune.org/contents/detail/318?content_id=26643&rand=1489800054