read:http://petmaya.com/nasa-trappist-1
เมื่อเวลา 1.00 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ตามเวลาประเทศไทย ทางนาซ่าได้ทำการแถลงข่าวการค้นพบครั้งใหม่ โดยเป็นการค้นพบระบบดวงดาวขนาดเล็กที่อยู่ห่างออกไปราว 39 ปีแสงเท่านั้น โดยมันเป็นที่รู้จักในชื่อ Trappist-1
สิ่งที่น่าตื่นเต้นก็คือ มีดวงดาวทั้งหมด 7 ดวงที่มีลักษณะคล้ายโลก โคจรอยู่ใกล้กับดาวแคระ Trappist-1 และดวงดาวทั้ง 7 ดวงนั้นอาจมีน้ำหรือมหาสมุทรอยู่บนพื้นผิว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ก่อเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นได้ แถม 3 ใน 7 ดวงยังมีปัจจัยที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตอย่างมาก
พื้นผิวของดาวเคราะห์ชั้นใน 6 ดวง มีอุณหภูมิพื้นผิวอยู่ระหว่าง 0-100 องศา ซึ่งส่งผลให้พื้นที่บางส่วนบนดาวเคราะห์ มีสภาพบรรยากาศที่เหมาะต่อการเติบโตของสิ่งมีชีวิต จนถึงขั้นมีพัฒนาการไปเรียบร้อยแล้ว
จากภาพ เราจะเห็นว่าดวงดาว h ที่อยู่ห่างที่สุด จะมีลักษณะเป็นดวงดาวน้ำแข็ง ส่วน b c d จะค่อนข้างร้อนและแห้งแล้ง ส่วนดวงดาวที่คาดว่าจะมีน้ำและเหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตที่สุด 3 ดวงก็คือ e f และ g
ภาพด้านล่างเป็นภาพคอนเซปต์ของดาว F ที่มีขนาดเท่าๆ กับโลก แต่ภูมิอากาศเย็นกว่าเล็กน้อย และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ที่นี่มากที่สุด
ขนาดของ Trappist-1 เมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ของเรา ค่อนข้างเล็กกว่ามากทีเดียว
ส่วนภาพนี้ เป็นการเปรียบเทียบวงโคจร ระยะห่างของดาว รัศมีวงโคจร ของดวงดาวทั้ง 7 กับ ดาวพุธ ศุกร์ โลก และดาวอังคาร
ถึงแม้โลกและ Trappist-1 จะอยู่ในกาแล็กซี่ทางช้างเผือกเหมือนๆ กัน ที่ใหญ่ขนาด 100,000 ปีแสง แต่เราอยู่ห่างจาก Trappist-1 แค่ 39 ปีแสงเท่านั้น
แต่ถ้าเราใช้เทคโนโลยีปัจจุบันเพื่อที่จะเดินทางไปที่นั่น ก็จะกินเวลานานถึง 100,000 ปีเลยทีเดียว
ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ของนาซ่ายังไม่เคยค้นพบระบบดวงดาวที่ประกอบด้วยดาวเคราะห์หินที่มีขนาดพอๆ กับโลก เยอะขนาดนี้มาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่มีมนุษย์เรามีโอกาสได้พบสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนดาวดวงอื่น
นักวิจัยนาซ่ากล่าวว่า “นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น” ซึ่งพวกเรามีโอกาสรู้ว่า จะมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นอกเหนือจากบนโลกนี้ อาศัยอยู่บนดวงดาวเหล่านั้นหรือไม่ ภายในต้นทศวรรษที่ 2020 หรืออีกไม่เกิน 10 ปีนี้นั่นเอง
ที่มา https://www.nasa.gov/press-release/nasa-telescope-reveals-largest-batch-of-earth-size-habitable-zone-planets-around