ในปี 1502 นักสำรวจชาวโปรตุเกสชื่อ Vasco Da Gama ออกเดินเรือจากเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกสไปยังประเทศอินเดีย แต่หลังจากออกเดินทางไปพวกเขาเดินทางไปไม่ถึงจุดหมายและหายสาปสูญไปตลอดกาล
โดย Vasco Da Gama กลายเป็นนักสำรวจที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยนั้น หลังจากในปี 1499 เขาเป็นคนแรกที่ออกเรือเดินทางจากยุโรปไปอินเดียพร้อมกับเพื่อนนักสำรวจคนอื่นๆ ของเขาเพื่อทำการค้นหาเส้นทางการค้าใหม่ๆ เรียกได้ว่าช่วงนั้นเป็น "ยุคทองแห่งการค้นพบ" เลยทีเดียว
และมันยังนำไปสู่การสานสัมพันธุ์ระหว่างอาณานิคมยุโรปกับพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย
หลังจากการเดินทางครั้งแรกประสบความสำเร็จทั้งยังสร้างชื่อเสียงทำให้เขากลายเป็นนักสำรวจคนแรกที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เขาก็เริ่มการเดินทางครั้งที่ 2 โดยมุ่งหน้าจะไปประเทศอินเดีย
โดยการเดินทางครั้งนั้นมีเรือไปทั้งหมด 15 ลำ อยู่ในการควบคุมของ Vasco Da Gama กว่า 10 ลำ ส่วนอีก 5 ลำอยู่ในการควบคุมของ Vicente Sodré ผู้เป็นน้า แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าการเดินทางครั้งนั้นมันจะกลายเป็นโศกนาฎกรรม
แต่ Vicente Sodré กลับละเลยคำสั่งของ Vasco Da Gama ที่ให้เขาเอาเรือทั้ง 5 ลำไปปกป้องพื้นที่ตามแนวชายฝั่งอินเดีย เพราะเขากลับเอาคนไปปล้นเรืออาหรับ
และโชคไม่ดีที่วันที่เชาทำการปล้นนั้นเกิดพายุนอกชายฝั่ง ทำให้เรือ Esmeralda จมลงใต้ทะเล แถมลูกเรือบนเรือยังเสียชีวิตอีกด้วย
แต่แล้วอีก 500 ปีต่อมา บรษัท Blue Water Recoveries ของอังกฤษกลับค้นพบเรือ Esmeralda ที่สูญหายไปหลายร้อยปีอยู่ใต้ทะเล
มีการค้นพบซากเรือครั้งแรกในปี 2013 แต่เพิ่งได้รับการยืนยันเมื่อเร็วๆ นี้ว่ามันคือเรือ Esmeralda
ทั้งยังพบเหรียญทองของโปรตุเกสในซากเรืออีกด้วย
ภาพของนักดำน้ำกำลังสำรวจบริเวณที่พบซากเรือ
นอกจากนี้ยังมีเหรียญเก่าแก่ในปี 1499 อีกด้วย
และเครื่องประดับที่เป็นสัญลักษณ์ของ Don Manuel I
ทั้งยังมีกระสุนปืนของเรืออีกด้วย
ระฆังเรือที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์หลังผ่านมา 500 ปี
การค้นพบซากเรือ Esmeralda เป็นการค้นพบที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะมันมีส่วนช่วยทำให้รู้ช่วงเวลาที่สำคัญในการวิจัยทางโบราณคดี ทั้งมันยังเป็นการค้นพบที่น่าทึ่งมากอีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าเรือที่อัปปางมานานกว่า 500 ปีจะเพิ่งถูกค้นพบในปัจจุบัน