Dyson Supersonic™ ปฎิวัติใหม่ของ ‘ไดร์เป่าผม’
นวัตกรรมสุดชาญฉลาดเพื่อการตกแต่งทรงผมที่รวดเร็ว และไม่ทำลายเส้นผม
ไดร์เป่าผมทั่วไปมักมีขนาดใหญ่ เทอะทะและมีความยากลำบากในการใช้งาน อีกทั้งยังเป่าลมร้อนในอุณหภูมิที่สูง ซึ่งนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นผมถูกทำลายจากความร้อนได้ นอกจากนั้นบางเครื่องยังมีความเสี่ยง ที่ทำให้เส้นผมถูกดูดและติดอยู่ข้างในตัวกรอง...ปัญหาต่างๆเหล่านี้ทำให้ทีมวิศวกรของ Dyson พยายามที่จะพัฒนาไดร์เป่าผมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไดร์เป่าผม Dyson Supersonic™ ช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการตกแต่งทรงผม ใช้เวลารวดเร็วขึ้น โดยเน้นการเป่าลมที่เน้นย้ำเฉพาะจุดและเป็นแรงลมที่ทรงพลัง ทั้งยังออกแบบให้มีด้ามจับที่ถนัดมือ สะดวกต่อการบังคับและใช้งาน ที่สำคัญยังมีเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดในการควบคุมอุณหภูมิของลมไม่ให้ร้อนเกินไป จนสามารถทำลายสุขภาพของเส้นผมได้
เจมส์ ไดสัน: "ไดร์เป่าผมทั่วไปส่วนมากจะหนัก ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ทั้งยังมีเสียงดังรบกวนขณะใช้งาน และเราตระหนักดีกว่าไดร์เป่าผมยังเป็นตัวทำลายสุขภาพเส้นผม จากลมร้อนที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป ผมให้การสนับสนุนทีมวิศวกรของไดสันเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจในศาสตร์แห่งเส้นผม เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาของไดร์เป่าผมที่ร้อน มีขนาดใหญ่ และไม่มีประสิทธิภาพ”
ศาสตร์แห่งเส้นผม
ไดสันทุ่มงบลงทุนกว่า 50 ล้านปอนด์ในการพัฒนา Dyson Supersonic™ รวมถึงการสร้างห้องปฏิบัติการณ์อันทันสมัยซึ่งออกแบบมาสำหรับการศึกษาศาสตร์แห่งเส้นผมโดยเฉพาะ วิศวกรของไดสันได้ศึกษาเส้นผมตั้งแต่โคนจรดปลาย โดยทำความเข้าใจในวิธีการที่จะตอบสนองต่อแรงเค้น วิธีที่จะรักษาเส้นผมให้ดูดีมีสุขภาพ และวิธีการจัดแต่งทรงผม
เป็นเวลากว่า 4 ปีที่ทีมวิศวกรทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ไดร์เป่าผม กับเส้นผมประเภทต่างๆ และทำการทดสอบซึ่งจำลองเทคนิคการไดร์ผมที่แตกต่างกันไปทั่วโลก ซึ่งมีการนำเส้นผมจริงของมนุษย์มาใช้ในการทดสอบครั้งนี้ ถ้านำความยาวของเส้นผมทั้งหมดมาคำนวณรวมกัน คิดรวมเป็นระยะทางกว่า 1,010 ไมล์ หรือประมาณ 1,625 กิโลเมตร
มอเตอร์ทรงประสิทธิภาพ
ไดร์เป่าผม Dyson Supersonic™ มีขุมพลังอันทรงประสิทธิภาพจากเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะของไดสัน นั่นคือ ไดสันดิจิตตอลมอเตอร์ V9 ซึ่งได้รับการพัฒนาคิดค้นจากทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านมอเตอร์ของไดสัน จำนวนมากกว่า 15 คน เพื่อให้สำเร็จเป็น ไดสันดิจิตอลมอเตอร์รุ่นล่าสุด ที่มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาขึ้น ทว่าทรงประสิทธิภาพในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
โดยไดสันดิจิตอลมอเตอร์ใน Dyson Supersonic™ มีพลังในการหมุนได้เร็วกว่ามอเตอร์ของไดร์เป่าผมทั่วไปถึง 8 เท่า[1] ถึงแม้จะมีพลังอันทรงประสิทธิภาพ แต่ไดสันดิจิตอลเมเตอร์ได้รับการพัฒนาคิดค้นให้มีขนาดเล็กลง เพื่อที่สามารถติดตั้งในตำแหน่งบริเวณด้านจับได้ ทำให้จับถนัดมือ สะดวกในการบังคับและใช้งาน เพราะไดร์เป่าผมทั่วไปมักจะติดตั้งมอเตอร์บริเวณส่วนหัวของตัวเครื่องที่ทำหน้าที่เป่าลม และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกควบคุมการทำงานของไดร์เป่าผมได้ยาก
ปกป้องเส้นผมให้เป็นประกายเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ
ไดร์เป่าผมทั่วไปจะเป่าลมร้อนออกมาในอุณหภูมิที่สูงมาก โดยเฉพาะเมื่อถือใกล้ศีรษะของคุณ การกระทำเช่นนี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เส้นผมของคุณจากความร้อนที่สูงเกินไป ทั้งนี้ไดร์เป่าผม Dyson Supersonic™ มีเทคโนโลยีการควบคุมความร้อนที่ชาญลาด ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าเส้นผมจะไม่สัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงเกินไป โดยใช้เทอร์มิสเตอร์ชนิด glass bead (อุปกรณ์ให้ความร้อนแบบอุณหภูมิคงที่ชนิดหนึ่ง) จะทำการวัดอุณหภูมิ 20 ครั้งต่อวินาทีและจะส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังไมโครโพรเซสเซอร์ซึ่งถูกออกแบบมาให้ควบคุมความร้อนด้วยเช่นกัน นับเป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของไดสันในการควบคุมอุณหภูมิความร้อนอย่างแม่นยำและเชื่อถือได้ถึง 2 ชั้น
ทำงานรวดเร็วและตรงจุด
ไดร์เป่าผม Dyson Supersonic™ ใช้เทคโนโลยี Air Multiplier™ ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรจากไดสัน โดยเทคโนโลยีนี้จะทำให้ระดับพลังแรงลมที่ผ่านเข้าสู่มอเตอร์ได้รับการเพิ่มกำลังถึงสามเท่า ทำให้ลมที่เป่าออกมาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความรวดเร็ว
ไดร์เป่าผมทั่วไปมักจะประสบปัญหาแรงลมที่เบา อ่อน และไม่ต่อเนื่อง ในขณะที่บางเครื่องแม้จะสามารถเป่าลมในระดับที่แรงได้ แต่เป็นความแรงที่ไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ ทำให้ไม่สามารถเน้นย้ำได้ตรงกับบริเวณที่ต้องการจัดทรง ทว่าไดร์เป่าผม Dyson Supersonic™ สามารถแก้ปัญหาต่างๆเหล่านั้นได้ เพราะสามารถสร้างลมที่มีความแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นทิศทางลมที่ควบคุมได้และเน้นย้ำได้ตรงจุด โดยทำมุม 20 องศากับเส้นผม เป็นมุมองศาที่เหมาะกับการเป่าผมให้แห้งและการจัดแต่งทรงผม ทำให้คุณสามารถทำให้ผมแห้งและจัดแต่งทรงผมได้ในเวลาเดียวกัน
วิศวกรรมสวนศาสตร์ (สะ-วะ-นะ ศาสตร์) / Acoustic engineering
ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงเชิงอากาศพลศาสตร์ของไดสัน ได้ศึกษาและเรียนรู้ถึงกระบวนการที่จะทำให้ Dyson Supersonic™ ทำงานได้อย่างเงียบที่สุด โดยการใช้ใบพัดมอเตอร์ให้เคลื่อนที่ไปตามแนวแกนหมุน นี่จึงเป็นวิธีช่วยลดแรงหมุนเหวี่ยงที่ปราศจากการควบคุมของทิศทางลม และยังเพิ่มจำนวนใบพัดมอเตอร์เป็น 13 ใบ จากปกติที่ใช้กันเพียง 11 ใบ อีกทั้งทีมวิศวกรของไดสันได้ติดตั้งตัวควบคุมเสียงภายในมอเตอร์ให้มีความถี่ของเสียงอยู่สูงกว่าช่วงเสียงปกติที่มนุษย์จะได้ยิน
รวมไปถึงขนาดของไดสันดิจิตอลมอเตอร์ ที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด และถูกติดตั้งอยู่ในบริเวณด้ามจับ ทั้งหมดนี้ทำให้ไดร์เป่าผม Dyson Supersonic™ มีการทำงานที่เงียบและเสียงเบากว่าไดร์เป่าผมทั่วไป ในขณะเดียวกันก็ยังเปี่ยมประสิทธิภาพของพลังลมอีกด้วย
การตั้งค่าและอุปกรณ์เสริม
Dyson Supersonic™ มีการตั้งค่าความร้อนในสี่ระดับ การตั้งค่าแรงลมในสามระดับ รวมถึงมีระบบลมเป่าเย็นด้วย ทีมวิศวกรของไดสันได้พัฒนาไดร์เป่าผมที่ทรงประสิทธิภาพนี้ เพียงแค่อุปกรณ์เสริมก็ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะของไดสันกว่า 16 สิทธิบัตร ทั้งหมดนี้เป็นการคิดค้นทุ่มเทเพื่อให้มีไดร์เป่าผมที่ช่วยคุณตกแต่งทรงผมให้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและไม่เป็นการทำลายสุขภาพเส้นผม
วิศวกรของไดสันได้ออกแบบหัวเป่าของไดร์เป่าผมให้ทำงานเงียบสนิท พลังลมแรงทว่านุ่มนวล สามารถช่วยให้คุณเป่าผมให้แห้งและจัดแต่งทรงได้ในคราวเดียวกัน
ตัวกระจายลมของ Dyson Supersonic™ ถูกออกแบบมาให้สามารถกระจายแรงลมได้เข้าถึงทุกส่วนโค้งของเส้นผมแต่ละเส้น เทคนิคนี้ทำให้เส้นผมแห้งเหมือนกับแห้งโดยธรรมชาติ และช่วยลดปัญหาการหงิกงอของเส้นผมให้เรียงตัวสลวยได้อย่างยาวนาน
อุปกรณ์ส่วนต่างๆของ Dyson Supersonic™ เมื่อมีการสัมผัสจะไม่รู้สึกถึงความร้อน เนื่องจากใช้เทคโนโลยีป้องกันความร้อน โดยลมร้อนจะถูกขนาบข้างด้วยกระแสลมเย็นทั้งสองฝั่ง ทำให้ลมร้อนไม่สัมผัสกับอุปกรณ์โดยตรง
หัวเป่าแต่ละชนิดทำจากวัสดุที่เป็นแม่เหล็ก สามารถประกอบและปรับเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย
มีการตั้งค่าความร้อนในสี่ระดับ การตั้งค่าแรงลมในสามระดับ รวมถึงมีระบบลมเป่าเย็นด้วย
The engineering brief:
ออกแบบและพัฒนาไดร์เป่าผม จากความชำนาญใน ดิจิตอลมอเตอร์, เสียงเชิงอากาศพลศาสตร์, พลศาสตร์ของเหลวและศาสตร์ในการการปรับปรุงสภาพการทำงานอย่างเป็นระบบ โดย เจมส์ ไดสัน มอบหมายให้ทีมวิศวกรของเขาพัฒนาคิดค้นไดร์เป่าผมที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมกว่าไดร์เป่าผมทั่วไป และสามารถแก้ปัญหาที่พบเจอในไดร์เป่าผมอื่นๆได้
Key milestones:
เริ่มจากวางแนวคิดเกี่ยวกับลักษณะรูปทรงไดร์เป่าผมที่ต้องการ พัฒนาแนวคิดรูปทรงแรกเริ่ม ตัวร่าง A– เป็นการผนวกเอารูปทรงแรกเริ่ม เข้ากับไดสันดิจิตอลมอเตอร์ V9 และ อุปกรณ์ทำความร้อน ตัวร่าง B – นำเอารูปทรงแรกเริ่มขั้นต้นที่สมบูรณ์แบบ รวมกับไดสันดิจิตอลมอเตอร์ V9 , ระบบอิเล็คทรอนิค และ อุปกรณ์ทำความร้อน ตัวร่าง C – พัฒนาจากตัวร่างล่าสุดต่อไป ตัวร่างด้านความร้อน – นำเอาแนวคิดเกี่ยวกับการขยายแรงลมเข้ามาพัฒนาต่อเนื่อง ตัวร่าง D – พัฒนาต่อเนื่องเพื่อพร้อมสำหรับการทดสอบและทดลองใช้งาน ตัวร่าง E – ลงรายละเอียดต่างๆ เพื่อทดสอบเฉพาะด้าน ตัวร่าง 01– เครื่องต้นแบบตัวสุดท้ายสำหรับพัฒนาเป็นต้นแบบในการผลิต ไดร์เป่าผมเครื่องแรกจากไดสัน
Air Multiplier™ technology:
สิทธิบัตรเทคโนโลยี Air Multiplier™ของไดสัน สามารถสร้างสรรค์ให้พลังลมที่ออกมาจากไดร์เป่าผมของไดสันมีความแรงเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า โดยดูดอากาศผ่านวงแหวนภายในหัวเป่าลมและดูดอากาศโดยรอบ ทั้งจากด้ามจับและฝั่งหลังของหัวเป่า จากนั้นจึงปล่อยกระแสลมออกมาเพื่อเป่าผม โดยลมที่เป่าออกมานี้จะเคลื่อนที่ผ่านอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้ทำหน้าที่คล้ายกับปีกเครื่องบิน ที่สามารถบังคับทิศทางของอากาศให้ไหลผ่านได้ และด้วยการออกแบบในลักษณะนี้ จะทำให้มวลอากาศรอบๆตัวจากด้านนอก ไหลเข้าไปรวมกับอากาศที่มาจากด้ามจับด้านล่าง ถือเป็นการเพิ่มแรงลมไปในตัวเลยทีเดียว
ทีมวิศวกรใช้เวลาในการพัฒนารูปแบบวงแหวนหัวเป่าถึง 8 สัปดาห์ และได้ออกมาถึง 25 รูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อที่จะสร้างสรรค์ไดร์เป่าผมที่ให้ทั้งพลังลมแรงและความเงียบในการทำงาน ในที่สุดเมื่อทีมวิศวกรค้นพบรูปแบบของวงแหวนหัวเป่าที่ดีที่สุด พวกเขาจึงนำเสนอผลงานชิ้นนี้กับเจมส์ ไดสัน ครั้งแรกที่เจมส์ ไดสัน เห็นผลงานของพวกเขา เจมส์คิดว่าพลังลมที่ออกมาไม่น่าจะแรงอย่างที่คาดหวัง แต่ปรากฏว่าเมื่อเจมส์ได้ทดสอบและสัมผัสกับผลงานของทีมวิศวกร เจมส์ถึงกับตื่นตะลึงกับพลังลมอันทรงประสิทธิภาพที่ได้
Double stacked heating element:
Dyson Supersonic™ เป็นไดร์เป่าผมที่มีเทคโนโลยีการให้ความร้อนอันเป็นเอกลักษณ์ ไดร์เป่าผมทั่วไปส่วนใหญ่จะเลือกใช้ลวดความร้อนและลวดความต้านทานพันอยู่รอบๆฉนวนไมก้าที่ออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายต้นคริสต์มาส
แต่ใน Dyson Supersonic™ ทีมวิศวกรต้องการที่จะพัฒนาอุปกรณ์การให้ความร้อนที่พิเศษออกไป โดยออกแบบฉนวนไมก้าให้เป็นวงกลมสองชั้นมีรูปร่างคล้ายกับโดนัท ชั้นหนึ่งพันลวดความร้อนและอีกชั้นหนึ่งพันลวดต้านทานที่ผลิตจากโครเมียมอะลูมิเนียมอัลลอยพันอยู่ล้อมรอบวงกลมแต่ละวง ตลอดแนวฉนวนรูปโดนัท
แรกเริ่มเดิมทีทีมวิศวกรได้ออกแบบตัวให้ความร้อนเป็นวงกลมแค่ชั้นเดียว ซึ่งใช้ลวดความร้อนจำนวนมากและทำให้ฉนวนมีขนาดใหญ่ ต่อมาพวกเขาพบข้อเสียจากการออกแบบนี้ เนื่องจากขดลวดมากมายนั้นถูกพันไว้ในลักษณะที่ไม่แน่น ทำให้ลวดแต่ละเส้นสามารถสัมผัสกันได้ไปมา และทำให้ตัวให้ความร้อนต้องหยุดทำงานในที่สุด นั่นเป็นเหตุผลให้ทีมวิศวกรเลือกออกแบบวงกลมสองชั้นและให้ลวดความร้อนกับลวดต้านทานแยกพันกันคนละวง สิ่งที่ได้ตามมานอกจากการให้ความร้อนอย่างต่อเนื่อง ยังทำให้อุปกรณ์ที่ขนาดเล็กลงด้วย
จากความต้องการพัฒนาเทคโนโลยีการให้ความร้อนในไดร์เป่าผมของไดสัน ให้มีรูปแบบที่แตกต่างอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ทีมวิศวกรใช้เวลาในกระบวนการนี้ไปถึง 3 ปี กับการทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเทคโนโลยีที่ได้จะสามารถให้ความร้อนได้อย่างต่อเนื่อง คงที่ และยังปลอดภัยกับผู้ใช้
The challenges:
ศึกษาเกี่ยวกับเส้นผม: การทดสอบไดร์เป่าผมของไดสัน ใช้เส้นผมของมนุษย์จริงๆในการทดสอบ เนื่องจากเส้นผมเทียมไม่สามารถให้ผลในการทดสอบที่แม่นยำ และไม่สามารถนำมาใช้ทดแทนผมมนุษย์จริงได้ เพราะผมของคนเรามีหลายแบบ แตกต่างกันไป
ศึกษาเกี่ยวกับการเป่าผมและจัดแต่งทรงผม: เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไดร์เป่าผมที่ได้จะตรงกับความต้องการทั้งผู้บริโภคทั่วไปและช่างผมมืออาชีพ ทีมวิศวกรจึงต้องมีความเข้าใจในการใช้งานไดร์เป่าผมจริง แบบรู้ลึกลงในรายละเอียด
ให้ความสำคัญกับเรื่องของเสียง: เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปเวลาใช้มักจะมีเสียงดังรบกวน ดังนั้นทีมวิศวกรของไดสันจึงต้องศึกษาในการลดความดังของเสียงอย่างจริงจัง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเป็นไปตามความคาดหวัง ที่จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องเสียงดังรบกวนได้
ขนาดกะทัดรัด: แม้ทีมวิศวกรของไดสันจะมีอิสระในการพัฒนาเทคโนโลยีได้อย่างไม่มีข้อจำกัด แต่มีสิ่งหนึ่งที่เจมส์ ไดสัน จะเน้นย้ำกับทีมของเขาเสมอนั่นคือ ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ออกแบบมาต้องมีขนาดเล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบา และใช้งานง่าย เพราะเขาตระหนักดีว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้ใช้มีความสะดวกสบายมากขึ้น
The Science of Hair
ศาสตร์ของเส้นผม
ทำความเข้าใจเส้นผม:
ทีมวิศวกรของไดสันได้ดำเนินการทดสอบเส้นผมประเภทต่างๆมากมาย เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติของเส้นผมทุกประเภท และในที่สุดพบว่าเส้นผมของคนเราสามารถแบ่งได้ 7 ประเภทด้วยกัน
เส้นผมแบบชาวญี่ปุ่น(Japanese – Asian) เส้นผมแบบชาวเอเชียชาติอื่นๆ(Other – Asian) เส้นผมตรงมากแบบชาวตะวันตก(Fine straight Caucasian ) เส้นผมตรงปานกลางแบบชาวตะวันตก(Medium straight Caucasian) เส้นผมหยักศกปานกลางแบบชาวตะวันตก(Medium wavy Caucasian) เส้นผมผ่านการทำสีเคมี(Bleached medium brown Caucasian) เส้นผมแบบผสมผสานหลายลักษณะเชื้อชาติ (Mixed ethnicity)
ลักษณะเส้นผมที่แตกต่างกันส่งผลต่อการทำปฏิกิริยา การดูแลรักษา จัดแต่งที่แตกต่างกันด้วย เส้นผมชาวเอเชียส่วนใหญ่จะมีรูปร่างเป็นทรงกลม ไม่เหมือนเส้นผมชาวตะวันตกที่มักจะมีทั้งทรงกลมและทรงรี เส้นผมชาวเอเชียจัดได้ว่าเป็นเส้นผมที่มีน้ำหนักมากที่สุดและมีเส้นใหญ่ที่สุด นั่นทำให้ผมชาวเอเชียง่ายต่อการไดร์ตรง และมีปัญหาเส้นผมพันกันน้อย – แม้อยู่ในที่ลมแรง – เส้นผมชาวตะวันตกจะมีเส้นเล็กที่สุด และส่วนใหญ่จะงอกยาวทำมุมเฉียงกับหนังศีรษะและมีลักษณะเป็นแนวโค้ง นั่นทำให้ผมชาวตะวันตกส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นลอนหรือหยักศก
ผมสำหรับทำการทดสอบ:
โดยทั่วไปเส้นผมที่ใช้ในการทดสอบ 1 ปอย จะมีราคาอยู่ระหว่าง 12 ปอนด์ ไปจนถึง 20 ปอนด์ ขึ้นอยู่กับความยาวของเส้นผม เฉลี่ยแล้วในการทดสอบ 1 ครั้ง ทีมวิศวกรของไดสันจะใช้เส้นผมจำนวน 40 ปอย คิดเป็นความยาวรวมประมาณ 640 นิ้ว หรือใช้เงินทุนประมาณ 780 ปอนด์ ต่อการทดสอบ 1 ครั้ง ทั้งนี้ไดสันได้ลงทุนไปกับค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนของเส้นผมในการทดสอบไปทั้งสิ้นกว่า 40,000 ปอนด์
ในการทดสอบทีมวิศวกรต้องการควบคุมผลของการทดสอบให้คลาดเคลื่อนน้อยที่สุด ดังนั้นจึงพยายามใช้ผมที่เป็นธรรมชาติที่สุด และไม่ถูกทำลายจากเคมีต่างๆ เท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ชั้นผิวภายนอกของเส้นผมหรือเกล็ดผมมีสภาพสมบูรณ์
ปอยผมในการทดสอบ 1 ปอย จะมีน้ำหนักประมาณเท่าไหร่?
น้ำหนักของผมแต่ละปอยที่ใช้ในการทดสอบขึ้นอยู่กับความยาวที่ทีมวิศวกรเลือกใช้ – ไม่ว่าจะเป็นผมเปียกหรือผมแห้ง – เส้นผมสุขภาพดีถ้าเปียกน้ำจะมีน้ำหนักเพิ่มได้มากถึง 10% โดยปกติผมแห้งที่มีความยาวประมาณ 8 นิ้ว จะมีน้ำหนัก 4 กรัม ตลอดการทดสอบทีมวิศวกรได้ใช้ปริมาณเส้นผม คำนวณเป็นน้ำหนักได้ประมาณ 8000 กรัม หรือ 8 กิโลกรัม
ความยาวของเส้นผมที่ใช้ในการทดสอบ?
โดยทั่วไปปอยผมที่ถูกส่งมาใช้ในการทดสอบจะมีความยาว 8 และ 16 นิ้ว เมื่อได้ปอยผมแต่ละปอยมาแล้วจะมีการตรวจเช็คอย่างละเอียดถึงคุณภาพของเส้นผม ไปจนถึงคุณภาพของใยผม – จะคัดเฉพาะเส้นผมที่เป็นธรรมชาติ หรือ ไม่ถูกทำลายจากเคมีใดๆเท่านั้น – ถ้านำเส้นผมที่ทีมวิศวกรใช้ในการทดสอบทั้งหมดมาต่อกัน จะวัดความยาวได้ถึง 1,625กิโลเมตร!
เทคนิคการไดร์ผม:
จากความต้องการรู้ลึกถึงเทคนิคการไดร์ผม ไดสันได้เฝ้าสังเกตการไดร์ผมของผู้หญิงจำนวนมากกว่า 100 คน มากกว่า 2 ทวีป คิดเป็นเวลาที่ใช้ในการไดร์ผมทั้งหมดมากกว่า 275 ชั่วโมง – นั่นหมายความว่าเกือบๆจะเป็นเวลา 12 วันแบบต่อเนื่องที่ใช้ในการศึกษาทั้งหมด
สิ่งที่ไดสันได้เรียนรู้
จากการใช้เวลาทุ่มเทในการศึกษานี้ ทีมวิศวกรได้ค้นพบและวิเคราะห์ถึงข้อสังเกตที่น่าสนใจเกี่ยวกับการไดร์ผม และนี่คือสิ่งที่ไดสันได้ค้นพบจากการศึกษากลุ่มตัวอย่างในประเทศอังกฤษ (ผู้หญิงจำนวน 57 คน เป็นเวลา 2 อาทิตย์)
ในการไดร์ช่อผมหนึ่งช่อให้เรียบตรง ใช้การปรับเปลี่ยนมุมต่างๆในการไดร์ เฉลี่ยช่อละประมาณ 15 ครั้ง
ระยะเวลาเฉลี่ยของการไดร์ผมหนึ่งครั้งคือ 20 นาที – ซึ่งเป็นเวลาที่น้อยกว่าที่ผู้หญิงเหล่านั้นรู้สึกว่าใช้ไปในการไดร์ผม พวกเธอเชื่อว่าเธอน่าจะใช้เวลาในการไดร์ผมต่อหนึ่งครั้งประมาณ 30 นาที
เมื่อดูจากตัวเลขของการปรับเปลี่ยนไดร์ในการไดร์ผมแต่ละช่อ และน้ำหนักเฉลี่ยของไดร์เป่าผมสำหรับมืออาชีพ ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าใช้เวลาในการไดร์ผมนานกว่าความเป็นจริง ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ทีมงานไดสันได้สัมภาษณ์ เปิดเผยว่า เวลาเพียงแค่ 5 วินาที ในการไดร์ผม ก็เริ่มทำให้รู้สึกเมื่อยแขนและไหล่แล้ว
ส่วนที่ผู้หญิงใช้เวลาในการไดร์มากที่สุดคือด้านหลังของศีรษะ – โดยเฉลี่ยใช้เวลาไปถึง 40% ของเวลาในการไดร์ผมทั้งหมด – มากกว่าครึ่งของกลุ่มตัวอย่าง พยายามไดร์ผมในส่วนนี้ซ้ำไปมา เพื่อให้รู้สึกว่าเส้นผมเรียบตรง
จำนวนเฉลี่ยในการหวีผมที่ใช้ในการไดร์แต่ละครั้งคือ 225 ครั้ง จำนวนเฉลี่ยของพื้นที่ศีรษะในการไดร์แบ่งได้ประมาณ 12 ส่วน ระยะห่างจากเส้นผมกับไดร์เป่าผม เฉลี่ยประมาณ 5 เซนติเมตร ความเร็วเฉลี่ยที่ไดร์เป่าผม เป่าผ่านเส้นผมต่อการไดร์หนึ่งครั้งคือ 3 วินาที ต่อ เซนติเมตร จากตัวเลขทั้งหมดเหล่านี้ ผู้หญิงประมาณ 58% ล้มเลิกความพยายามในการไดร์ผมตรง และหันมารวบผมแทน
ความเชื่อเรื่องเส้นผม
เส้นผมจะหวีได้ง่ายที่สุดเมื่อถูกทำให้เปียก
ที่จริงแล้วเมื่อเส้นผมเปียกน้ำจะสูญเสียความแข็งแรงได้ถึง 50% ผมเปียกจะมีความตรงมากกว่าผมแห้ง และมีความเปราะบางมากกว่าเช่นเดียวกัน เพราะเส้นผมจะมีการพองตัวและแรงมีเสียดทานมากกว่าตอนผมแห้ง ดังนั้นการหวีผมระหว่างที่ผมเปียกอยู่จึงเป็นการทำลายเส้นผมได้ทางหนึ่ง ทั้งยังเพิ่มปัญหาผมขาดหลุดร่วงอีกด้วย
การล้างผมด้วยน้ำเย็นในขั้นตอนสุดท้ายของการสระผมจะช่วยให้เส้นผมมีความเงางาม
เหตุผลโดยทั่วไปที่ทำให้คนเชื่อเช่นนี้คือ น้ำเย็นจะช่วยปิดเกล็ดผม อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วเกล็ดผมไม่สามารถเปิดหรือเปิดได้ตามความเชื่อ และไม่ว่าจะน้ำร้อนหรือน้ำเย็นก็สามารถแทรกซึมเข้าไปสู่ชั้นเนื้อผมได้เช่นเดียวกัน
การตัดผมบ่อยๆจะช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้น
ความเชื่อนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะผมเจริญเติบโตขึ้นจากรากและร่างกายของเราก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเส้นผมถูกตัด การเล็มผมจะขจัดส่วนปลายของผมที่อาจจะเริ่มสูญเสียความแข็งแรงออกไป เช่น ผมแตกปลาย ทำให้เส้นผมดูมีสุขภาพดี และที่พวกเรามีความเชื่อเช่นนี้อาจเป็นเพราะ เมื่อผมเราสั้นลง พอมันยาวขึ้น เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ทำให้รู้สึกว่าผมยาวขึ้นเร็วกว่าเดิม
ถ้าเราถอนผมหงอกมันจะยิ่งทำให้มีผมหงอกมากขึ้น
เมื่อกระเปาะของผมเส้นใดเริ่มกลายเป็นผมหงอก เส้นผมใหม่ที่ขึ้นในกระเปาะนั้นก็จะขึ้นเป็นผมหงอกเหมือนเดิม เมื่อคุณถอนผมหงอกออกไป เส้นผมก็จะกลับไปสู่ระยะอะนาเจน ซึ่งเป็นระยะแรกในวงจรการเติบโตของเส้นผม และจะเริ่มผลิตผมสีขาวออกมาเช่นเดียวกับที่เคยถอนไป ที่ผ่านมายังไม่เคยมีหลักฐานใดๆพิสูจน์ว่า การถอนผมหงอกหนึ่งเส้นจะทำให้กระเปาะผมเส้นอื่นๆเริ่มผลิตผมหงอกตามมาด้วย
ยิ่งหวีผมบ่อย จะยิ่งทำให้เส้นผมมีสุขภาพดี
ในความเป็นจริงแล้วการหวีผมบ่อยๆจะเป็นการทำลายเส้นผมมากกว่าบำรุง เพราะมันจะเป็นการทำลายเนื้อผม ทำให้เกลียวผมค่อยๆขาดไปทีละนิด ถึงแม้การหวีผมจะทำให้ผมเราดูเรียบตรง อยู่ทรง ดูสุขภาพดี แต่ในระยะยาวเมื่อผมของเราต้องเจอกับการทำเคมีต่างๆ รวมถึงความร้อน การหวีผมบ่อยๆจะเป็นการทำลายเส้มผมได้ในอนาคต
เกร็ดที่น่าสนใจ
โดยทั่วไปคนเราจะมีเส้นผมประมาณ 120,000 เส้น
การทดสอบ
ไดสันได้พัฒนาขั้นตอนการทดสอบไดร์เป่าผม ทั้งในส่วนของเทคโนโลยีและพฤติกรรมคนเราเวลาใช้ไดร์เป่าผม – ซึ่งไดสันได้ค้นพบว่าในแต่ละประเทศจะมีเทคนิคการไดร์ผมที่แตกต่างกันออกไป
ทีมวิศวกรของไดสันใช้ กล้องจุลทรรศน์อิเล็คตรอน (Scanning Electron Microscopes) เพื่อศึกษาเส้นผมของมนุษ์ให้ชัดเจนถึงรายละเอียดโครงสร้างภายใน – เพื่อให้เข้าใจวิธีการจัดแต่งทรงผมที่เหมาะกับเส้นผมแต่ละแบบ และส่วนประกอบต่างๆของผมที่มีผลทำให้เส้นผมดูมีสุขภาพดีหรือไม่ดี
ทีมวิศวกรของไดสันใช้ การทดสอบแรงดึง (Tensile Test) เพื่อวัดค่าความเหยียดตรงและยืดหยุ่นของเส้นผมแต่ละแบบ ทั้งก่อนและหลังไดร์และจัดแต่งทรงผม เพื่อพัฒนาและทำความเข้าใจถึงความเค้นและความเครียดของเส้นผม ซึ่งสามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นผมถูกทำลาย
ทีมวิศวกรของไดสันใช้ กล้องถ่ายภาพความร้อน (Thermal Cameras) เพื่อทำความเข้าใจถึงอุณหภูมิของลมที่เป่าออกมาจากไดร์เป่าผม – เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลมที่เป่าออกมานั้นจะไม่เป็นอันตรายและทำลายทั้งต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ไม่ว่าจะใช้ใกล้กับศีรษะหรือเส้นผมขนาดไหน
ทีมวิศวกรของไดสันใช้ การทดสอบการไหลของอากาศด้วยเลเซอร์ควัน (Airflow Smoke Laser Test) เพื่อให้เห็นทิศทางการไหลของอากาศของไดร์เป่าผม เพราะพวกเขาต้องการเข้าใจว่าลักษณะลมแบบใดที่จะทำให้ผมแห้งเร็วที่สุด ซึ่งการทดสอบนี้ยังรวมไปถึงการทดสอบพลังแรงลม เพื่อให้เข้าใจถึงกำลังแรงของลมที่จะส่งผลกระทบต่อเส้นผม โดยพลังลมของไดร์เป่าผมของไดสัน เกิดจากทั้งส่วนของดิจิตอลมอเตอร์และส่วนของเทคโนโลยี Air Multiplier
นอกจากนั้นทีมวิศวกรยังศึกษาการใช้งานไดร์เป่าผมของผู้ใช้แต่ละคน เช่นลักษณะการจับ ลักษณะการใช้ไดร์ ฯลฯ เพื่อให้เข้าใจว่าไดร์เป่าผมรูปร่างแบบใดที่จะใช้งานได้สะดวกสบายที่สุด ในทุกรูปแบบความถนัดและสไตล์เวลาไดร์ผมของแต่ละคน
ยิ่งไปกว่านั้นยังศึกษาในเรื่องของความชุ่มชื้นของเส้นผม เพื่อให้เข้าใจว่าพลังลมแบบใด รวมถึงอุณหภูมิลมระดับไหน ที่จะทำให้ผมแห้งโดยไม่สูญเสียความชุ่มชื่น
และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าไดร์เป่าผมของไดสันมีประสิทธิภาพในการทำงานที่มีเสถียรภาพและมีความปลอดภัย ไดสันจึงใช้เวลาในการทดสอบชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า การทดสอบซ้ำไปมาเหล่านี้เพื่อให้เกิดผลที่ดีที่สุดต่อผู้ใช้
The Dyson Digital Motor V9
Dyson digital motor V9
ไดสันดิจิตอลมอเตอร์ V9 เป็นดิจิตอลมอเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด น้ำหนักเบาที่สุด และเป็นเทคโนโลยีล่าสุดจากไดสัน ซึ่งมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ของเครื่องบินไอพ่น โดยลมจะเคลื่อนที่เข้าออกไปในทิศทางเดียวกับแกนของมอเตอร์ ทำให้สามารถส่งผ่านลมและแรงดันออกไปได้สูง แต่ยังคงขนาดของมอเตอร์ให้เล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ความเร็วของมอเตอร์นี้หมุนเร็วกว่ามอเตอร์ของไดร์เป่าผมทั่วไปถึง 8 เท่า แต่มีน้ำหนักเพียงครึ่งเท่านั้น โดยขนาดของมันเล็กเท่ากับเหรียญ 500 เยน[1]
นับเป็นความท้าทายทางวิศวกรรมที่จะสร้างมอเตอร์ให้มีขนาดเล็กเพียงพอที่จะใส่ลงไปในด้ามจับของไดร์เป่าผม Dyson Supersonic™ มอเตอร์นี้ถือเป็นมอเตอร์ที่เล็กที่สุดของไดสันที่เคยผลิตมา โดยสามารถส่งผ่านลมได้มากกว่า 13 ลิตรต่อวินาที ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับขนาดเพียงแค่ 27 มิลลิเมตร หรือขนาดเท่ากับเหรียญ 2 เพนนี เท่านั้น
เจมส์ ไดสัน; “มอเตอร์ของไดสันนับได้ว่าเป็นนวัตกรรม ที่ช่วยให้เราพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงในแบบที่คนอื่นทำไม่ได้ มอเตอร์นี้ถือว่าเป็นมอเตอร์ที่เล็กที่สุด เบาที่สุด และทันสมัยที่สุด และเมื่อผนวกเข้ากับเทคโนโลยีสิทธิบัตร Air Multiplier ของเรา ก็ทำให้เราสามารถใส่มอเตอร์นี้เข้าไปให้ด้ามจับได้”
มอเตอร์ทรงพลัง
ไดสันดิจิตอลมอเตอร์ V9 มีใบพัดลมตามแนวแกนที่สามารถหมุนได้ถึง 110,000 รอบต่อนาที ใบพัดนี้ช่วยทำให้มอเตอร์สามารถส่งผ่านลมได้สูงถึง 13 ลิตรต่อวินาที
มอเตอร์อัจฉริยะ
ไดสันดิจิตอลมอเตอร์ V9 เป็นดิจิตอลมอเตอร์เครื่องแรกจากไดสันที่ใช้ระบบ “sensorless” โดยจะมีซอฟแวร์ที่คอยตรวจจับกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านมอเตอร์ พร้อมทั้งทำหน้าที่กำหนดว่าเมื่อใดที่ควรจะเปิดการใช้งานวงจร digital pulses เพื่อทำให้มอเตอร์ยังคงทำงานต่อไป - การทำงานลักษณะนี้ในช่วงก่อนหน้าจะใช้เซนเซอร์เป็นตัวกำหนด แต่ด้วยอัลกอริทึมของระบบ “sensorless” นี้ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้มากกว่า 1900 ครั้งต่อวินาที ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบเซนเซอร์ และยังช่วยลดความยุ่งยากในโครงสร้างของตัวมอเตอร์
ด้วยใบพัดที่หมุนด้วยความเร็ว 335 ไมล์ต่อชั่วโมง และระบบซอฟแวร์อัจฉริยะที่ส่งวงจร digital pulses ไปถึง 3,500 ครั้งต่อวินาที พร้อมทั้งตำแหน่งขอบใบพัดที่ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ใบพัดของไดสันดิจิตอลมอเตอร์หมุนเพียง 70 ไมครอน (ซึ่งเป็นระยะที่น้อยกว่าความกว้างของเส้นผม) เมื่อเทียบกับมอเตอร์ทั่วๆไป จะเห็นได้ว่าไดสันดิจิตอลมอเตอร์มีพลังสูงมาก ทั้งที่ใบพัดหมุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
วิศวกรรมเรื่องเสียง
Aero-acoustics – คือเสียงที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของอากาศ – ซึ่งถือเป็นจุดหนึ่งที่ไดสันให้ความสำคัญในการพัฒนาออกแบบมอเตอร์ โดยทีมวิศวกรของไดสันได้วิเคราะห์การเคลื่อนที่ของลม การหมุนของลมที่ออกมาจากใบพัด และหาวิธีที่จะส่งกระแสลมออกมาได้ตรง และลดความแปรปรวนของลมที่เกิดขึ้นให้มากที่สุด ไดสันได้ทุ่มเทเวลาหลายต่อหลายชั่วโมงในแต่ละวัน เพื่อสร้างเครื่องต้นแบบออกมา โดยมีเครื่องต้นแบบที่ใช้ในการทดสอบถึง 4865 เครื่อง สำหรับการพัฒนาในขั้นตอนนี้
ทีมวิศวกรของไดสันได้ติดตั้งตัวควบคุมเสียงภายในมอเตอร์ที่มีใบพัด 13 ใบ ให้มีความถี่ของเสียงอยู่สูงกว่าช่วงเสียงปกติที่มนุษย์จะได้ยิน
การผลิตที่มีมาตรฐาน แม่นยำ ไร้ความผิดพลาด
ใบพัดของไดสันดิจิตอลมอเตอร์เป็นวัสดุที่ผลิตมาจากอะลูมิเนียมชนิดเดียวกับที่ใช้ในการผลิตยานอวกาศ โดยผลิตที่ศูนย์การผลิตอันทันสมัยในประเทศสิงคโปร์ ใบพัดแต่ละชิ้นนั้นถูกผลิตขึ้นด้วยมาตรฐานอันแม่นยำ ไร้ความผิดพลาด จากการใช้เลเซอร์ตัดชิ้นอะลูมีเนียม ให้มีขนาดตรงตามที่กำหนดไว้ทุกประการ ด้วยคุณภาพการผลิตระดับนี้ทำให้ไดสันดิจิตอลมอเตอร์มีความล้ำหน้า ทันสมัย แม่นยำ เช่นเดียวกับการพัฒนาการผลิตอาวุธนิวเคลียร์
ไดสันดิจิตอลมอเตอร์ V9 มีสถานีการผลิตและประกอบชิ้นส่วนต่างๆ แบ่งออกได้ประมาณ 20 สถานี กว่าที่จะได้ออกมาเป็นดิจิตอลมอเตอร์ที่สมบูรณ์ และในแต่ละสถานีนั้นเป็นการทำงานด้วยระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้ที่ศูนย์การผลิตนี้สามารถผลิตไดสันดิจิตอลมอเตอร์ 1 ชิ้น ได้ในเวลาเพียง 9 วินาที โดยมอเตอร์แต่ละตัวจะมีรหัสประจำเครื่อง ซึ่งใช้เลเซอร์ยิงกำกับไว้ อยู่บริเวณใบพัดความเร็วสูง
Dyson Supersonic Key Numbers
Key numbers
~ Notes to editors ~
Dyson Supersonic™ hair dryer:
- ไดสันลงทุนเงินเกือบ 50 ล้านปอนด์ในการพัฒนาไดร์เป่าผม Dyson Supersonic™
- ไดสันได้สร้างห้องปฏิบัติการณ์สำหรับเส้นผมที่ทันสมัยสำหรับใช้ในการวิจัย การออกแบบ และการพัฒนาโดยเฉพาะ
- ได้มีการทดสอบเส้นผมของมนุษย์ในความยาวกว่า 1,010 ไมล์ หรือประมาณ 1,625 กิโลเมตร
- กว่าจะสำเร็จเป็น Dyson Supersonic™ มีเครื่องต้นแบบถึง 600 เครื่อง
- อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรมากกว่า 100 รายการ
- เพียงแค่อุปกรณ์เสริมก็ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะของไดสันกว่า 16 สิทธิบัตร
- ทุ่มเทเวลากว่า 4 ปี ในการพัฒนาคิดค้น
- และประกอบไปด้วยทีมวิศวกรถึง 103 คน
ตัวเลขมูลค่าของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการดูแลเส้นผม
1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐอเมริกา 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในสหภาพยุโรป 483 ล้านดอลลาร์สหรัฐในประเทศจีน 452 ล้านดอลลาร์สหรัฐในประเทศญี่ปุ่น
ตัวเลขพฤติกรรมเกี่ยวกับการดูแลเส้นผม[2] :
- 50% ของผู้เข้าร่วมการวิจัยระบุว่าเส้นผมมี "ความสำคัญอย่างยิ่ง" สำหรับรูปลักษณ์และความรู้สึกโดยรวมของพวกเขา
- โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิง 1 คน จะมีอุปกรณ์ในการจัดแต่งทรงผมถึง 3.3 เครื่อง
- 96% ของชาวญี่ปุ่นใช้ไดร์เป่าผม ส่วเมื่อเทียบกับ 91% ส่วนชาวอเมริกันใช้จำนวน 91%
- 37% ของผู้ชายชาวญี่ปุ่นเป็นเจ้าของและใช้ไดร์เป่าผม
ข้อมูลตัวเลขที่น่าสนใจของไดสัน:
- 75: ไดสันมีวางจำหน่ายมากกว่า 75 ประเทศทั่วโลก
- 1.5 พันล้านปอนด์: ไดสันมีความมุ่งมั่นในการลงทุนทางการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยทุ่มงบลงทุนสูงถึง 1.5 พันล้านปอนด์ และในที่สุดการทุ่มเทเพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ดีกว่าก็สามารถสานฝันนักวิทยาศาสตร์ และ วิศวกรรุ่นใหม่ให้เป็นจริงได้ ด้วยเงินลงทุนกว่า 250 ล้านปอนด์ เพราะในปีนี้กำลังจะมีการเปิดตัว Malmesbury Campus วิทยาลัยที่ให้การสนับสนุนเงินทุนสำหรับนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรรุ่นใหม่ ในการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ และจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆราว 100 ผลิตภัณฑ์ ภายใน 4 ปีข้างหน้า
- 5 ล้านปอนด์: ไดสันให้การสนับสุนมหาวิทยาลัยมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีในระยะเริ่มแรกรวมถึงการลงทุนมูลค่า 5 ล้านปอนด์ในห้องปฏิบัติการณ์หุ่นยนต์ร่วมกันกับอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน (Imperial College, London)
- มากกว่า 6,000: ไดสันมีพนักงานทั่วโลกมากกว่า 6,000 คน และ 1 ใน 3 ของจำนวนนั้นเป็นวิศวกร
- ปี 1995: ไดสันวางจำหน่ายเครื่องดูดฝุ่นเทคโนโลยีไซโคลน DC02 ในปี 1995 ซึ่งนับเป็น 2 ปีหลังจากได้วางจำหน่าย DC01 เครื่องดูดฝุ่นรุ่นแรกของไดสัน
[1] เปรียบเทียบกับไดร์เป่าผมที่ขายดีที่สุด 10 อันดับในญี่ปุ่น เดือนมีนาคม 2015
[2] การศึกษาวิจัยที่ดำเนินงานโดยไดสัน