มีการค้นพบมากมายบนโลก และนี่คือการค้นพบที่ไม่ธรรมดาส่วนหนึ่งของโลกที่อาจเปลี่ยนแปลงความเชื่อเก่าๆ ในประวัติศาสตร์ไปโดยปริยาย นอกจากนี้แต่ละอย่างนั้นยังทำให้เรารู้เรื่องราวในประวัติศาสตร์ของมนุษย์อีกด้วย แม้ว่าจะยังคงหาคำตอบได้ไม่หมดและบางเรื่องยังเป็นปริศนาอยู่ แต่ก็ถือว่าช่วยเปลี่ยนแปลงความเชื่อและความเข้าใจในประวัติศาสตร์ไปได้มากเลยทีเดียว

1. เมืองปอมเปอี, ประเทศอิตาลี

ปอมเปอีเป็นเมืองเก่าแก่ในคริสตศักราชที่ 79 เป็นเมืองขนาดใหญ่มากเลยทีเดียวแต่กลับถูกทำลายเพราะการปะทุของภูเขาไฟ Vesuvius การปะทุครั้งนั้นรุนแรงมากจนทำลายเมืองและคร่าชีวิตคนในเมืองทั้งหมด ทั้งเถ้าภูเขาไฟยังกลืนคนที่เสียชีวิตกับเมืองหายไปอีกด้วย จนกระทั่งในปี 1599 มันก็ถูกค้นพบ 

2. สุสานของ Tutankhamun, ประเทศอียิปต์

Tutankhamun เสียชีวิตตั้งแต่อายุเพียง 19 ปีเท่านั้น โดยสุสานและหลุมฝังศพของเขาถูกพบโดย Howard Carter ในปี 1922 หลังจากที่ถูกซุกซ่อนมานานกว่า 3,000 ปี และมันเป็นหลุมฝังศพที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดในอียิปต์โบราณเท่าที่เคยขุดพบมา

3. Rosetta Stone

เป็นหินโบราณที่นักบวชอียิปต์ทำการจารึกพระราชกฤษฎีกาเพื่อประกาศความศักดิ์สิทธิ์ของพระราชา Ptolemy V เมื่อ 196 ปีก่อนคริสตกาล ถูกค้นพบหลังจากที่ทหารฝรั่งเศสเข้าไปสร้างป้อมปราการที่อียิปต์ในปี 1799 ภายในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อว่า Rosetta และหลังจากปี 1802 มันก็ไปตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษในกรุงลอนดอน

4. กองทัพดินเผา, ประเทศจีน

เป็กองทัพรูปปั้นดินเผาที่มีขนาดเท่ากับคนจริงๆ ทั้งยังมีหน้าตาแตกต่างกันไปราวกับคนจริงๆ อีกด้วยกว่า 6,000 ตัว เป็นกองทัพที่ปกป้องสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ที่เสียชีวิตไป 210 - 209 ปีก่อนคริสกาล แต่น่าแปลกที่ไม่มีใครพบสุสานหรือศพของจิ๋นซีฮ่องเต้เลย มันถูกค้นพบในปี 1974 โดยเกษตรกรคนหนึ่ง

5. การค้นพบศพของกษัตริย์ Richard III เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของอังกฤษที่ตายในการสู้รบ

เขาเสียชีวิตในการต่อสู้ Bosworth Field เมื่อปี 1485 โดยนักโบราณคดีขุดพบศพของเขาในลานจอดรถเมื่อปี 2012 ลักษณะโครงงกระดูก บาดแผล และความโค้งของกระดูกสันหลังทำให้ได้คำตอบว่า เขาคือกษัตริย์

6. Staffordshire Hoard, ประเทศอังกฤษ

เป็นการขุดพบของสะสมจำนวนมากของ Anglo-Saxon มีทั้งทองคำ เงิน และโลหะ มันถูกพบโดย Terry Herbert ในปี 2009 โดยเขากำลังทำการไถที่ดินเพื่อทำการเกษตรแต่กลับพบด้ามจับโลหะ พอขุดดูกลับพบของจำนวนมากโดยคาดว่าน่าจะเป็นสมบัติจากศตวรรษที่ 8 หรือ 9 และของบางชิ้นก็เป็นของในศตวรรษที่ 6