เด็กหญิงวัย 11 ปี รอดชีวิตกลางทะเลนาน 4 วัน หลังถูกฆ่ายกครัว

read:http://petmaya.com/bluebelle-ship

ย้อนกลับไปในปี 1961 อาเธอร์ ดูเพอร์รัลต์ จากวิสคอนซิน คุณพ่อผู้ต้องการพาครอบครัวหนีหนาวไปล่องเรือท่องเที่ยวในเขตร้อน เขาจึงตัดสินใจเช่าเรือยอชท์ที่มีชื่อว่า ‘บูลเบลล์’ มุ่งหน้าไปยังหมู่เกาะบาฮามาส เพื่อเติมเต็มความฝันของเขาและครอบครัว

สมาชิกบนเรือที่ร่วมเดินทางไปผจญภัยครั้งนี้ ประกอบไปด้วย อาเธอร์ และ จีน ดูเพอร์รัลต์ และลูกๆ 3 คน ได้แก่ ไบรอัน เรเน และ เทอร์รี โจ รวมไปถึงกัปตันเจ้าของเรืออย่าง จูเลียน ฮาร์วีย์ และ ภรรยาของเขาด้วย

สี่วันต่อมา กัปตันฮาร์วีย์พาครอบครัวดูเพอร์รัลต์ร่องเรือไปทั่วหมู่เกาะบาฮามาส พวกเขาดื่มด่ำกับความสวยงามท่ามกลางมหาสมุทร และสนุกสนานกับการดำน้ำ เก็บเปลือกหอย และใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข

ก่อนที่จะกลับไปยังวิสคอนซิน ครอบครัวดูเพอร์รัลต์ ต้องแวะที่หมู่บ้าน Sandy Point เพื่อกรอกแบบฟอร์มในการกลับเข้าเขตแดนของอเมริกา ซึ่งพวกเขาหวังว่าจะกลับไปทันช่วงเทศกาลคริสต์มาส แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นคืนสุดท้ายสำหรับพวกเขา

เวลาประมาณ 3 ทุ่ม เทอร์รี โจ น้องสาวคนเล็กวัย 11 ปี ของครอบครัวต้องสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก เมื่อได้ยินเสียงพี่ชายของเธอกรีดรองว่า “ช่วยด้วย พ่อ ช่วยด้วย!” แล้วก็มีเสียงวิ่งอยู่ข้างบนห้องของเธอเป็นเวลา 5 นาที ก่อนที่เสียงจะเงียบลงไป จนเธอตัดสินใจเดินออกมาจากห้อง ก็พบร่างไร้วิญญาณของแม่และพี่ชายเธอ นอนจมกองเลือดอยู่ในห้องโดยสารหลักเสียแล้ว

เทอร์รี โจ รวบรวมความกล้าปีนบันไดขึ้นไป ก็พบกับมีดอาบเลือดและเลือดที่กระจัดกระจายไปทั่วเรือ เธอมุ่งหน้าไปยังห้องกัปตันฮาร์วีย์ทันที และก็ไม่ทันตั้งตัว กัปตันฮาร์วีย์โผล่มาแทงเธอและผลักเธอล้มลงไปกับพื้น พร้อมกับตะโกนว่า “กลับลงไปข้างล่างซะ” ซึ่งเธอก็ต้องเดินผ่านศพแม่และพี่ชายกลับมาซ่อนตัวในห้องตามเดิม

แค่เพียงไม่นาน กัปตันฮาร์วีย์ก็มาปรากฏที่หน้าประตูห้องเธอพร้อมกับคว้าปืนไรเฟิลของพี่ชายเธอไป เทอร์รี โจ เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติรอบๆ ตัว เรือทั้งลำมีเสียงดังลั่นเอี๊ยดและมีเสียงน้ำที่ไหลทะลักเข้ามา กัปตันไม่พูดอะไรสักคำ เขาหันหลังและปีนกลับขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง

น้ำเริ่มไหลทะลักเข้ามาในห้องนอนของเธอ เด็กหญิงต้องปีนกลับขึ้นไปด้านบน และเธอก็เห็นเรือชูชีพลอยอยู่ข้างๆ เรือยอชท์ ดูเหมือนว่ากัปตันพร้อมที่จะสละเรือแล้ว

เทอร์รี โจ ตะโกนถามกัปตันว่าเรือกำลังจะจมใช่ไหม กัปตันตอบว่า ‘ใช่’ ดูเหมือนว่าเขาเป็นคนเดียวที่มีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนนี้ กัปตันฮาร์วีย์ส่งเชือกเรือชูชีพให้เธอถือเอาไว้ แต่ด้วยความตกใจกลัวและความหนาวทำให้เธอทำเชือกหลุดมือ เมื่อเห็นดังนั้น กัปตันจึงกระโดดลงไปในน้ำเพื่อหนีขึ้นไปยังเรือชูชีพ และพายออกไปทันที

เด็กหญิงพยายามกลับไปเข้าในเรือเพื่อหาอะไรก็ตามที่จะช่วยชีวิตเธอได้ และเธอก็เจอกับแพไม้คอร์กขนาดเล็กที่ทำให้เธอรอดจากเรือจมมาได้ แต่ปัญหาต่อมาก็คือ เธอไม่มีอาหารหรือแม้แต่น้ำเปล่าเลย สิ่งเดียวที่เธอติดตัวมาก็คือชุดนอนของเธอเท่านั้น

ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บในตอนกลางคืน และแสดงแดดที่แผดเผาเธอในตอนกลางวัน เด็กหญิงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่โหดร้ายท่ามกลางทะเลเพียงลำพัง ริมฝีปากและลำคอของเธอแห้งผาก สิ่งที่เธอพบมีเพียงเครื่องบินสีแดงที่บินผ่านเธอไป กับปลาโลมาเท่านั้นเอง

หลังจากที่เธอต้องเคว้งคว้างอยู่ 4 วันเต็มๆ โดยไม่มีทั้งอาหารและน้ำ ในที่สุดก็มีเรือผ่านมาพบเธอเข้า สภาพของเธอใกล้ตายมากๆ แต่จิตใจของเธอก็ยังเข้มแข็งดี นั่นทำให้เธอรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์

ส่วนกัปตันฮาร์วีย์ถูกพบโดยเรือท้องถิ่นลำหนึ่ง ซึ่งเขาบอกกับคนอื่นๆ ว่า เขาเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้ เนื่องจากเรือเกิดอุบัติเหตุสายแก๊สขาดและเรือก็เกิดไฟไหม้

เทอร์รี โจ กลายเป็นพยานเพียงหนึ่งเดียวในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ซึ่งความเป็นจริงก็คือ กัปตันฮาร์วีย์ จงใจฆ่าภรรยา (คนที่ 6) ของตนเอง เพื่อหวังเอาเงินประกัน 20,000 เหรียญ และได้ฆ่าครอบครัวดูเพอร์รัลต์หลังจากที่อาเธอร์พบสิ่งที่เขาทำ

ไม่กี่วันต่อมา กัปตันฮาร์วีย์ ถูกพบว่าฆ่าตัวตายในห้องน้ำของโรงแรมที่เขาพัก หลังจากที่เขาทราบว่า เทอร์รี โจ รอดชีวิต ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ ถูกนำไปสร้างเป็นนิยาย จนได้รับรางวัลนวนิยายลึกลับที่ขายดีที่สุดในปี 1967 ที่ชื่อว่า The Last One Left นั่นเอง

ที่มา http://www.lifedaily.com/story/this-amazing-11-year-old-survived-nearly-a-week-adrift-at-sea/

Credit: http://www.lifedaily.com/story/this-amazing-11-year-old-survived-nearly-a-week-adrift-at-sea/
23 ม.ค. 60 เวลา 03:42 1,421
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...