ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้วิเคราะห์ทิศทางปี 2017 ด้านพลังงานของไทยจะเป็นไปในทิศทางใดและจะมีเทคโนโลยีใดที่จะเข้ามาช่วยทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้
- เริ่มต้นคงต้องเอ่ยถึงราคาน้ำมันและทิศทางของมันก่อนเพราะว่า หลายคนอาจไม่ทราบว่ากลไกราคาน้ำมัน โดยเฉพาะทิศทางราคา มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเราชาวไทยมากเลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าปี 2559 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ราคาน้ำมันถูกตลอดทั้งปี ทำให้ยอดการใช้น้ำมันทุกประเภทในทุกกลุ่มเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นทั้งหมด ต่างจากช่วงปี 54-57 ที่ราคาน้ำมันสูง แนวโน้มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของไทย หรือ ดัชนี Energy Intensity ดีขึ้นต่อเนื่อง
- สำหรับราคาน้ำมันในปี 2560 คง "สูงขึ้น" แน่นอนครับ แต่ก็คงไม่กลับไปสูงเหมือนก่อน และก็คงจะไม่ถูกมากเหมือนปีที่ผ่านมาแน่ๆ ครับ ดังนั้นทุกท่านต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานหรือแม้แต่คงต้องพิจารณาลงทุนเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยทำให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น
7 เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนเทรนด์ในการประหยัดพลังงาน
อันดับ 1 > Solar PV Rooftop ลดหน่วยไฟฟ้า : เทคโนโลยีเต็งหนึ่งที่ผมมั่นใจว่าต้อง "ปัง" ปีนี้แน่ๆ คือ โซลาร์รูฟ ถึงแม้ว่าจะไม่ใหม่ในเชิงเทคนิค แต่ที่จะ "ปัง" ก็เพราะเรื่องความคุ้มค่าที่มาจากต้นทุนที่ลดลงต่อเนื่อง ผนวกกับการแข่งขันที่เข้มข้น กระแสแรงส่งจากขาใหญ่ในต่างประเทศ เช่น Teslas Apple และ Google ที่ออกตัวเชียร์พลังงานโซลาร์แบบออกนอกหน้า แถมด้วยนโยบายรัฐบางเรื่องที่จะมาช่วยเสริมแรง เช่น นโยบาย DR (อ่านว่า ดี-อาร์) เป็นต้น ... ประเด็นความคุ้มค่าจะขยายผลมากหากผู้ใช้ไฟรายนั้นเป็นผู้ใช้ไฟรายใหญ่และมีโปรไฟล์การใช้ไฟช่วงตอนกลางวันมากกว่ากลางคืน แถมหากใช้อัตรา ToU อยู่ด้วยล่ะก้อ ยิ่งคุ้มทุนเร็ว.... ผมรับประกันว่า โซลาร์รูฟที่ติดตั้งเพื่อใช้เอง เน้นลดหน่วยไฟฟ้าตัวเอง ไม่ต้องง้อขายคืนกริดของการไฟฟ้า จะเป็นเทคโนโลยีเต็งหนึ่งที่นอกจากจะประหยัดแล้วจะได้รับความนิยมในหมู่สังคมไทยในปี 2017 นี้แน่นอนครับ
อันดับ 2 > Smart Home : กระแสที่ฉุดไม่อยู่ของเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต หรือ Internet of Things (IOT) ได้ลามไปถึงเทคนิคการจัดการพลังงานแล้วครับ ทำให้ต่อไปเราจะสามารถจัดการและบริหารการผลิตและใช้พลังงาน (โดยเฉพาะไฟฟ้า) ของเราผ่านโทรศัพท์มือถือและแอพต่างๆ ได้ไม่ยาก เช่นการสั่งเปิดไฟ-ปิดแอร์ ตั้งเวลา/ไทม์เมอร์ต่างๆ เป็นต้น อันนี้รวมไปถึงหากอีกหน่อยบ้านหลายๆหลังก็จะมี รถยนต์ไฟฟ้าและแผงโซลาร์รูฟติดตั้งในบ้าน ท่านเจ้าของบ้านก็สามารถบริหารจัดการได้ทั้งสิ้นจากเพียงปลายนิ้วสัมผัส ระบบแบบนี้ล่ะครับที่เขาขนานนามกันว่า "ระบบสมาร์ทโฮม" มาแรงแน่นอน
อันดับ 3 > Plug in Hybrid Pick-up Truck: พวกเราคงคุ้นกันแล้วเรื่องรถยนต์ไฮบริดและปลั๊ก-อินไฮบริดที่เติมได้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้า แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรถเก๋ง รถปิคอัพยังไม่มีค่ายไหนออกมาเปิดตัวและโปรโมทอย่างจริงจัง จนกระทั่งปี 2017 นี่ล่ะครับ ที่ผมพอระแคะระคายมาว่าจะมีค่ายรถใหญ่ค่ายหนึ่งที่จะเข็น "ปิคอัพไฮบริด" มาแข่งเดือดในไทยแน่นอน ขอเรียนย้ำว่ารถไฮบริดเป็นรถที่มี Fuel Economy และ Energy Efficiency สูงมาก ประหยัดชัวร์ครับและรอดูการเปิดตัวนะครับ
อันดับ 4 > คอนโดริมรถไฟฟ้า : เทรนด์ใหม่สำหรับ หนุ่ม-สาว Gen X-Y-Z ที่ทำงานแล้วและกำลังหาบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง กระแสตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า "คอนโดริมรถไฟฟ้า" ตอบโจทย์หนุ่มสาวเหล่านั้นมากกว่าบ้านเดี่ยวชานเมือง(บวกต้องถอยรถส่วนตัวมาด้วย) แน่นอน อีกทั้งก็ยังตอบโจทย์แนวทางการพัฒนาเมืองแบบใหม่ที่เรียกว่า Smart Growth อีกด้วย เมืองแบบนี้จะพัฒนาในแนวสูง (ไม่ราบแบน) เล็กกระชับ (ไม่กว้างใหญ่มโหฬารเหมือนบางเมืองในประเทศสารขันธ์) และที่สำคัญต้องเชื่อมต่อกันด้วยระบบรางและเส้นทางสีเขียว (ทางเดินเท้าและจักรยาน) เทรนด์เมืองใหม่แบบนี้ล่ะครับกำลังจะปฏิรูปชีวิตประจำวันพวกเราและหนุ่ม-สาวเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว..... หรือจะเรียกว่าเทรนด์นี้ว่า Smart City นั้นเองครับ
อันดับ 5 > Solar PV Air-con : ขอทำนายว่าจะมาแรงไม่แพ้ "Solar-สูบน้ำ" ที่ถือว่าเป็นกระแสแรงมากในปี 59 ที่ผ่านมา แต่ปีนี้ผมว่ากระแสเห่อพลังงานแสงอาทิตย์ในเมืองไทยน่าจะยังไม่ซาลง ผมเลยอยากจะขอแนะนำว่าหากเอาระบบพลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้ตรงที่เครื่องปรับอากาศได้นอกจากจะประหยัดแล้วยังจะช่วยระบบไฟฟ้าของประเทศได้ด้วย เพราะการใช้ไฟฟ้าในภาคอาคารและครัวเรือนในเมืองไทยเกือบๆ 2 ใน 3 ใช้ในเครื่องปรับอากาศ แถมมีการแข่งขันการมากในตลาด ทั้งเครื่องนำเข้าและที่ผลิตในประเทศเลยครับ หากสนใจลองดูนะครับ น่าจะหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตไม่ยาก
อันดับ 6 > Inverter : หลายท่านอาจจะเห็นว่าเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ รุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานเยอะๆ นั้นล้วนแต่เป็น "แอร์อินเวอร์เตอร์" ทั้งสิ้นเพราะเป็นเทคโนโลยีที่จะควบคุมรอบการหมุนของมอเตอร์ในเครื่องแอร์นั้นเอง แต่หลายท่านอาจไม่ทราบว่าไอ้ "อินเวอร์เตอร์" ที่ว่ากำลังจะไปแพร่หลายใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ด้วย ตัวหลักที่ใช้ในบ้านเลยก็คือ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า และในโรงงาน ได้แก่ ปั๊มน้ำ/ปั๊มลม ดังนั้นหากเห็นโฆษณา "ตู้เย็นอินเวอร์เตอร์" หรือ "เครื่องซักผ้าอินเวอร์เตอร์" ล่ะก้อ เชื่อได้ว่าประหยัดกว่าเทคโนโลยีเดิมอย่างน้อย 30% แน่นอนครับ
อันดับ 7 > หลอด LED : แม้ไม่ใช่เทรนด์ใหม่ เพราะปี 58-59 ยอดขายหลอด LED ทุบสถิติขยายตัวร่วมๆ 200%/ปี ภายในสองปีติดต่อกัน แต่ที่จะเริ่มเห็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี LED ใหม่ๆมากขึ้นไปอีก ได้แก่ การตบแต่งให้สถานที่ท่องเที่ยว หรือบางแห่งทำ Light & Sound ด้วยเพราะ LED เป็นหลอดไฟที่เปลี่ยนสีได้นั้นเอง นอกจากนี้เราจะเริ่มเห็นการใช้ LED-ภาคเกษตร มากขึ้น ทั้งที่ใช้ LED-ปลูกผัก LED-เลี้ยงปลาและ LED-ไล่แมลง/ไล่ยุง เทรนด์ LED ยังแรงครับ ...บอกได้คำเดียวว่า แรงจนทำให้หลอดประเภทอื่นรอวันตายครับ
ขอบคุณที่มา: http://www.thaitribune.org/contents/detail/306?content_id=25162&rand=1484962209