เปิดภาพ! สัตว์ทหารกล้า ผู้อยู่เบื้องหลังสงคราม

 

พีเพิล ดิสเปนซารี่ ฟอร์ ซิกค์ เอนิมอล ดิกคิน เมดัล (หรือ "พีดีเอสเอ") เทียบเท่ากับเหรียญกล้าหาญ วิคตอเรีย ครอส เลยก็ว่าได้ ซึ่งรางวัลนี้จัดตั้งโดย มาเรีย ดิกคิน ในปี 1943 โดยถือเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดที่สัตว์จะได้รับ จากการปฏิบัติหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางทหารอย่างกล้าหาญและปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์

(ในภาพ) เจ้าลูกก้า สุนัขเพศเมีย พันธุ์เยอรมันแชพเพิร์ดแห่งกองทัพนาวิกโยธิน ที่ปฏิบัติหน้าที่มาแล้วกว่า 400 ภารกิจ ตลอดช่วงระยะเวลา 6 ปี โดยเจ้าลูกก้าได้รับรางวัลนี้เป็นตัวล่าสุด (ตัวที่ 66)

 

เจ้าลูกก้า ต้องเสียขาไปข้างหนึ่งในภารกิจออกลาดตระเวนครั้งสุดท้าย (23 มีนาคม 2012) เมื่อระเบิดที่มันพบเกิดระเบิดขึ้น โดยมันได้เข้าพิธีรับเหรียญกล้าหาญอย่างสมเกียรติ ณ ค่ายทหารเวลลิงตันในกรุงลอนดอน 5 เมษายน 2016

(ในภาพ) จ่าคริสโตเฟอร์ วิลลิ่งแฮม กำลังจับมือหยอกล้อกับเจ้าลูกก้า

และในอดีตที่ผ่านมายังมีสัตว์หลายชนิด ที่ปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพอย่างกล้าหาญ และได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้อีกมากมาย คลิกต่อไปเพื่อชมเพิ่มเติมกันได้เลย

8 ธันวาคม 2015 พีดีเอสเอ ได้ประกาศว่าเจ้าดีเซล สุนัขตำรวจต่อต้านภัยก่อการร้าย สมควรจะได้รับเหรียญกล้าหาญเป็นอย่างยิ่งแม้จะตายไปแล้ว โดยเจ้าสุนัขพันธุ์เบลเจี่ยน มาลินอยส์ ถูกฆ่าตายในวันที่ 18 พฤษจิกายน 2015 ในเหตุการณ์โจมตีใจกลางกรุงปารีส

โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้น เจ้าดีเซล ได้รับภารกิจให้ค้นหาผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ภายในตึกแห่งหนึ่ง ขณะที่มันกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ได้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ต้องสงสัย เป็นเหตุทำให้เจ้าดีเซลถูกยิงหลายนัดและเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งการตายของเจ้าดีเซล ได้ช่วยชีวิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยจู่โจมขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการครั้งนี้ไว้ได้หลายนาย

 

ซาช่า สุนัขพันธ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ "สุนัขค้นหาแห่งหน่วยสัตวแพทย์ของกองทัพบก" ได้รับเหรียญกล้าหาญในปี 2014 (หลังจากที่เธอตายไป 6 ปี) โดยในเดือนพฤษภาคมปี 2008 สิบตรีเคนเนธ โรว์ ได้ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถาน ในฐานะเจ้าหน้าที่สืบและค้นหาที่เก็บซ่อนกระสุนและวัตถุระเบิดของข้าศึก เจ้าซาช่าจึงถูกนำไปด้วย และขณะการออกลาดตระเวนในวันที่ 24 กรกฎาคม 2008 (1 วันก่อนพักภารกิจและเดินทางกลับบ้าน) สิบตรีโรว์กับเจ้าซาช่า ต้องเสียชีวิตจากการลอบสังหาร ด้วยการระดมยิงปืน ค.อาร์พีจี โดยกลุ่มกองกำลังติดอาวุธตาลีบัน

(ในภาพ) เจ้าซาช่ากับสิบตรีเคนเนธ โรว์ กรกฎาคม 2008

 

เจ้าวอร์ริเออร์ ม้าที่ได้รับการขนานนามว่า "เจ้าม้าเยอรมันฆ่าไม่ตาย" ได้รับใช้กองทัพทหารม้าแห่งแคนาดาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 (1914) ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่มันประจำการในสมรภูมิรบ เจ้าวอร์ริเออร์สามารถเอาชีวิตรอดจากดงกระสุนปืนกลและระเบิดที่ถูกทิ้งลงมามากมายได้ตลอด

และในปี 2014 ในที่สุดเจ้ามาตัวนี้ก็ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ "เหรียญกล้าหาญสูงสุด" (1 ศตวรรษหลังจากที่ม้าตัวนี้ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิรบ เวสเทิร์น ฟรอนต์ กับนายพลแจ็ค ซีลี่ย์ ในปี 1914) โดยรางวัลอันทรงเกียรติของม้าตัวนี้ ถูกรับมอบโดยบราฟ สกอตต์ (ในภาพ) หลานชายของนายพลซีลี่ย์

 

ธีโอ สุนัขพันธุ์สปริงเกอร์ สเปเนี่ยล ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสุนัขค้นหาอาวุธและระเบิดในหน่วยสัตวแพทย์แห่งกองทัพบก ขณะประจำการอยู่ในอัฟกานิสถาน

หลังจากปฏิบัติภารกิจการบันทึกหมายเลขของระเบิดที่ติดตั้งไว้ 5 เดือน กับสิบตรีเลียม ทาสเกอร์ (ผู้ดูแลและคู่หูของเจ้าธีโอ) พวกเขาก็ถูกกลุ่มกบฎตาลีบันลอบสังหาร ซึ่งสิบตรีทาสเกอร์เสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุทันที ส่วนเจ้าธีโอเสียชีวิตจากการถูกทรมานหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเพียงไม่นาน เจ้าธีโอ "สุดยอดสุนัขที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่" ก็ได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุด ในเดือนตุลาคม 2012

(ในภาพ) จ่าแมตธิว โจนส์ แห่งกองทัพบกอังกฤษ และเจ้าเกรซ สุนัขค้นหาแห่งกองทัพบก ถ่ายรูปคู่กันพร้อมกับเหรียญกล้าหาญของเจ้าธีโอ

 

ทรีโอ สุนัขลูกผสมระหว่างแบล็คลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์กับสปริงเกอร์ สเปเนี่ยล (ประจำการในฐานะสุนัขค้นหาอาวุธและระเบิดของหน่วยสัตวแพทย์แห่งกองทัพบก) เป็นสัตว์ตัวที่ 63 ที่ได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญสูงสุดนี้ (ได้รับเหรียญกล้าหาญในปี 2010) หลังจากที่เขาได้พบระเบิดหัวต่อของชุดระเบิดอีกหลายลูกที่เชื่อมต่อกัน ในขณะปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถานปี 2008

 

ซาดี้ เจ้าสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ปฏิบัติหน้าที่เคียงข้างกับสิบตรีหญิงคาเรน ยาร์เดลี่ย์ (ผู้ดูแลและคู่หูของซาดี้) ในการค้นหาระเบิดนอกฐานบัญชาการของสหประชาชาติ ใน คาบูล หลังจากมีเหตุระเบิดพลีชีพในปี 2005 เจ้าซาดี้ค้นพบระเบิดลูกที่สอง ที่ถูกซุกซ่อนไว้หลังกำแพงคอนกรีต ทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ มีเวลาพอในการเคลื่อนย้ายบุคลากรและทำการปลดล็อคระเบิดได้ทันเวลา

โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เจ้าซาดี้ได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุด ในปี 2007

 

บัสเตอร์ สุนัขพันธุ์สปริงเกอร์ สเปเนี่ยลประจำการในหน่วยสัตวแพทย์แห่งกองทัพบก และถูกส่งมอบให้ไปปฏิบัติการในกรมทหารราบของดยุคแห่งเวลลิงตัน ในซัฟวาน อิรัก ปี 2003 โดยเจ้าบัสเตอร์ได้ค้นพบที่ซุกซ่อนอาวุธขนาดใหญ่ในพื้นที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นของกลุ่มหัวรุนแรง จากภารกิจในครั้งนั้นทำให้เจ้าบัสเตอร์ได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุดในปี 2005

 

อพอลโล สุนัขพันธุ์เยอรมันแชพเพิร์ด ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วย เค 9 แห่งกรมตำรวจนิวยอร์ก โดยได้รับหน้าที่เป็นสุนัขค้นหาและช่วยเหลือในเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งเมื่อตอนเกิดเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนั้น เจ้าอพอลโลเป็นสุนัขตำรวจตัวแรกที่มาถึงที่เกิดเหตุและก็เกือบตายด้วยเศษอิฐที่ร่วงลงมาเช่นกัน

ด้วยเกียรติประวัติในครั้งนั้นทำให้เจ้าอพอลโลได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุด "พีดีเอสเอ" ในเดือนมีนาคม 2002 ในนามของสุนัขกู้ภัย ณ กราวด์ ซีโร่ และ เพนตากอน "สำหรับการปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในการรับใช้มนุษยชาติ"

 

เจนเดอร์ สุนัขพันธุ์นิวฟาวด์แลนด์ รับใช้กองทัพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ในปี 2002 จากวีรกรรมสุดห้าวหาญ โดยเจ้าเจนเดอร์ช่วยชีวิตของทหารในกองทัพจากการต่อสู้กับญี่ปุ่นถึง 3 ครั้ง ณ สมรภูมิรบเกาะฮ่องกงปี 1941

ซึ่งเหตุการณ์สำคัญที่สุดจาก 3 ครั้งคือยอมสละชีวิตตัวเองคาบระเบิดมือของทหารญี่ปุ่นที่ขว้างมาใส่ทหารแคนาดา แล้วกระโจนกลับไปหาศัตรูทันที จากการสละชีวิตในครั้งนั้นของเจ้าเจนเดอร์ได้ช่วยชีวิตของเหล่าทหารฝ่ายเดียวกันไว้ได้มากมาย

(ในภาพจากซ้ายไปขวา) ภาพเจ้าเจนเดอร์กับผู้ดูแล และ ภาพที่ถ่ายกับเหล่าทหารจากหน่วยอาวุธเบาของกองทัพบกแคนาดาก่อนเคลื่อนพลไปยังเกาะฮ่องกง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ไซมอน เป็นแมวเพียงตัวเดียวที่ได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญสูงสุด โดยเจ้าไซมอนได้รับรางวัลนี้ในปี 1949 จากการปฏิบัติหน้าที่บนเรือรบ เอชเอ็มเอส อเมธิสต์ แห่งกองทัพเรือ ซึ่งติดอยู่ในแม่น้ำแยงซีถึง 3 เดือน ช่วงสงครามกลางเมืองในจีน

เจ้าไซมอนได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงจู่โจมเรือ แต่ในขณะที่กำลังพักรักษาตัวอยู่เจ้าไซมอนก็ยังฝืนทำหน้าที่ของตัวเองในการกำจัดหนู เพื่อรักษาเสบียงอาหารที่มีอยู่บนเรือ ทำให้ทหารหลายนายรอดชีวิต เพราะมีเสบียงอาหารเพียงพอ

3 ตำรวจม้าแห่งกรมตำรวจกรุงลอนดอนได้รับการยกย่องให้ได้เหรียญกล้าหาญในปี 1947 จากการปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนในเมืองอย่างมั่นคงในหน้าที่ (ในช่วงปี 1947)

โดยอัพสตาร์ต (ตัวกลาง) และ โอลก้า (ตัวซ้าย) ได้รับการยกย่องในเรื่องของความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ท่ามกลางเหตุการณ์ลอบวางเพลิงในกรุงลอนดอน ส่วนเจ้าเรกัลได้รับการยกย่องต่อการอดทนปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนจบแม้จะได้รับบาดเจ็บจากเหตุลอบวางเพลิงครั้งนั้น

จูดี้ สุนัขพันธุ์พอยเตอร์ ได้ล่องเรือไปกับเรือรบ เอชเอ็มเอส กราสฮอปเปอร์ แห่งกองทัพเรือ และอยู่บนเรือลำดังกล่าวด้วยตอนที่เรือกำลังจมลงในแม่น้ำแยงซี ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เจ้าจูดี้สามารถเอาชีวิตรอดมาได้พร้อมกับทหารเรืออีกหลายนายและว่ายน้ำไปติดอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง เจ้าจูดี้ได้ช่วยชีวิตบรรดาทหารเรือทั้งหมดด้วยการหาแหล่งน้ำจืดให้พวกเขาได้ดื่มประทังชีวิต

หลังจากนั้นเมื่อเหล่าทหารเรือที่รอดชีวิตถูกญี่ปุ่นจับตัวได้ และกลายเป็นนักโทษสงคราม จูดี้ก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไปด้วยการช่วยให้ทหารทุกนายมีจิตวิญญานนักสู้ไม่ยอมแพ้ แม้เป็นนักโทษ เมื่อได้รับการปล่อยตัว จูดี้ก็ได้รับการยกย่องด้วยการมอบเหรียญกล้าหาญสูงสุดให้ ในเดือนพฤษภาคม 1946

 

ในขณะที่เจ้านกพิราบ "จี.ไอ.โจ" ตัวนี้รับใช้กองทัพสหรัฐอเมริกา มันได้ช่วยชีวิตบรรดาชาวบ้านในหมู่บ้านคาลวี เวคเคียในอิตาลี และทหารอังกฤษจำนวนมาก ที่ถูกชิงตัวคืนมาจากเยอรมัน นอกจากนั้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทำการรบในอิตาลี กองกำลังพันธมิตรได้ร้องขอการสนับสนุนทางอากาศตอนที่พวกเขาโดนจับในหมู่บ้าน บรรดาทหารที่โดนจับก็ต้องพึ่งพาเจ้าจี.ไอ.โจ เพื่อนำสารทางทหารไปส่งยังผู้บัญชาการ

เจ้านกตัวนี้ได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุดจากวีรกรรมดังกล่าวและได้รับการยกย่องว่า "เป็นนกที่ทำการบินส่งสารอย่างกล้าหาญที่สุดของหน่วยสื่อสาร (นกพิราบ) แห่งกองทัพสหรัฐอเมริกา ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2"

 

เจ้าริป สุนัขจรจัดที่หน่วยต่อต้านสงครามกลางเมืองปอปลาร์ ในอีสต์ ลอนดอน เก็บมาเลี้ยงและฝึกมันเป็นยอดสุนัข โดยหน้าที่ของเจ้าริปคือค้นหาผู้บาดเจ็บจากการโจมตีทางอากาศของเยอรมันช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ภารกิจดังกล่าวทำให้เจ้าริปได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุดในปี 1945

(ในภาพ) ริปกับผู้ดูแลและมิสเตอร์ คิง ผู้ดูแลและผู้ฝึกของมัน

เจ้านกพิราบนามว่า "คอมมานโด" ตัวนี้ทำหน้าที่ส่งสารภารกิจทางการทหารให้กับกองทัพอังกฤษมากมายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้มันได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุดในปี 1945 โดยในตอนนั้นเจ้าคอมมานโดนำสารสำคัญเรื่องเยอรมันเข้ายึดฝรั่งเศสไปส่งยังกองทัพอังกฤษได้ทันท่วงที ซึ่งนกพิราบน้อยตัวนักที่จะทำได้

ชีล่า สุนัขพันธุ์คอลลี่ ได้รับเหรียญกล้าหาญในปี 1945 จากการปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มันได้รับภารกิจให้ออกค้นหานักบินของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา 4 นาย หลังเครื่อง โบอิ้ง บี-17 เกิดปัญหากลางพายุหิมะและตกลงระหว่างชายแดนอังกฤษและสกอตแลนด์ ซึ่งเจ้าชีล่าก็สามารถช่วยชีวิตนักบินเหล่านั้นได้ทันเวลา ก่อนที่ระเบิดบนเครื่องบินจะทำงาน

 

วิกกี้ นกพิราบสื่อสารแห่งกองทัพอากาศ ได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุดในปี 1943 จากการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเหตุการณ์ ณ ตอนนั้นเกิดขึ้นไวมาก เครื่องบินที่บรรทุกทหารและตัวเจ้าวิกกี้เอง ถูกข้าศึกยิงตกลงกลางนอร์ธ ซี ในปี 1942 วิกกี้ได้บินกลับบ้านและแจ้งข่าวด้วยระยะทาง 120 ไมล์ (193 กิโลเมตร) เป็นเพราะความตั้งใจและทุ่มเททำหน้าที่ของวิกกี้ ที่สามารถช่วยชีวิตของทหารและลูกเรือเกือบทั้งหมดเอาไว้ได้จากเหตุการณ์ครั้งนั้น

ขอบคุณที่มา: http://www.msn.com/th-th/news/photos/เปิดภาพ-สัตว์ทหารกล้า-ผู้อยู่เบื้องหลังสงคราม/ss-AAilm3N#image=19

Credit: http://board.postjung.com/1009388.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...