ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีของเวียดกงและกองทัพประชาชนเวียดนาม 2

ประเมินนักรบเวียดนามเหนือ (Assessment of the NVA/PAVN fighter)

ทหารเวียดนามเหนือกับธงรบและปืนครก ปืนกลติดโล่ป้องกันด้านขวาล่างขื่อ
 SG-43 ของโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่2

 

     เมื่อเปรียบเทียบแล้วทหารเวียดนามเหนือได้รับการ ศึกษาสูงกว่าเวียดกง (ไม่ได้ด่านะแปลตามเค้ามา) แต่ก็ยังไม่เท่าเทียมกับทหารของฝ่ายตะวันตก แต่ทหารเวียดนามเหนือถูกฝึกให้ใช้มือในการทำงานหนัก พวกเขาถูกฝึกให้มีความชำนาญการรบในป่า (jungle warfare=จังเกิ้ล วอร์แฟร์) ซึ่งเหล่านักรบรุ่นลูกรุ่นหลานจะได้รับการถ่ายทอดวิชา จากทหารอาวุโสที่เคยผ่านศึกกับฝรั่งเศสมาแล้ว (อย่างเทพ) ทำให้ทหารเวียดนามใต้และอเมริกันที่ไม่ถนัดการรบในป่าต้องพ่ายแพ้ ทหารเวียดนามเหนือถูกสั่งสอนไม่ให้ยอมแพ้ ซึ่งมักจะเป็นการให้ทหารสาบานว่าจะจงรักภักดีและไม่ทรยศ จึงมีทหารที่หนีทัพหรือยอมเป็นเชลยน้อยมากกว่าเวียดกง,ทหารเวียดนามใต้และ ทหารอเมริกัน

 

 

การเกณฑ์และฝึกของเวียดกง (VC recruitment and training)

เวียดกงกำลังศึกษาการโจมตียานเกราะลำเลียงพล
เอ็ม113ของสหรัฐฯ


     ในสงครามกองโจรนั้น การควบคุมพลเมืองได้เป็นกุญแจไปสู่ความสำเร็จและการอยู่รอด ฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้ดำเนินการที่มีความซับซ้อนและมีความชำนาญ ทั้งในด้านการเมืองและการทหาร

 

ความสำคัญของคนในพรรค (Importance of the party cadres)

เวียดกงยืนเต๊ะท่าบนรถเกราะ เอ็ม113ที่ถูกทำลายอย่างภูมิใจ


     การเกณฑ์นักรบเวียดกงดำเนินตามรูปแบบของประธานฯเหมา (อีกละ)ที่ใช้ในช่วงการปฏิวัติจีน โดยพรรคมีหน้าที่ในด้านการปกครองโดยการทำกิจกรรมด้านการเมือง เริ่มจากการส่งสายลับเข้าไปหาคนมาเข้าร่วมพรรค โดยจะมีการรักษาความลับและตัวตนของตนเองเป็นอย่างดี ด้วยการส่งเซลล์เป็นหน่วยหรือทีมเข้าไปช่วยพวกกบฏในทางใต้ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในท้องถิ่น โดยการมาของพวกเขาไม่ได้เป็นการมาแบบกะทันหัน (cold call) แต่จะฝังรากลึกลงในหมู่บ้านเพื่อทำการสอนด้านสังคม,การเมืองและเศรษฐกิจ แก่สมาชิกในพรรค (ชาวบ้าน) ให้กลายเป็นคอมมิวนิสต์ให้หมด ด้วยการส่งเสริมยุแยงให้เกิดความเจ็บใจและไม่พอใจการปกครองของรัฐบาล และทำให้ประชาชนเวียดนามใต้เห็นว่า การรวมชาติเวียดนามเป็นการมีอิสรภาพอย่างแท้จริง โดยไม่ได้ใช้วิธีการที่เคร่งเครียดอย่างการปรึกษาหารือถกเถียงเรื่องการ เมืองกัน (อย่างการเมืองบ้านเราตอนนี้เถียงไปก็เครียดเปล่าๆ) แต่กลับไปใช้ วงดนตรี,คณะแสดงละครหรือภาพยนตร์ และรูปแบบอื่นๆที่ให้ความบันเทิงอย่างต่อเนื่อง

 

วงดนตรีและนักแสดงหญิงกำลังฟ้อนรำภาพจาก วิดีโอเรื่อง"รู้จักเวียดกงศัตรูของคุณ"
("Know you enemy vietcong")ที่ยึดได้จากเวียดนามเหนือใครอยากได้ตัวเต็มคลิกที่นี่ครับ
แล้วเลือกโหลดไฟล์ความละเอียดตามขนาดขนาดด้านซ้าย (ชัดสุด905MB)

 

     ทำให้เวียดกงรู้สึกผ่อนคลายหลังจากรบเสร็จมาหมาดๆ หากไม่มีอะไรมาบันเทิงจรรโลงใจบ้างพวกเขาจะต้องเครียดอย่างมากจากสงครามแน่ๆ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ของพรรคคอมมิวนิสต์ยังได้สั่งให้เวียดกงทุกคนจะต้องทำ ตัวยิ้มแย้มแจ่มใสมีชีวิตชีวา (โดยเฉพาะเวลาออกไปโฆษณาชวนเชื่อกับประชาชนและบันทึกภาพถ่ายหรือวิดีโอ) เพื่อทำให้คนรอบข้างและทุกคนมีกำลังใจรวมทั้งทำให้ชาวบ้านเกิดความเชื่อมั่น ไม่ทำหน้าหน่ายโลกหมดหวังแบบทหารที่ใกล้แพ้ ซึ่งจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจเป็นอย่างมาก (เป็นจิตวิทยาจริงๆ) พวกเขายังต้องใช้ชีวิตอย่างอุทิศตนทั้งชีวิตเพื่อการปลดปล่อยบ้านเมือง พูดง่ายๆก็คือพวกเขาแทบไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาสามัญทั่วไปเลย นอกจากนี้ยังต้องถูกคนตำหนิประนามว่าเป็นคอมมิวนิสต์ทำลายชาติอีกต่างหาก (ทั้งๆที่ใจจริงอยากขับไล่อิทธิพลของพวกตะวันตกให้หมดไปจากเวียดนามซะที ถึงจะเป็นคอมมิวนิสต์แต่ก็รักชาตินะเฟ้ย!)

 

เวียดกงกำลังตรวจสอบลูกระเบิดยิงด้วยปืน ไรเฟิลซึ่งส่งมาจากจีน

 

     หมู่บ้านที่ให้ความสนับสนุนเวียดกงจะทำตัวเงียบๆ แบบทางการไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหมู่บ้านใดเป็นของฝ่ายเวียดกงบ้าง โดยที่คนในหมู่บ้านไม่ได้เงินค้าจ้างจากเวียดกงเลยสักกะดอง(ค่า เงินเวียดนาม) แต่พวกเขาก็ให้ความสนับสนุนเวียดกงอย่างบริสุทธิ์ใจ(นับเป็นผลสำเร็จจากวิธี การมวลชนสัมพันธ์ของเวียดกงที่เป็นมิตรกับชาวบ้านด้วยการแจกข้าวสาร,ยุกยา รักษาโรคแบบฟรีๆไม่คิดตังค์เป็นการผูกสัมพันธ์กับชาวบ้านได้เป็นอย่างดี) แต่พอชาวบ้านหรือประชาชนเวียดนามใต้เดือดร้อนแล้วพูดประกาศและประท้วง ก็ถูกรัฐบาลมองว่าเป็นปรปักษ์พวกโค่นล้มรัฐบาลและเป็นพวกคอมมิวนิสต์ จึงทำการปราบปรามอย่างรุนแรง โดยเฉพาะพวกที่เป็นแกนนำที่มักจะถูกลอบสังหาร ยิ่งรัฐบาลรุนแรงกับประชาชนเท่าไรประชาชนก็ไปเป็นพวกเวียดกงมากขึ้นเท่านั้น นับเป็นการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเวียดนามใต้ที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง

 

เวียดกงหญิงคนซ้ายยืนถือปืนยิ้มแฉง(น่า จะเป็นหัวหน้า)พวกเธอใช้ปืนเอ็ม-1 คาร์ไบน์
ที่ยึดได้จากฝ่ายรัฐบาล ปืนแบบนี้เป็นที่นิยมมากในเวียดนามอาจเป็นเพราะแรงถีบค่อนข้างเบา(มั้ง)

 

     นอกจากชายชาตรีชาวเวียดนามที่เข้าร่วมเป็นเวียดก งกันเป็นจำนวนมากแล้ว ก็ยังมีหญิงสตรีชาวเวียดนามเข้าร่วมด้วยและยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์หญิงได้ชักชวนผู้หญิงเข้าร่วมขบวนการเวียดก งด้วย ก็ปรากฏว่ามีหญิงสาวที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นจำนวนมากอาสาเข้ามาร่วมการปฏิวัติ อย่างไม่เกรงกลัวภัยอันตรายที่จะเกิดกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย

 

ใช้ความเจ็บใจของคนในท้องถิ่นและความแค้นส่วนบุคคล (Use of local grievances and individuals)

สตรีชาวเวียดนามใต้ผู้เป็นแม่กำลังร่ำไห้เมื่อเห็นศพลูก ชาย
ที่ตายด้วยน้ำมือของทหารอเมริกัน

 

     คนในท้องถิ่นที่มีความคับแค้นใจและไม่พอใจทหาร เวียดนามใต้หรือถูกกดขี่ต่างๆนานา จะถูกเจ้าหน้าที่ของคอมมิวนิสต์ให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะสามารถชักจูงมาเป็นพวกได้ง่าย โดยเขาเหล่านี้จะถูกจดสมุดบันทึกรายชื่อไว้ แล้วพวกเวียดกงก็จะเข้าไปหาถึงบ้านเพื่อพูดคุยและชวนให้เข้ามาเป็นสมาชิก บริษัทเวียดกง ไม่จำกัด !?? (คล้ายๆกับบริษัทขายตรงเดี๋ยวนี้ยังไงก็ไม่รู้เนอะ) โดยอาจจะให้ช่วยสนับสนุนเวียดกงในตอนแรกก่อน จนได้เข้าเป็นเวียดกงถือปืนอย่างเต็มตัวในภายหลัง ปรากฏว่าคนพวกนี้จะทำงานได้อย่างดีเพราะมีความแค้นเป็นแรงกระตุ้น (เรียกว่ายิ่งแค้นมากยิ่งทุ่มเทให้กับงานมาก) วิธีการก็มีตั้งแต่ เข้าไปตีสนิทแสดงความเป็นมิตร(friendship=เฟรนชิป),แอบนินทาฝ่ายปกครองให้ ฟัง,รวมตัวผู้ที่มีความแค้นต่อรัฐบาลตั้งแต่เป็นหมู่คณะไปจนถึงเป็นองค์กร หมู่บ้านจะจัดงานรื่นเริงหรือแข่งขันต่างๆ ที่ความจริงแล้วเป็นการรวมตัวกันของผู้เกลียดชังรัฐบาล โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างกลุ่มคนขนาดเล็กเรียกว่า นิวเคลียส (nucleus)เพื่อที่จะเก็บสะสมไว้ใช้ในคราวต่อไป และทำให้เกิดความง่ายต่อการเกณฑ์คนมาเป็นเวียดกง หัวหน้าคอมมิวนิสต์ยังอาศัยประโยชน์จากความหย่อนสมรรถะภาพของฝ่ายรัฐบาลด้วย เพราะมีการติดสินบนใช้เส้นกันอย่างรุนแรง (คล้ายๆบางประเทศอีกละ) จนเหตุการณ์รุนแรงขึ้นเมื่อที่ทำการของรัฐบาลในท้องถิ่นเริ่มถูกวางเพลิง (นี่ก็คล้ายๆบ้านเราทางใต้อีก)

 

ครอบครัวชาวเวียดนามใต้กำลังหวาดกลัว เมื่อทหารอเมริกัน
บุกเข้าค้นหมู่บ้านเพื่อควานหาตัวเวียดกงหรืออาวุธและเสบียงที่ซุกซ่อนไว้

 

     พวกเขายังรู้ถึงความอยุติธรรมของพวกนายทุนเจ้าของ ที่ดิน (landlords=แลนด์ลอร์ด) ที่ปล่อยให้ชาวนาเช่าที่นา หรือเช่าบ้านต่างๆขูดรีดดอกเบี้ยอย่างหน้าเลือด แบบกู้นอกระบบ(นี่ก็คล้ายๆบางประเทศ) พวกเขาใช้สิ่งเหล่านี้ในการยุแยงให้ทหารเวียดนามใต้หนีทัพ และหันมาให้ความร่วมมือกับเวียดกง ไม่ว่าจะเป็นการไม่ยอมไปรายงานตัวตามหมายเรียกเกณฑ์ทหารเข้ากองทัพ,การทำให้ ขวัญของทหารตกต่ำ และอาจจะมาช่วยสนับสนุนด้านยุทธวิธีให้กับเวียดกง พูดง่ายๆก็คือมาบอกเวียดกงว่าทหารเวียดนามใต้มียุทธวิธียังไง เวียดกงจะได้รู้ทันและปรับกับยุทธวิธีของพวกตนให้ได้เปรียบ มีอยู่บ่อยๆที่เวียดกงใช้ความเป็นเพี่อนกับทหารเวียดนามใต้ ทำให้ทราบความเคลื่อนไหวของทหารเวียดนามใต้อยู่ตลอดเวลาว่า ฝ่ายรัฐบาลจะออกกวาดล้างที่ใด?เวลาไหน?มากันเท่าไหร่? เพื่อที่จะได้ไหวตัวทันที่จะทำการหลบหนีหรือเตรียมกันซุ่มโจมตี อาจจะไม่ใช่ทหารก็ได้ที่เป็นสายให้เวียดกง แม้แต่ชาวบ้านก็เป็นผู้รายงานความเคลื่อนไหวของทหารรัฐบาลให้เวียดกงทราบ อยู่ตลอดเวลา

 

สร้างและแยกย้ายกลุ่มแนวหน้าเพื่อให้ดำรงอยู่ได้ (Creation and manipulation of front groups or infiltration of existing organizations)

แสตมป์ของจีนแสดงการต่อสู้ของชาวเวียดนาม

 

     คอมมิวนิสต์ได้สร้าง”แนวหน้าร่วมกัน”( united Front=ยูไนเต็ด ฟร็อน) ต่อต้านสหรัฐฯและรัฐบาลเวียดนามใต้ ด้วยการปฏิบัติการอย่างกว้างขวาง เพื่อชักจูงให้ผู้ที่มีความรักชาติลุกฮือกันต่อต้านสหรัฐฯและรัฐบาลเวียดนาม ใต้ ต่อต้านพวกจักรวรรดิ์นิยมชาวต่างชาติ (anti-foreign sentiment=แอนทิ ฟอเรนท์ เซนทิเมนท์) ใช้ความเจ็บช้ำน้ำใจของคนในท้องถิ่นหรือจากวิธีการอื่นๆมาเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งบุคคลเหล่านี้แหละที่จะถูกฝึกจนเป็นนักรบในกลุ่มแนวหน้า (front groups=ฟร็อน กรุ๊ป) โดยพวกเขาจะทำตัวเสมือนสวมหน้ากาก (mask=มาซค์) เป็นประชาชนธรรมดา ปิดทับหน้าที่แท้จริงซึ่งเป็นเวียดกงเอาไว้ โดยที่ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้เลยว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นสมาชิกของพรรค ประชาชน (populist =พอบพูลิสต์ ไม่ใช่พรรคพลังประชาชนนะ) ซึ่งก็เช่นเคยพวกเขาเหล่านี้ก็จะไปหาคนมาเป็นกองกำลังของเวียดกง เรียกว่าพวกนี้ทำงานอยู่หลังฉากจริงๆ เพราะหน้าฉากจะทำตัวเป็นชาวไร่ชาวนาที่ไม่มีพิษภัย หรือรวมกลุ่มกันเป็นสมาคม,สหกรณ์เพื่อการเกษตรอะไรเทือกนี้ ซึ่งใครจะรู้เล่าว่านอกจากเก็บพืชผลแล้วพวกนี้ยังจะเก็บทหารอเมริกันและ เวียดนามใต้ไปด้วย (กำไรจริงๆ) นอกจากนี้ยังมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมหรืออะไรก็ได้ที่ สามารถรวมกลุ่มกันได้แบบดูเป็นปกติ

 

ทหารเวียดนามเหนือประทับเครื่องยิงลูก ระเบิด อาร์พีจี-2

 

     สมาชิกในกลุ่มเหล่านี้จะสามารถแยกย้ายกันออกไป เมื่อรู้ว่ามีภัยและสามารถไปสร้างกลุ่มใหม่ได้อีกซึ่งอยู่ในสายงานของเวียดก ง เป้าหมายของกลุ่มเหล่านี้ก็คือทำให้ประชาชนเข้ามาร่วมกับเวียดกงให้ได้มาก ที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ก็อาจจะมีบางกลุ่มที่ถูกทางการจับได้อยู่เหมือนกัน (ปิดไม่มิด) จึงขอยกตัวอย่างให้เห็น เช่นการจัดงานของสมาคมเกษตรในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวที่ให้ชาวนาช่วยกันร่วม ลงนามคัดค้านการก่อสร้างสนามบินของกองทัพ เป็นการขัดขวางกองทัพแต่กระทำในรูปแบบของการประท้วงแทนการใช้กำลัง เป็นต้น จะเห็นได้ว่าวิธีการของเวียดกงส่วนใหญ่จะมุ่งเป้าไปที่ประชาชนเป็นสำคัญ จึงมีชัยเหนือกว่าฝ่ายรัฐบาลและสหรัฐฯที่มุ่งเน้นไปที่การทหารเป็นสำคัญกว่า

 

 ความ“เสมือนเป็นผู้ปกครอง”ทำให้เวียดกงมีอำนาจในกำมือ มาก (The "parallel government" - strengthening the VC grip on the masses)

ทหารอเมริกันต้องเผชิญหน้ากับการต่อต้านอย่างหนักของ ศัตรูที่ไม่เห็นตัว


     ตามวิธีการจัดหาคนของเวียดกงที่ได้กล่าวไปแล้ว ทำให้เวียดกงมีแนวร่วมเป็นจำนวนมากพวกเขาจะเป็นฝ่ายริเริ่มเสมอ เขาสามารถที่จะเลือกได้ว่าจะโจมตีข้าศึกเมื่อไหร่ ในขณะที่ฝ่ายข้าศึกไม่สามารถล่วงรู้ก่อนหน้าได้เลยเพราะเวียดกงก็คือชาวบ้าน ในยามที่เป็นชาวบ้านก็ทำตัวเป็นมิตรกับรัฐบาลและอเมริกันอยู่หรอก แต่พอกลายเป็นเวียดกงแล้วน่ะหรือ? ก็กลายเป็นนักรบผู้ชำนาญสงครามกองโจรอย่างช่ำชอง พูดง่ายๆก็คือพอยิงปืนใส่ข้าศึกเสร็จก็กลับมาเป็นชาวบ้านถือจอบถือเสียมทำ งานต่อ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น นับเป็นข้อเสียเปรียบของนักรบเวียดนามใต้และอเมริกันอย่างมาก เพราะตอนเป็นชาวบ้านจะยิงปืนก่อนก็ไม่ได้ ต้องรอเวียดกงมันถอดหน้ากากออกแสดงโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาถือปืนเข้าสู้แล้ว เท่านั้นแหละถึงจะยิงมันได้ แต่ก็ทำได้ยากเพราะต้องเป็นฝ่ายถูกยิงก่อนทุกทีอยู่ร่ำไป แถมเวียดกงยังใช้การซุ่มโจมตีอีก พอมันเผ่นหนีแล้วตามไปมันก็ลอกคราบกลายเป็นชาวบ้านอีก จึงไม่วาย (ไม่ใช่ไม่เป็นวายนะ) ทำให้ทหารสหรัฐฯและเวียดนามใต้มักจับชาวบ้านไปแบบเหมารวมทั้งหมู่บ้าน (เหมา เหมา โปรโมชั่นจากวันทูคอล)  เป็นเวียดกงจริงหรือไม่จริงค่อยว่ากันทีหลังอยู่เรื่อย  แถมยังชอบเผาหมู่บ้านแบบว่าจะได้ไม่ต้องมีที่ซ่อนตัวของเวียดกงอีก (แก้ปัญหาที่ปลายเหตุนี่หว่า) ซึ่งก็ยิ่งเข้าทางเวียดกงอีกเพราะยิ่งทำให้มีชาวบ้านมาเป็นพวกเพิ่มขึ้น

 

ชาวบ้านผู้ต้องสงสัยจะถูกผ้ามัดมือปิดตา แบบนี้เป็นประจำ

 

     แทบจะเรียกได้ว่ารัฐบาลเวียดนามใต้ไม่มีอำนาจในการ ปกครองในส่วนท้องถิ่นเลย (เพราะรัฐบาลเงาเหนือกว่ามั้ง) การปกครองชนบทของประเทศอยู่ในอำนาจของเวียดกงทั้งหมด ส่วนภายในเมืองแม้รัฐบาลจะปกครองไว้ได้แต่ก็ไม่มั่นคงมากนัก เพราะเวียดกงยังสามารถก่อวินาศกรรมในเมืองได้อยู่บ่อยๆ เรียกว่าเวียดกงสามารถปฏิบัติการได้อย่างสะดวกโยธินทั่วประเทศ และส่งตรงถึงบ้าน(แบบพิซซ่าไง) เวียดกงสามารถเก็บเจ้าที่ของรัฐบาลที่ทำงานขัดขวางเวียดกงได้ทุกที่ทุกวิธี การ สิ่งที่แสดงชัดเจนที่สุดว่าเวียดกงมีอำนาจมากเพียงไรก็คือไม่ว่าทหาร อเมริกันและเวียดนามใต้จะออกไปปฏิบัติการอยู่ที่ไหนหรือจะอยู่ในฐานทัพก็จะ ถูกเวียดกงโจมตีได้ทุกแห่งหนแบบไม่มีทางหลีกหนีไปได้ การที่เจ้าหน้าที่ของคอมมิวนิสต์ใช้ “การแบ่งสันที่นา” ที่ชาวนาไม่ต้องไปเช่าที่จากพวกนายทุนหน้าเลือด แต่เป็นการแบ่งไปเลยว่าที่ใครที่มัน เหมือนที่ประธานฯเหมาเคยใช้ชักจูงชาวนาในจีน ก็เป็นเหตุผลให้ชาวนาหันมาสนับสนุนเวียดกงกันเป็นจำนวนมาก

 

การข่มขู่ (Intimidation)

หน่วยโฆษณาติดอาวุธรุ่นแรกสุด ใช้ในช่วงก่อนสงครามอินโดจีนครั้งแรก มีนายพล โว เวียน ยับ เป็นหัวหน้า

 

     เมื่อหน่วยแนวหน้าได้ทำการโฆษณาชวนเชื่อออกไป อย่างกว้างขวาง รวมทั้งปฏิบัติการจัดหาคนมาเป็นเวียดกงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของเวียดก งด้วยวิธีต่างๆนานา พวกเวียดกงก็เริ่มอาศัยผลจากความเจ็บแค้นของคนในท้องถิ่นต่อรัฐบาลไซง่อน กับความรู้สึกในการเป็นชนชาติเวียดนาม โดยเริ่มตอกเข้าไปในรอยร้าวนี้อย่างเบาๆก่อน ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จอย่างดี โดยได้รับการสนับสนุนจากเหล่าปัญญาชนในหลายๆพื้นที่ แต่ถึงกระนั้นวิธีที่เวียดกงใช้จัดหาคนมาร่วมขบวนการนั้น ก็ไม่พ้นวิธีข่มขู่อยู่ดี ชาวบ้านใน “เขตปลดปล่อย” (liberated area=ลิเบอเรต แอเรีย) ไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก พวกเขาจะต้องยอมให้เวียดกงเข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านได้ เท่านั้นไม่พอยังต้องจัดหาเสบียงอาหารและเงิน ให้กับกองกำลังปฏิวัติ (Revolutionary Forces=รีโวลูชั่นนารี่ ฟอร์ซ) ด้วย  อีกทั้งยังต้องช่วยกันขยายเขตปลดปล่อยออกไปให้กว้างขวางขึ้น ทุกคนในหมู่บ้านจะต้องช่วยในการปฏิวัติ เด็กชายที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปก็จะถูกนำไปฝึกเป็นทหารบ้าน ถ้าเป็นผู้ชายและผู้หญิงที่แข็งแรงและเป็นผู้ใหญ่แล้วก็จะจับปืนเป็นเวียดกง ส่วนคนชราก็จะมีหน้าที่เลี้ยงลูกเต้าลูกเด็กเล็กแดงที่ยังไม่โตพอเป็นทหาร ได้อยู่บ้าน แต่ก็มีคนชราบางส่วนเป็นทหารอยู่ หากมีประสบการณ์ก็จะได้เป็นนายทหาร

     นอกจากนี้ชาวบ้านก็จะถูกใช้แรงงาน ไม่ว่าจะเป็นการขนเสบียงกระสุนให้กับเวียดกงด้วยการแบกหามหรือลากจักรยาน เสบียงเดินทางไกล รวมทั้ง การดูแลที่เก็บเสบียงกระสุน การก่อสร้างป้อมปราการด้วยการสร้างเครื่องกีดขวาง บังเกอร์ หลุมเพาะ อุโมงค์ใต้ดิน และการผลิตหัตถกรรมหมู่บ้าน(ว่าเข้านั้น) นั้นคือการสร้างกับดัก ระเบิด อาวุธขึ้นใช้เองในหมู่บ้าน

     เวียดกงหน่วย “โฆษณาติดอาวุธ”(Armed Propaganda=อาร์ม ฟอบฟาเกนด้า) ได้สร้างการรณรงค์อย่างมีระบบในการลอบสังหาร และลักพาตัว ในการกำจัดฝ่ายตรงข้าม เพื่อข่มขู่ประชาชนที่คิดจะต่อต้าน และทำให้การแตกความสามัคคี ทำลายสังคมแบบปกติสุขให้เกิดความวุ่นวาย ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยเวียดกงใช้ 2 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่หนึ่ง ได้รับการสนับสนุนจากมวลชน
ขั้นตอนที่สอง บังคับและข่มขู่
ซึ่งในเวลาต่อมาเมื่อเกิดสงคราม วิธีการนี้ได้ส่งผลดีต่อเวียดกงเป็นอย่างมาก

 

 

โปรดติดตามชมต่อไปครับ

บรรณานุกรม

http://en.wikipedia.org/wiki/Viet_Cong_and_PAVN_strategy_and_tactics

http://www.diggerhistory.info/pages-enemy/vietnam.htm

http://www.tanarmy.com/index/vietnam%20war/nva&vctactic.html#nvavsus

Credit: http://atcloud.com/stories/85242
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...