“เครื่องจับเท็จ” จับอะไรได้แค่ไหน ยังไง?
เชื่อได้เลยว่า “เครื่องจับเท็จ” ต้องเป็นที่นึกถึงทุกครั้ง
เมื่อใครต่อใครต้องการสิ่งที่เรียกว่า “ความจริง” ที่พยายามยังไงก็ไม่ยอมออกมาจากปากผู้ต้องสงสัยเสียที
แต่ทว่า “เครื่องจับเท็จ” ที่พูดถึงและใช้กันบ่อยๆ นี้มีกระบวนการทำงานอย่างไร
และจะจับเท็จได้จริงหรือไม่ ยังเป็นที่สงสัยตลอดมา
ก่อนอื่นต้องเข้าใจกันก่อนว่า คนทั่วไปโกหกและหลอกลวงผู้อื่นด้วยเหตุผลต่างๆ นานา
ส่วนใหญ่การโกหกนับเป็นกระบวนการป้องกันตัวเอง เพื่อเลี่ยงการเกิดปัญหาต่อกฎหมาย
เจ้านาย หรือผู้ที่มีอำนวจเหนือกว่า บางครั้งเราก็รู้ว่าใครโกหกเราอยู่
แต่บางครั้งก็ไม่ง่ายเลยที่จะจับให้ได้ว่าใครกำลังโกหก
จริงๆ แล้วเครื่องที่เราเรียกว่า “เครื่องจับเท็จ” นั้นที่แท้คือเครื่อง ”โพลีกราฟ” (polygraph)
เป็น เครื่องมือที่ตรวจจับปฏิกิริยาทางสรีรศาสตร์ หรือการทำงานของร่างกายของแต่ละ บุคคล
แต่ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ไม่ได้ทำหน้าที่จับเท็จอย่างที่เรียกๆ กัน
เพียงแค่บอกได้ว่าพฤติกรรมที่แสดงออกมาในขณะนั้นจริงหรือลวงตา
ถ้าใครได้ดูหนังสายลับก็คงจะมีโอกาสได้เห็นเครื่องโพลีกราฟนำมา ประกอบฉากบ่อยๆ
แต่ว่าสายลับส่วนใหญ่ต่างก็มีทักษะในการหลอกเครื่องจับเท็จได้ แล้วในโลกแห่งความจริงล่ะ?
เคยคิดไหมว่า เราสามารถหลอกเครื่องโพลีกราฟและผู้ตรวจสอบได้
โพลีกราฟแบบอนาล็อก คุ้นหน้ากันดีตามหนังสายลับ แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นดิจิตอลไปแล้ว
เครื่องกลจะจับเท็จคนได้หรือ?
เครื่องโพลีกราฟนี้เป็นการผสมผสานอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ใช้ตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
ขณะผู้ต้องสงสัย ที่ถูกถามคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ตรวจจะดูอัตราการต้นของหัวใจ
ความดันโลหิต อัตราการหายใจ และการเปลี่ยนแปลงกระแสคลื่นไฟฟ้าที่ชั้นผิวหนัง
โดยเปรียบเทียบกับภาวะปกติ ถ้าเส้นกราฟที่ได้มีการแกว่งหรือขึ้นๆ ลงๆ ที่ต่างกันมาก
นั่นก็อาจจะชี้ได้ว่า ผู้ที่ถูกตรวจสอบในขณะนั้นกำลังหลอกลวง
แต่ว่าผลการตรวจสอบนั้นก็แล้วแต่ผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบจะตีความว่า นี่ใช่การโกหกหรือไม่
การจับเท็จด้วยเครื่องโพลีกราฟนั้น
มักจะใช้ในการสอบสวนคดีอาญา แต่บางทีก็นำไปใช้ในกรณีอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ไม่แน่ว่าในอนาคต อาจจะมีการจับผู้สมัครงานเข้าเครื่องจับเท็จขณะสัมภาษณ์งาน
ซึ่งปัจจุบันนี้ในบางหน่วยงานของรัฐบาลและเอกชนบางแห่งสหรัฐฯ
ก็นำว่าที่พนักงานเข้าเครื่องจับเท็จก่อนว่าจ้างกันไปแล้ว
การ ตรวจสอบผู้ต้องสงสัยด้วย “โพลีกราฟ” นี้สร้างขึ้นเพื่อมองหาการแสดงออกที่ไม่ได้ตั้งใจอันเป็นนัยสำคัญ
ขณะที่ผู้ ต้องสงสัยอยู่ในสภาวะที่กดดันหรือเคร่งเครียด (เพราะพยายามจะปกปิดสิ่งที่ตัวเองซ่อนไว้)
แต่ ดร.บ็อบ ลี (Dr.Bob Lee) อดีตผู้อำนวยการบริหารแอกซ์ไซชัน ซิสเต็ม (Axciton Systems)
ผู้ผลิตเครื่องโพลีกราฟ ระบุว่าการ ตรวจแบบนี้ไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้หากผู้นั้นโกหกจริง
แต่ก็จะปรากฏการตอบสนองทางร่างกาย อันเป็นสิ่งที่ปรากฏในคนทั่วไปขณะที่พยายามหลอกลวงผู้อื่น
ด้วยการถามคำถามกดดันพิเศษขณะสอบสวนและตรวจสอบ ซึ่งมีผลต่อปฏิกิรยาทางร่างกาย
ส่วนโพลีกราฟก็จะช่วยแสดงว่าพฤติกรรมเช่นนี้โกหกอยู่หรือไม่
เมื่อต้องถูกทดสอบ ผ่านเครื่องจับโกหก ร่างกายก็จะถูกพันธนากรไว้ด้วยสายอุปกรณ์ระโยงระยาง
ที่พาดอกและช่องท้องเพื่อจับอัตราการหายใจ ที่ต้นแขนเพื่อจับความดันโลหิต
และที่ปลายนิ้วเพื่อดูปริมาณเหงื่ออันเป็นตัวนำไฟฟ้า
• อัตราการหายใจ – กราฟ 2 เส้นที่จับการทำงานของปอด (Pneumographs) โดยใช้สายยางที่เติมอากาศไว้
นำมารัดไว้รอบอกและช่องท้อง เมื่อรอบอกหรือท้องขยายอากาศในท่อดังกล่าวจะถูกเบียด
ถ้าเป็นอานาล็อกโพลีกราฟ ท่ออากาศที่ถูกแย่งที่ ก็จะย่นเหมือนเวลาเราเล่นแอคคอร์เดียนที่พับเมื่อโดนเบียด
และคลี่ตัวเมื่อโดนดึงขยาย และตัวสูบลมนี้ก็ติดอยู่กับแขนกล ที่ต่อกับปากกา
เพื่อลากไปบนกระดาษตามแรงหายใจ ส่วนดิจิตอลโพลีกราฟก็ใช้ท่อจับการทำงานของปอดเช่นกัน
แต่จะบรรจุเครื่องแปลงกำลัง (transducers) ไว้
เพื่อเปลี่ยนพลังงานของอากาศที่ถูกเบียดให้กลายเป็นสัญญาณไฟฟ้า
• ความดันโลหิต/อัตราการเต้นของหัวใจ - พันแถบวัดความดันโลหิตไว้รอบต้นแขน
พร้อมกับต่อเข้ากับโพลีกราฟ ขณะที่เลือดสูบฉีดผ่านแขนก็จะเกิดเสียง
การเปลี่ยนแปลงแรงดันเลือด ทำให้เสียงไปแทนที่อากาศในหลอดที่เชื่อมต่อตัวสูบ ลมที่เป็นจีบเพื่อขยับปากกา
ซึ่งถ้าในดิจิตอลโพลีกราฟก็ใช้หลักการเช่นเดียวกับอัตราการหายใจ
• ความต้านทานไฟฟ้าของผิวหนัง (Galvanic skin resistance : GSR)
หรือจะเรียกว่า “การเปลี่ยนแปลงกระแสคลื่นไฟฟ้าที่ชั้นผิวหนัง” โดยทั่วไปก็จะวัดปริมาณเหงื่อที่ปลายนิ้ว
เพราะที่ปลายนิ้วเป็นบริเวณที่มีรูมากที่สุดในร่างกาย และเป็นตำแหน่งที่สังเกตเหงื่อได้ง่าย
คนเราเมื่ออยู่ในสถานการณ์กดดันแล้วจะมีเหงื่อออกมาผิดปกติ
จานรองนิ้วมือซึ่งก็คือ “เครื่องวัดกระแสไฟฟ้า” (galvanometers) จะติดอยู่กับนิ้ว 2 นิ้ว
โดยวัดความสามารถในการนำกระแสไฟฟ้า
เมื่อผิวหนังชื้นหรือเหงื่อออกมาก ก็จะนำกระแสไฟฟ้าได้ง่ายกว่าผิวหนังที่แห้ง
โพลีกราฟบางชนิดยังเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวของแขนและขา ขณะที่ผู้ตรวจสอบตั้งคำถาม
โดยสัญญาณจะส่งมาจากเครื่องตรวจจับที่ติดอยู่กับร่างกาย และแสดงผลผ่านกระดาษออกมา
สิ่งที่แสดงผลผ่านเครื่องโพลีกราฟขณะสอบสวน นั่นคือ
ความถี่ในการหายใจ เหงื่อแตกมากหรือไม่ ความดันโลหิตอยู่ในระดับปกติแค่ไหน
ถูกชัวร์หรือมั่วนิ่ม
ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ “โพลีกราฟ” กล่าวว่า การจับเท็จด้วยเครื่องแบบนี้ถือเป็น “ไสยศาสตร์”
เพราะโพลีกราฟไม่เที่ยงตรงในการจับโกหก มันเหมือนการหมุนเหรียญที่ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย
และที่สำคัญอย่างที่รู้กันว่า เครื่องโพลีกราฟไม่สามารถจับผิดได้ทั้งหมด
แต่แค่วัดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของร่างกายเท่านั้น
ทางด้านของลี ที่ทดสอบเครื่องโพลีกราฟมากว่า 18 ปีก็ยังเห็นด้วยว่าจะใช้เจ้าเครื่องนี้จับโกหกไม่ได้
แต่ก็ยืนยันว่าทำได้แค่เพียงตรวจสภาพร่างกาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเครียดอันเป็นผลพวงมาจากอาการโกหก แต่ก็ไม่สามารถสรุปได้อย่างลึกซึ้ง
เราใช้ “โพลีกราฟ” ร่วมจับโกหกอย่างไร
หลายปีที่เราเห็นโพลีกราฟในภาพยนตร์เป็นเครื่องที่มีเข็มอันเล็กๆ ขีดเส้นผ่านกระดาษกราฟออกมา
ซึ่งนั่นเรียกกว่า “อนาล็อก โพลีกราฟ” (analog polygraph)
แต่เครื่องดังกล่าวได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเมื่อมีการใช้ คอมพิวเตอร์กันอย่างแพร่หลาย
ใน ปัจจุบันโพลีกราฟส่วนใหญ่กลายเป็นดิจิตอลไปแล้ว
โดยตัวเข็มขีดเส้นกราฟถูกแทนที่ด้วยการวิเคราะห์จำแนกอย่างสมัยใหม่ และแสดงผลผ่านจอคอมพิวเตอร์
หากคุณต้องถูกจับทดสอบผ่านโพลีกราฟ
ทันทีที่นั่งลงทั้งท่อและสายไฟต่างๆ ก็จะมาติดอยู่กับตัวคุณตามตำแหน่งที่ร่างกายจะแสดงกิจกรรมบางอย่าง
อันเป็นสัญญาณแห่งการโกหก และพฤติกรรมแห่งการหลอกลวงก็จะถูกจับได้ด้วยโพลีกราฟ
หรือผู้ตรวจสอบที่ได้ รับการฝึกฝนมาอย่างดี
บางทีในกระบวนการยุติธรรมก็มีเจ้าหน้าที่ที่เป็น “นักจิตสรีรวิทยา” มาช่วยจับผิดการทำงานของร่างกาย
อันมีผลต่อจิตใจเป็นการเฉพาะ
ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะคอยดูการแสดงผลกราฟ ที่แกว่งของกิจกรรมภายในร่างกายดังต่อไปนี้
ใน การตรวจโกหกโดยใช้โพลีกราฟนั้นจะมีคนอยู่ในห้องเพียงแค่ 2
โดยเป็นผู้ตรวจสอบกับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าโกหก
และในบางครั้งก็ต้องการเจ้าหน้าที่จิตสรีรวิทยาของศาล มาช่วยอีกแรงหนึ่ง
เพราะว่าบางครั้งผู้ตรวจสอบที่อยู่กับเครื่องโพลีกราฟ อาจตีความผิดพลาดได้
ซึ่งนักจิตวิทยาจากศาลจะดำเนินการขณะตรวจจับเท็จ โดยตั้งเครื่องโพลีกราฟ และเตรียมบุคคลที่จะนำขึ้นเครื่อง
ถามคำถาม ตรวจสอบสังเกตผู้ที่ถูกทดสอบ วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลการทดสอบ
พูดจริงหรือโกหก สันนิษฐานได้จากเส้นกราฟที่ออกมา ถ้าพูดจริงกราฟจะราบรื่น
แต่ถ้าโกหกกราฟจะแกว่งนั่น ก็เพราะปฏิกิริยาของร่างกายที่ต้องการปกปิดซ้อน เร้น