ไขปริศนา 1,000 ปี! เคลื่อนย้าย “รูปปั้นหิน” หนักเป็นตันได้โดยใช้แรงแค่จิ๊ดเดียว!?

http://www.meekhao.com/education/move-2000-pounds-sculpture

รูปปั้นหินโมไอบนเกาะอีสเตอร์ อุทยานแห่งชาติราปานูอี ประเทศชิลี เป็นปริศนาที่ชวนให้ขบคิดมานานนับพันปี และตอนนี้ความลับในการเคลื่อนย้ายก้อนหินหนักหลายตันอย่างง่ายดายได้ถูกเปิดเผยแล้ว!

หินหนัก 82 ตันบนเกาะอีสเตอร์ที่ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกนี้ตั้งตระหง่านสร้างความสงสัยให้กับผู้คนมาเนิ่นนาน จากการสันนิษฐานว่ารูปปั้นเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นราว 1,000 ปีก่อน ด้วยการใช้หินภูเขาไฟที่เชื่อว่าเดิมตั้งอยู่อีกฟากของเกาะ จึงเกิดเป็นคำถามว่าคนยุคโบราณใช้วิธีการใดในการขนย้าย? บางคนถึงกับมั่นใจมากว่ารูปปั้นเหล่านี้เป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ก็มีอำนาจวิเศษที่สามารถเคลื่อนที่มาได้ด้วยตัวเอง

The McKnelly Megalith จากสถาบัน MIT ได้ทำการทดลองหาคำตอบเกี่ยวกับปริศนานี้จนสำเร็จ

พวกเขาสร้างวัตถุหนัก 2,000 ปอนด์ หรือประมาณ 907 กิโลกรัม ขึ้นมาจากใยแก้ว คอนกรีต และโฟม จากนั้นจึงแกะสลักให้ได้รูปทรงที่ผ่านการวิเคราะห์และคำนวณมาอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็แสดงให้เห็นว่าจะเคลื่อนย้ายมันได้อย่างไรโดยการอาศัยแรงเพียงน้อยนิด

แม้ว่าวัตถุตัวอย่างนี้จะไม่ได้มีน้ำหนักมากเท่ารูปปั้นหินโมไอที่หนักราว 20 ตัน แต่การเคลื่อนย้ายมันได้โดยง่ายก็ยังถือว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์

ปัจจัยสำคัญของการทดลองนี้ก็คือรูปทรงที่พอเหมาะและจุดศูนย์ถ่วงที่ถูกต้อง ตามที่เว็บไซต์ของ  MIT Architecture ได้อธิบายไว้ว่า “รูปปั้นหินโมไอนั้นเคลื่อนที่ได้ด้วยการใช้แรงดึงจากเชือกทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง อาศัยโมเมนตัมในการเคลื่อนย้าย การค้นพบครั้งนี้ช่วยเปลี่ยนความหมายใหม่ของ ‘การเคลื่อนที่ด้วยตัวเอง'”

การทดลองของพวกเขาได้แสดงให้เห็นว่าเราสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุหนักๆ นี้ได้ถึง 300 ฟุตภายในเวลา 1 ชั่วโมง และนี่คือวิดีโอที่จะช่วยทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น

The Math Behind the McKnelly Megalith from matter design on Vimeo.

นอกจากการศึกษาทดลองนี้จะทำขึ้นเพื่อไขปริศนาที่คนทั้งโลกสงสัยแล้ว Carrie Lee McKnelly อาจารย์ที่ปรึกษาในโครงการนี้เพิ่งสูญเสียพ่อและแม่ไปในเหตุไฟไหม้ นักศึกษาจึงตั้งใจสร้างรูปปั้นนี้ขึ้นมาเพื่อระลึกถึงพวกเขา ตามความเชื่อดั้งเดิมแท่นหิน Megalith นั้นถูกใช้เป็นอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษที่จากไป ดังนั้นโครงการนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเท่านั้น ยังเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและเรื่องราวน่าประทับใจ

ที่มา https://vimeo.com/142941204

 

Credit: https://vimeo.com/142941204
24 ธ.ค. 59 เวลา 09:06 1,844
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...