Arrival – ผู้มาเยือน เป็นทริลเลอร์ไซไฟสุดระทึกจากผู้กำกับชื่อดัง เดนิส วิลเลเนิฟ (Sicario, Prisoners) ในตอนที่ยานอวกาศลึกลับได้สัมผัสพื้นผิวโลก ทีมปฏิบัติการชั้นสูงที่นำทีมโดยผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา หลุยส์ แบงค์ส (เอมี อดัมส์) ก็ถูกรวบรวมตัวเพื่อสืบเรื่องนี้ ในตอนที่มนุษยชาติกำลังยืนอยู่บนขอบเหวของสงครามโลก แบงค์สและทีมงานต้องรีบเร่งแข่งกับเวลาเพื่อหาคำตอบ และในการหาคำตอบนั้น เธอจะต้องเสี่ยงทำอะไรบางอย่างที่อาจจะคุกคามชีวิตของเธอ และอาจจะคุกคามมนุษยชาติด้วยก็เป็นได้
ภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมแสดงโดยเจเรมี เรนเนอร์และฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์ “ผมฝันถึงการได้สร้างหนังไซไฟตั้งแต่ผมอายุสิบขวบแล้วครับ” ผู้กำกับเดนิส วิลเลเนิฟ ผู้ตกหลุมรัก ‘Story of Your Life’ เรื่องสั้นโดย เท็ด เจียง ที่เป็นเค้าโครงของภาพยนตร์เรื่อง Arrival “มันเป็นแนวที่ผมรู้สึกว่ามีพลังมหาศาลและมีเครื่องมือที่จะสำรวจสภาพความเป็นจริงของเราในรูปแบบที่มีชีวิตชีวามากๆ ครับ”
วิลเลเนิฟทิ้งเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการสร้าง รวมถึงผู้ควบคุมงานสร้างและมือเขียนบท อีริค ไฮส์เซอเรอร์ ผู้เริ่มดัดแปลงเรื่องสั้นเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงเริ่มแรกของกระบวนการงานสร้าง “พวกเขากลับมาในอีกสองสามเดือนให้หลังพร้อมกับบทหนังที่เขียนโดยอีริค ไฮส์เซอเรอร์ที่ดีจนน่าประหลาดใจ” วิลเลเนิฟกล่าว “ที่ผมบอกว่าน่าประหลาดใจเพราะอีริคสามารถจัดการกับมันได้และสร้างความรู้สึกตึงเครียดและดรามภายในกระบวนการแปลนั้นออกมาได้น่ะครับ” วิลเลเนิฟตอบตกลงกับการทำงานเรื่องนี้
“ผมพบว่าตัวเองขาดผู้กำกับภาพสำหรับโปรเจ็กต์นี้ในช่วงเริ่มต้นเพราะโรเจอร์ ดีคินส์กำลังทำงานในโปรเจ็กต์อีกเรื่องหนึ่ง” วิลเลเนิฟ ผู้ต้องคิดว่าใครอีกที่จะสามารถสร้างภาพยนตร์ตามที่เขาจินตนาการไว้ขึ้นมาได้
“ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเดนิสตั้งแต่หนังเรื่อง Polytechnique (2009) ครับ” ยังอธิบาย “เมื่อหลายเดือนก่อน มีคนถามว่าผมอยากจะร่วมงานกับใครต่อไป เดนิสก็อยู่อันตับแรกในลิสต์ของผม เรารู้จักใครบางคนเหมือนๆ กัน และพวกเขาก็บอกว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดี ตอนที่ผมได้รับโทรศัพท์จากเขา ผมแปลกใจมาก แต่มันดูเหมือนโชคชะตาบันดาลจริงๆ ผมได้อ่านบทหนังเรื่องนี้ ผมชื่นชอบมัน และทุกอย่างก็เริ่มต้นจากนั้นครับ”
ในการออกแบบและสร้างสุนทรียศาสตร์ของเรื่อง วิลเลเนิฟได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้กำกับภาพของเขาในช่วงเตรียมงานสร้างและระหว่างการถ่ายทำ นอกจากนั้น เขายังได้ร่วมงานกับโจ วอล์คเกอร์ มือลำดับภาพของเขาในช่วงโพสต์โปรดักชันและผู้ออกแบบงานสร้างของเขา แพทริซ เวอร์เม็ตต์ ผู้ช่วยออกแบบยานอวกาศ, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ หลุยส์ มอริน ผู้ทำให้แบบดีไซน์ยานอวกาศและเอเลียนเป็นภาพจริงขึ้นมา, นักวาดภาพคาร์ลอส ฮวนเต้ ผู้ช่วยออกแบบเอเลียน และมาร์ติน เบอร์แทรนด์ ผู้ออกแบบภาษาเขียนของเอเลียน, นักออกแบบเสียง เดฟ ไวท์เฮด ผู้ช่วยสร้างเสียงคลิกและเสียงฮืมในภาษา “พูด” ของพวกเอเลียน, ผู้ควบคุมมือลำดับเสียง ซิลเวน เบลแมร์ ผู้สร้างเสียงที่ยานอวกาศทำในตอนเคลื่อนที่และผู้ประพันธ์โยฮันน์ โยฮันสัน ผู้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้
ยานอวกาศ ซึ่งถูกเรียกว่า “เปลือก” ในบทภาพยนตร์เรื่องนี้ มีความหมายเชิงสัญลักษณ์เช่นกัน “มันมีความสัมพันธ์กับชีวิต และการถือกำเนิด ซึ่งเพอร์เฟ็กต์สำหรับไอเดียเบื้องหลังยานอวกาศลำนี้ครับ” วิลเลเนิฟกล่าว “ผมกับแพทริซ เราคิดว่ายานอวกาศน่าจะสร้างขึ้นจากวัตถุที่ไม่ได้มาจากโลกใบนี้ มันไม่ใช่ยานอวกาศที่เงาวับ มันไม่ได้มีสีขาว หรือทำจากโลหะหรือพลาสติก แต่มันทำจากหินประหลาด เราไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรและเราก็ไม่มีทางทายได้หรอกครับ”
“เราพยายามจะนำเสนอมุมมองแบบไร้เดียงสานี้ภายในหนังแนวนี้ และก็ผ่านทางการถ่ายทำด้วยครับ” ยังกล่าวอธิบาย “ลักษณะที่เราถ่ายทำหนังเรื่องนี้จะใกล้ชิดกว่าหนังไซไฟเป็น เราได้คุยกันถึงเรื่องที่หนังเรื่องนี้มีความดิบมากๆ แต่จริงๆ แล้ว มันก็มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก เราพยายามจะทำให้มันมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้พร้อมๆ กับการสำรวจไอเดียเกี่ยวกับความมืดมิด ไม่ใช่ความมืดมิดในฐานะสิ่งน่ากลัวแต่เป็นความมืดมิดในฐานะสิ่งที่เราไม่รู้ ในตอนที่เราก้าวเข้าไปในยานอวกาศ ซึ่งที่สุดแล้วก็คือวิหาร มันเป็นสถานที่ที่ความจริงบางอย่างถูกเผยให้มนุษยชาติได้รับรู้ เราไม่ได้รู้สึกกลัวกับการอยู่ในยานลำนั้น แต่เรารู้สึกว่าได้รับความรู้ ตลอดทั้งเรื่อง เราทำงานกับความมืดมิดในทุกๆ ที่ที่มนุษย์ครอบครอง แต่เมื่อเราเข้าไปในสถานที่ที่เอเลียนครอบครอง เรากลับทำงานกับความสว่างไสวครับ”
“ทุกครั้งที่พวกเขาเข้าไปในยานอวกาศ” ยังอธิบาย “ในฐานะผู้ชม คุณจะอยากกลับไปที่นั่น เพราะมันเป็นพื้นที่หนึ่งในหนังที่คุณสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ ที่ที่คุณจะเข้าใจถึงความหมายของการเฝ้ามองมนุษย์มีวิวัฒนาการขึ้นมา อีกที่หนึ่งจะมืดหม่นกว่าหน่อยและสกปรกกว่าน้อย อย่างที่ผมกับเดนิสจะพูดถึงไว้น่ะครับ มันมีวิถีแนวโค้งด้านภาพวิชวลที่เริ่มต้นในสถานที่มืดหม่น ซึ่งก็คือสิ่งที่เราไม่รู้ และไปลงเอยในที่ที่ถูกยกระดับขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องของการหาความรู้ให้กับตัวเองและการตระหนักถึงตัวตนของเราในฐานะมนุษย์น่ะครับ”