ตำนานสุนัขฮัสกี้ ที่ช่วยผู้คนทั้งเมืองจากโรคระบาด จนได้เป็นการ์ตูนดิสนีย์

read:http://petmaya.com/balto-husky

ถ้าคุณเคยได้ยินเรื่องราวของสุนัขฮีโร่ ที่ช่วยชีวิตคนมาบ้าง เรื่องราวที่คุณได้ยินมาอาจดูเล็กน้อยไปเลย ถ้าคุณมารู้จักยอดสุนัขฮีโร่อย่าง “บัลโต้” และผองเพื่อนฮัสกี้เหล่านี้

ในปี 1925 แพทย์ในเมืองเล็กๆ Nome ในอลาสก้า เริ่มสังเกตุเห็นชาวบ้านหลายคนมีสัญญาณของโลกคอตีบ ซึ่งมีอาการติดเชื้อบริเวณจมูกและคอ ซึ่งก่อนหน้านั้น ชาวอเมริกันกว่า 15,520 คน ต้องเสียชีวิตจากโรคนี้ในปี 1921 จึงไม่แปลกที่เขาจะตื่นตระหนก แถมตอนนั้นก็มีเด็กๆ หลายคนเสียชีวิตไปแล้ว

วิธีเดียวที่จะรักษาโรคคอตีบได้คือการใช้ยาปฏิชีวนะ ที่สามารถหาได้ที่เมือง Anchorage ที่ใกล้ที่สุดที่อยู่ห่างไปกว่า 800 กิโลเมตร แถมโชคร้ายที่เครื่องบินลำเดียวที่มีอยู่ในเมืองก็ใช้การไม่ได้

แม้ว่ายาจะถูกขนส่งทางรถไฟจากเมือง Anchorage ไปยังเมือง Nenana ได้ แต่ก็ยังห่างไปหลายร้อยกิโล เจ้าหน้าที่เมืองจึงตัดสินใจว่า โอกาสสุดท้ายเพื่อให้ได้ยามาทันเวลาก็คือการเดินทางไปรับยาด้วยทีมสุนัขลากเลื่อน ที่ประกอบด้วยผู้บังคับ 20 คน และสุนัขทั้งหมด 150 ตัว

เรื่องราวการขนส่งยาหรือเซรุ่มครั้งนี้กลายเป็นตำนานเล่าขานที่ถูกเรียกว่า “Great Race of Mercy” เริ่มต้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม เมื่อ ไวลด์ บิลล์ แชนนอน และทีมงานสุนัขลากเลื่อนของเขา ไปรับยาที่เมือง Nenana และต้องเดินทางฝ่าอุณหภูมิที่หนาวเหน็บที่ติดลบกว่า 52 องศา ซึ่งกว่าที่เขาจะมาพบกับทีมถัดไป จมูกของแชนนอนถูกทำลายด้วยความเย็นจัดจนเปลี่ยนเป็นสีดำ และสุนัขของเขา 4 ตัวต้องตาย

การขนส่งยา ไม่สามารถใช้ทีมเดียวขนส่งมารวดเดียวจบได้ พวกเขาต้องใช้หลายทีมเพื่อส่งต่อยากันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงทีมของ เลออนฮาร์ด เซปปาลา ที่นำทีมโดยสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ชื่อ ‘โตโก้’ โดยเดินทางกว่า 273 กิโลในอุณหภูมิที่ติดลบ 65 องศาเซลเซียส ก่อนที่ยาจะมาถึงทีมของ ชาร์ลี โอลเซน ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้ มีคนในเมือง Nome ติดโรคคอตีบแล้วกว่า 28 คน

โตโก้ กลายเป็นสุนัขลากเลื่อนในอลาสก้า ที่วิ่งในระยะทางที่ไกลที่สุดและเร็วที่สุดในการขนส่งยาเซรุ่มครั้งนี้

และทีมสุดท้ายที่รับหน้าที่ขนส่งยาคือทีมของ กุนนาร์ คาเซน ที่เลือกเจ้า ‘บัลโต้’ เป็นผู้นำในการลากเลื่อน ซึ่งความจริงแล้ว บัลโต้เป็นสุนัขแคระแกร็นที่ไม่ดีพอจะทำหน้าที่นี้

บัลโต้ได้พิสูจน์ว่า มันทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการนำพื้นที่ทัศนวิสัยที่เลวร้าย ที่คาเซนยังไม่สามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งมือของตัวเอง พวกเขาเดินทางกันมากกว่า 88 กิโล ก่อนที่จะมาถึง Nome เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งรวมแล้วเป็นเวลานานกว่า 5 วันครึ่ง กว่าการเดินทางอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้จะสิ้นสุด

แม้ว่าจะมีสุนัขมากมายที่ช่วยเหลือในการนำยามาส่งได้ แต่เจ้า ‘บัลโต้’ กลายเป็นสุนัขที่ถูกยกย่องมาที่สุดตัวหนึ่ง และมีอนุเสาวรีย์เพื่อเป็นเกียรติให้กับมันอยู่ที่เซ็นทรัลปาร์ค ในเมืองนิวยอร์กซิตี้อีกด้วย

อนุเสาวรีย์ของบัลโต้ เป็นเสมือนตัวแทนของสุนัขทุกตัว ที่มีส่วนร่วมในการเดินทางข้ามอลาสก้าที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้

บัลโต้ เสียชีวิตในปี 1933 ซึ่งมีอายุรวม 14 ปี และเพื่อเก็บเป็นความทรงจำ ร่างของมันถูกมอบให้กับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในคลีฟแลนด์

เรื่องราวความกล้าหาญของบัลโต้ ได้ถูกนำไปสร้างเป็นการ์ตูนอนิเมชั่นของดิสนีย์ ที่เข้าฉายในปี 1995 อีกด้วย

และนี่ก็คือเรื่องราวของทีมสุนัขฮัสกี้ผู้กล้าหาญ ที่สามารถช่วยชีวิตชาวเมืองทั้งเมืองได้จากโรคระบาดที่ร้ายแรงได้ ต้องขอปรบมือให้กับสุดยอดของทีมงานผู้กล้าและสุนัขของพวกเขาจริงๆ

ที่มา Viralnova

Credit: Viralnova
19 ธ.ค. 59 เวลา 01:24 1,375
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...