จนถึงวันนี้การผจญภัยในท้องทะเลเพื่อจะเป็นราชาโจรสลัดของลูฟี่จากการ์ตูนเรื่อง วันพีซ ก็ดำเนินมาถึง 19 ปีแล้ว หากจะมองเผินๆ วันพีซก็เป็นการ์ตูนผจญภัยสุดแฟนตาซีเหนือจินตนาการเรื่องหนึ่ง แต่รู้กันหรือไม่ว่าตลอดกว่า 80 เล่มนั้น อ.โอดะ เออิจิโระ ผู้เขียน ได้สอดแทรกเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเคยเกิดขึ้นหรือมีอยู่จริงบนโลกนี้ลงไปในเนื้อเรื่องมากมาย ว่าแต่มันมีอะไรกันบ้างนะ?
จุดเริ่มต้น ณ ลานประหาร
“สมบัติของข้ารึ? ถ้าอยากได้ข้าจะยกให้ ก็ลองหาดูซี่ ข้าได้เอาทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไว้ ณ ที่แห่งนั้นแล้ว”
สิ้นเสียงประกาศบนลานประหารของ “ราชาโจรสลัด” โกล ดี. โรเจอร์ ยุคสมัยแห่งโจรสลัดที่ผู้มีความฝันทั่วโลกออกทะเลไล่ล่าสมบัติซึ่งเชื่อกันว่าโรเจอร์ทิ้งไว้ ณ สุดขอบโลกนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ตัวเขาซึ่งมีทั้งความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และอำนาจนั้นช่างคล้ายกับโจรสลัดชื่อดังชาวฝรั่งเศส “โอลิวิเยร์ เลอวาสเซอร์” ที่เชื่อกันว่าเป็นผู้ครอบครองขุมทรัพย์มหาศาลมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของโจรสลัด (ราว 1 พันล้านปอนด์ หรือ 4.2 หมื่นล้านบาท)
ก่อนจะถูกแขวนคอประหารในปี ค.ศ.1730 เลอวาสเซอร์โยนสร้อยคอซึ่งมีข้อความรหัสลับยาว 17 บรรทัดลงมากลางฝูงชนแล้วประกาศว่า “ใครที่อ่านมันออก จงไปตามหาสมบัติของข้า!” เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปและกลายเป็นความสนใจของนักล่าสมบัติทั่วโลกในทันที แม้เวลาจะผ่านมากว่า 200 ปี โดยไม่เคยมีรายงานว่าผู้ใดหาขุมทรัพย์นั้นเจอ แต่กระนั้นรหัสของเลอวาสเซอร์นั้นก็ยังคงมีผู้พยายามไขปริศนาและออกตามหาอยู่จนถึงปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์บนแท่นหิน
หนึ่งในปริศนาใหญ่ของวันพีซคือประวัติศาสตร์ที่สูญหายไปซึ่งเชื่อกันว่าถูกบันทึกไว้ใน “ศิลาโพเนกลีฟ” หินขนาดใหญ่ยักษ์แข็งแรงซึ่งบันทึกเรื่องราวของผู้คน สิ่งของ หรือสถานที่ต่างๆ ไว้ตั้งแต่โบราณด้วยภาษาที่มีเพียง นิโค โรบิน เท่านั้นที่สามารถอ่านได้ โพเนกลีฟเหล่านี้ได้แรงบันดาลใจมาจากจารึกแผ่นหินในหลายๆ วัฒนธรรม เช่นหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงหรือรูนสโตนในแถบสแคนดิเนเวียน และที่ต้องพูดถึงอย่างยิ่งก็คือ “ศิลาโรเซตตา”
ศิลาโรเซตตา (Rosetta Stone) คือหินขนาดยักษ์ซึ่งจารึกกฤษฎีกาของพระเจ้าทอเลมีที่ 5 ไว้ด้วยอักขระ 3 แบบ คือเฮียโรกลีฟ ดีมอติก และอักษรกรีกโบราณ ทำให้นี่เป็นครั้งแรกที่นักประวัติศาสตร์สามารถเข้าใจวิธีอ่านอักษรเฮียโรกลีฟ และกรุยทางสู่การศึกษาประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์อังกฤษในกรุงลอนดอน และเป็นวัตถุที่มีผู้มาเยี่ยมชมบ่อยครั้งที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อีกด้วย
โจรสลัดชั้นอภิสิทธิ์ชน
7 เทพโจรสลัด (Shichibukai) ในวันพีซคือโจรสลัดผู้มีอิทธิพล 7 คน ที่ให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลโลก เพื่อให้คุมโจรสลัดด้วยกันเอง โดยปฏิบัติภารกิจต่างๆ ตามคำสั่ง แบ่งเปอร์เซ็นต์ในสมบัติที่หาได้ และเป็นกำลังรบให้กับรัฐบาลในยามสงคราม แลกกับสิทธิพิเศษหลายๆ อย่าง เช่นการยกเว้นค่าหัว และความปลอดภัยจากกองทัพเรือ ด้วยชื่อเสียงความเก่งกาจบวกกับอภิสิทธิ์ที่มีรัฐบาลคุ้มหัว ทำให้พวกเขาเป็นที่หวาดเกรงของโจรสลัดตัวจิ๊บตัวจ้อยทั่วไป
โจรสลัดถูกกฏหมายเช่นนี้ไม่ได้มีแค่ในการ์ตูนเท่านั้น เพราะตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 17 พระราชินีอลิซาเบธของอังกฤษก็ได้ริเริ่มการจัดตั้งเหล่านักเดินเรือฝีมือฉกาจให้เป็นไพรเวเทียร์ (Privateer) หรือโจรสลัดหลวง เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจนอกกฎหมายต่างๆ เช่นปล้นสะดมหรือจมเรือของประเทศข้าศึก โดยมีรัฐบาลให้ความอุปถัมภ์ กระนั้นก็พร้อมจะปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัวได้ทันที และแม้จะดีไม่เท่าอังกฤษ แต่ต่อมาหลายๆ ชาติก็จัดตั้งไพรเวเทียร์ไว้ใช้ประโยชน์เช่นกัน
กระแสน้ำที่พุ่งขึ้นฟ้า
หนึ่งในการผจญภัยครั้งที่น่าจดจำในวันพีซก็คือการขึ้นไปยัง “เกาะแห่งท้องฟ้า” ด้วย “น็อคอัพสตรีม” ปรากฏการณ์ซึ่งในเรื่องอธิบายไว้ว่าเกิดจากกระแสน้ำอุ่นที่ไหลลงไปขังอยู่ในโพรงใต้ทะเลแล้วเจอกับความร้อนใต้พื้นผิวโลก เกิดเป็นไอน้ำปริมาณมหาศาลที่ระเบิดขึ้นมาเป็นกระแสน้ำแนวดิ่งขนาดใหญ่พอจะส่งเรือขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ราว 1 นาที ซึ่งเกิดขึ้นถึง 5 ครั้งต่อเดือนไม่ซ้ำที่กัน
น็อคอัพสตรีมนั้นดูเหมือนจะได้แรงบันดาลใจมาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีจริงหลายอย่างผสมรวมเข้าด้วยกัน เช่นหน้าตาของมันนั้นคล้ายกับพายุงวงช้าง หรือนาคเล่นน้ำ (Waterspout) พายุที่เกิดจากอากาศบนพื้นผิวน้ำยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งเป็นเกลียวขึ้นฟ้า ในขณะที่จุดกำเนิดของน็อคอัพสตรีมนั้นคล้ายกับปรากฏการณ์ไกเซอร์ น้ำพุร้อนขนาดใหญ่กำลังแรงซึ่งเกิดจากไอน้ำในโพรงใต้ผิวโลกปะทุขึ้นมาด้วยอุณหภูมิที่สูงมาก โดยไกเซอร์นั้นสามารถพุ่งสูงได้ถึง 60 เมตร และค้างอยู่ได้ 5-7 นาทีเลยทีเดียว
ชีวิตในกองขยะ
บนเกาะกัว ที่ด้านนอกของภูเขาคอลโบ ที่ซ่อนตัวของกลุ่มโจรภูเขาดาดันแฟมิลี่ ที่ตั้งของกองขยะขนาดมหึมาที่ถูกแสงแดดเผาเป็นควันตลอดเวลา จนได้ชื่อว่า “เกรย์ เทอร์มินัล” แม้จะส่งกลิ่นเหม็นสาป เต็มไปด้วยเชื้อโรคและอาชญากร แต่มันก็เป็นสถานที่ในความทรงจำของลูฟี่ เอส และซาโบ้ ซึ่งได้สาบานเป็นพี่น้องกันตลอดไป
อ.โอดะ ผู้เขียนวันพีซกล่าวด้วยตัวเองว่าเกรย์ เทอร์มินัล นี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ภูเขาควัน” (Smokey Mountain) ในเขตทอนโด กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ กองขยะปริมาณ 2 ล้านตันสูงเท่าตึก 7 ชั้นที่มีควันจากการเผาขยะพวยพุ่งออกมาตลอดเวลาจนไม่น่าจะอยู่อาศัยได้ แต่มันกลับเป็นที่อยู่และหากินของคนเร่ร่อนกว่า 30,000 ชีวิตไม่ว่าจะชราหรือทารกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี ก่อนจะถูกรื้อเปลี่ยนเป็นโครงการที่อยู่อาศัยราคาถูกในปี 1995 อย่างไรก็ตาม ปัญหาคนเร่ร่อนนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน พวกเขาแค่ย้ายไปอาศัยในแหล่งทิ้งขยะแห่งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมในเขตปายาตาสเท่านั้น โดยปัจจุบันมีผู้อาศัยในขยะกองใหม่นี้ถึงกว่า 80,000 คน
สูงสุดสู่สามัญ
การประกาศความเป็นมนุษย์ (Humanity Declaration/Ningen-Sengen) คือพระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะแห่งญี่ปุ่นซึ่งได้มอบให้แก่ประชาชนในวันที่ 1 มกราคม ปี พ.ศ. 2489 ตามนโยบายการทูตของฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งต้องการลิดรอนอำนาจของจักพรรดิญี่ปุ่นลง โดยพระราชหัตถเลขาฉบับนี้พระองค์ได้ปฏิเสธสถานะสมมติเทพของจักรพรรดิ นำไปสู่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งจักรพรรดิมิได้เป็นประมุขของรัฐ มีพระราชอำนาจและพระราชกรณียกิจในทางพิธีการเท่านั้น
การประกาศความเป็นมนุษย์นี้ กลายมาเป็นชื่อตอนที่ 763 ของวันพีซ ซึ่งเล่าเรื่องราวในอดีตของตระกูลดองกิโฮเต้ ของโดฟลามิงโก ซึ่งตัดสินใจละทิ้งความเป็นเผ่ามังกรฟ้า ชนเผ่าชั้นสูงซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเชื้อสายของกษัตริย์ผู้สร้างโลก และย้ายจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แมรี่จัวส์มาอาศัยอยู่ในฐานะปุถุชนธรรมดาๆ ที่เมืองเล็กๆ ในทะเลนอร์ธบลู
นอกจาก 6 เรื่องราวนี้แล้ว วันพีซก็ยังแอบแฝงทั้งประวัติศาสตร์ ความเชื่อ ตำนาน วัฒนธรรมหลากหลายชนชาติเอาไว้ในเรื่องอีกเพียบ ถ้ายังไม่รู้จะทำอะไรระหว่างรอเล่มใหม่ออกล่ะก็ ลองย้อนกลับไปอ่านเล่มเก่าๆ ดูว่าคุณพลาดอะไรไปก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนะ