แซปเปอร์ - Sapper หรือ c?ng binh - หน่วยกล้าตายเวียดนามเหนือ

แซปเปอร์ (Sapper หรือ công binh) หน่วยกล้าตายเวียดนามเหนือ 

…......... แซปเปอร์ แปลตามศัพท์ภาษาอังกฤษว่า ทหารช่างที่มีความชำนาญในการทำลายป้อมค่ายและงานเกี่ยวกับการสร้างป้อมค่าย รวมไปถึงผู้ที่มีความชำนาญในการวางและเก็บกู้ทุ่นระเบิด จากเจ้าแห่งการแต่งตำราประวัติศาสตร์หรือไอ้กันของพี่ไทย ได้เขียนไว้ว่า แนวความคิดการจัดหน่วยแซบเปอร์ได้เกิดขึ้นเมื่อห้าร้อยปีก่อนระหว่างสงครามฝรั่งเศส และได้มีการนำความคิดดังกล่าวมาใช้ในสงครามประกาศอิสรภาพของสหรัฐ ซึ่งรัฐสภาสหรัฐได้อนุมัติให้จัดตั้งเหล่าทหารช่าง และสามกองร้อยแซปเปอร์และทุ่นระเบิด เหล่าทหารช่างของสหรัฐได้สร้างเกียรติประวัติในด้านการสร้างป้อมค่ายในสงครามประกาศอิสรภาพด้วยการสนับสนุนงานทางด้านการช่างต่าง ๆ ให้แก่ทหารราบจนได้รับสมญาว่า แซปเปอร์ 

….........แต่ที่มาของคำว่าแซปเปอร์ที่ดังที่สุดและเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปของผู้คนทั่วโลกคงเป็นคำที่สหรัฐใช้เรียกหน่วยกล้าตายของเวียดนามเหนือในระหว่างสงครามเวียดนาม ที่สร้างความหวาดหวั่นให้แก่กองกำลังสหรัฐและพันธมิตรในสงครามเวียดนามอย่างที่เรียกว่าขนพองสยองเกล้าเพียงแค่ได้ยินหรือนึกถึงความบ้าบิ่นของหน่วยนี้ก็ว่าได้ 


….........ในระหว่างสงครามเวียดนามเวียดนามเหนือรู้อยู่แก่ใจว่าการใช้หน่วยกล้าตายขนาดเล็กจะทำให้ลดการสูญเสียอย่างมหาศาลของกำลังส่วนใหญ่และทำให้เอาชัยชนะได้อย่างง่ายดายด้วยการสร้างความตกตะลึงชะงักงันต่อข้าศึก เวียดนามเหนือจึงจัดตั้งหน่วยหัวหอกแซปเปอร์ขึ้นมาเพื่อเจาะทะลุทลวงเปิดทางการโจมตีและลดการสูญเสียของแก่กำลังหลัก 

….........หน่วยแซปเปอร์จะใช้ยุทธวิธีแทรกซึม เจาะ แนวป้องกันของข้าศึกก่อนที่จะมีการเข้าตีของกำลังหลัก เมื่อแทรกซึมเข้าไปได้แล้วจะจู่โจมข้าศึกจากภายในแนวป้องกันซึ่งจะบังคับให้ข้าศึกต้องทำการรบสองด้านในเวลาเดียวกัน หรือไม่เช่นนั้น ถ้าหน่วยเจาะของแซปเปอร์ทำการโดยอิสระก็จะมุ่งหวังเพื่อทำลายเป้าหมายมีค่าสูงของข้าศึกเช่นศูนย์การสื่อสารและบังคับบัญชารวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สำคัญด้วยการวางระเบิดและก่อความสับสนก่อนที่จะหลบหนีออกไป 

….........หน่วยแซปเปอร์จะทำการฝึกหกเดือนมากกว่าการฝึกทหารราบของเวียดนามโดยทั่วไปที่ฝึกเพียงหนึ่งเดือน ความสำเร็จของหน่วยแซปเปอร์อยู่ที่การฝึก ประสบการณ์ การตัดสินใจ ความเป็นหน่วยและผู้นำ โดยมีการมุ่งเน้นถึงการเสียสละของแต่ละบุคคลและวิธีการควบคุม 
….........โดยทั่วไป 1 หมวดแซปเปอร์จะสนับสนุนกองพันทหารราบเพื่อกวาดล้างสิ่งกีดขวางและนำหน่วยทหารราบในการเข้าตีต่อที่หมายสำคัญยิ่ง เหตุการณ์สำคัญที่มีการใช้หน่วยแซปเปอร์ในการเข้าตีตรงหน้าต่อกำลังสหรัฐและเวียดนามใต้คือ ปฏิการรุกวันตรุษญวน ในการปฏิบัติภารกิจพิเศษหมวดแซปเปอร์จะจัดรวมกำลังเป็นกองร้อยแซปเปอร์และปฏิบัติการเป็นอิสระจากกองพันทหารราบ 

….........ก่อนที่จะรับเข้าเป็นกำลังส่วนหนึ่งของหน่วยแซปเปอร์ ทหารจะต้องเข้ารับการฝึกพิเศษที่ค่ายในเวียดนามเหนือและงานเฉพาะหน้าที่ระดับหน่วยในเวียดนามใต้ การฝึกจะประกอบด้วย การเป็นหัวหอกในการเข้าตี เทคนิคการลาดตะเวน การเคลื่อนที่อย่างซ่อนเร้น การเจาะแนวทุ่นระเบิด การผ่านรั้วลวดหนามและเครื่องตรวจจับ และวิธีการใช้วัตถุระเบิดในการทำลายแนวป้องกัน ที่ตั้งตำบลสำคัญ ที่ตั้งการส่งกำลังและคลังอาวุธวัตถุระเบิด การฝึกของแซปเปอร์ไม่มีความแตกต่าง แต่การดำเนินกลยุทธ การปฏิบัติการ และวินัยของหน่วยแซปเปอร์ต่างหากที่ทำให้เกิดความแตกต่างจากหน่วยทั่วไป 
….........กุญแจสำคัญของหน่วยแซปเปอร์คือ วัตถุระเบิดและการใช้วัตถุงาน หน่วยแซปเปอร์จึงได้รับการฝึกเป็นอย่างดีเกี่ยวกับวัตถุระเบิดไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายตนเองและข้าศึก วิธีการวางระเบิดต่อเป้าหมายต่าง ๆ การปลดและนำกลับมาใช้ของทุ่นระเบิดของข้าศึก 
….........กองทัพน้อยแซปเปอร์เป็นหน่วยทหารช่างรบในการเข้าตีที่ใช้ต่อต้านกำลังขนาดใหญ่ของข้าศึกด้วยกำลังขนาดเล็กที่เคลื่อนที่อย่างเงียบกริบ ภารกิจหลักคือการทำลายกำลังของสหรัฐและพันธมิตรด้วยการปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งมักประกอบด้วย การทำลายเป้าหมาย การสังหารผู้บังคับบัญชาข้าศึก การก่อวินาศกรรม การลาดตะเวน การรบประชิด การซุ่มโจมตีและการเป็นหัวหอกในการเข้าตีเจาะ 


….........ตามปกติจะมีการจัดกำลังของเวียดนามเหนือจะจัด หนึ่งกองพันแซปเปอร์ต่อหนึ่งมณฑลทหาร แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงด้วยการเปลี่ยนกองพันทหารราบหลายกองพันให้เป็นกองพันแซปเปอร์และมีการฝึกแซปเปอร์ให้แก่หน่วยทหารราบทั้งหมด การจัดกำลังแซปเปอร์ในการปฏิบัติภารกิจจะมีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตามการจัดทั่วไปของกองพันแซปเปอร์จะประกอบด้วย 4 -5 กองร้อยแซปเปอร์ แต่ละกองร้อยจะประกอบด้วยสามหมวดที่มีกำลัง 15 – 20 คน โดยหนึ่งหมวดจะแบ่งออกเป็นสองหมู่ ซึ่งแต่ละหมู่จะแบ่งย่อยออกเป็นกลุ่ม ๆ ละสามนาย 
….........สำหรับการปฏิบัติการ ขั้นการเตรียมการ หัวหน้าหน่วยแซปเปอร์จะทำการลาดตะเวนเป้าหมายข้าศึก จากนั้นจะทำการวิเคราะห์ข่าวกรองที่ได้รับ เพื่อนำมาวางแผนในการเข้าตี ซึ่งจะประกอบด้วย เส้นทางในการเข้าสู่ที่หมาย การแทรกซึมและการถอนตัว ที่ตั้งยิงสนับสนุน ลำดับความสำคัญของเป้าหมาย การจัดหน่วยเฉพาะกิจและกำหนดอาวุธ และทำการซักซ้อมการปฏิบัติ ขั้นการปฏิบัติกลุ่มแทรกซึมของแซปเปอร์จะเริ่มทำการแทรกซึมต่อที่หมายตั้งแต่ฟ้ามืดปกติจะใช้เวลา 6 – 7 ชั่วโมงในการเคลื่อนที่ได้ประมาณ 200 เมตร เมื่อเคลื่อนที่เข้าถึงแนวลวดหนามแซปเปอร์จะใช้ไม้ไผ่ในการยกหรือแผ่นรองในการวางพาดเพื่อคืบคลานผ่านหรือใช้คีมตัด และถ้าผ่านไม่ได้จริง ๆ ก็จะใช้วัตถุระเบิดในการเปิดทาง 
….........วิธีการแทรกซึมนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงยิ่งซึ่งเป็นสิ่งสุดยอดหย่างหนึ่งที่มีแต่เฉพาะหน่วยแซปเปอร์ การแต่งกายของแซปเปอร์มักจะมีแต่เพียงผ้าเตี่ยวหรือกางเกงขาสั้น และพรางตัวด้วยโคลน อุปกรณ์ประจำตัวอื่น ๆ จะประกอบด้วยปืนอัตโนมัติ คีมตัดลวด ดาบปลายปืน เหล็กแหลมขุดค้นทุ่นระเบิด ท่อนไม้ไผ่สำหรับยกลวดหนามและลวดสั้น ๆ จำนวนหนึ่งเพื่อปลดชนวนวัตถุระเบิด และในระหว่างการแทรกซึมอาจจะมีการปฏิบัติการลวงด้วนอื่นเพื่อย้ายความสนใจของข้าศึกให้ออกจากการตรวจการต่อการแทรกซึมของแซปเปอร์ 


….........ในกรณีที่แซปเปอร์ไม่สามารถเจาะผ่านแนวได้ด้วยวิธีการคืบคลานหรือถูกตรวจจับได้ก็อาจต้องใช้บังกะโลตอร์ปิโดเพื่อให้การเคลื่อนที่เป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยในการหว่างการใช้ก็จะมีการลวงด้วยการขว้างระเบิดไปยังส่วนที่อยู่ห่างไกลเพื่อดึงความสนใจ แซปเปอร์อาจใช้จรวดอาร์พีจีเพื่อสกัดกั้นและกดดันข้าศึก ต่อด้วยการเข้าโจมตีอย่างเร็วที่สุดในทุกทิศทาง และพยายามที่จะระเบิดและโจมตีจากภายในที่มั่นตั้งรับ 
….........แต่ถ้าหน่วยนำของแซปเปอร์ไม่สามารถไปจัดการต่อข้าศึกได้ แซปเปอร์อาจจะถอนกำลัง หรือไม่ก็จะใช้กำลังที่เหลือบุกไปข้างหน้าโดยไม่แยแสต่อความสูญเสีย ความปลอดภัยหรือเส้นทางหนี จนกว่าภารกิจจะสำเร็จหรือมีคำสั่งให้ถอนตัว 

….........เมื่อใดที่แนวป้องกันถูกเจาะหรือมีการตรวจจับได้ว่ามีการแทรกซึม หน่วยแซปเปอร์จะเคลื่อนที่ไปยังเป้าหมายที่ได้รับการแบ่งมอบเพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จภายในสามสิบนาทีหรือน้อยกว่า วัตถุระเบิดจะถูกจุดต่อที่หมายสำคัญในขณะเดียวกับที่ระเบิดขว้างและจรวดอาร์พีจีจะยิงไปทุกทิศทางเพื่อกดข้าศึก หลังจากเป้าหมายถูกทำลายแซปเปอร์จะถอนตัวไปตามช่องทางที่กำหนดโดยมีหน่วยยิงสนับสนุนและกองหนุนให้การคุ้มกัน ส่วนเข้าตีจะเคลื่อนที่ไปรวมตัวกันที่จุดนัดหมายแล้วถอนตัวกลับไปยังฐานปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว 
….........การปฏิบัติการของแซปเปอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือการปฏิบัติการโจมตีต่อสถานทูตสหรัฐในกรุงไซง่อน เวียดนามใต้ ในการการปฏิบัติการรุกวันตรุษญวน ของเวียดนามเหนือ ในตอนเช้าตรู่ 31 ม.ค. 2511 แซปเปอร์จำนวน 19 คน (เท่ากับจำนวนผู้ก่อการร้ายที่จี้เครื่องบินชนตึกเวอร์ดเทรดของสหรัฐ เมื่อ 11 กันยายน 2544 โดยบังเอิญ) จากกองพัน แซปเปอร์ ซี 10 ที่แทรกซึมเข้ามาอยู่ในไซ่ง่อนล่วงหน้า พร้อมอาวุธปืนกล ระเบิดขว้างและจรวดต่อสู้รถถัง บี 40 แต่งกายชุดปิยามาสีดำ ผูกแขนด้วยผ้าสีแดง แซปเปอร์ทั้ง 19 คน เป็นคนที่เกิดในเวียดนามใต้จึงมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับพื้นที่ ใช้ยานพาหนะ มาจอดหน้าสถานทูตสหรัฐ ที่เป็น 

….........แซปเปอร์หน่วยนี้ได้รับคำสั่งเร่งด่วนให้ยึดสถานทูตสหรัฐซึ่งเป็นเป้าหมาย 1 ใน 6 ของกองพันแซปเปอร์ ซี 10 ในไซ่ง่อน โดยให้ยึดไว้ให้ได้ 48 ชั่วโมงเพื่อรอกำลังส่วนใหญ่ที่รุกมาจากเวียดนามเหนือเดินทางมาถึง เวลาตีสองสี่สิบห้านาที รถปิคอัพและรถแท็กซี่ที่บรรทุกแซปเปอร์ 19 คน ซึ่งโชคดีผ่านด่านตรวจของตำรวจมาได้โดยไม่มีการขัดขวางก็มาถึงหน้าสถานทูตสหรัฐ อาคารหกชั้นราคา 2.6 ล้านเหรียญ ที่สร้างเสร็จเมื่อสามเดือนก่อน แล้วเปิดฉากการยิงด้วยปืนอาการ์ และจรวดประทับบ่า ทหารสารวัตรสองนายของสหรัฐทำการยิงตอบโต้และปิดประตู แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการโจมตีได้ อีกสองนาทีต่อมาแซปเปอร์ได้ระเบิดกำแพงของสถานทูตเป็นช่องขนาดหนึ่งเมตรด้วยจรวดต่อสู้รถถัง สองคนแรกของแซปเปอร์ที่คาดว่าเป็นหัวหน้าชื่อ เบ ทูเย็น และ อุท โน มุดเข้าไปในรูนั้นและยิงต่อสู้กับทหารสารวัตรสองคน ทั้งสี่เสียชีวิตในการต่อสู้ระยะประชิดนั้น แซปเปอร์ที่เหลือพร้อมระเบิดซีโฟร์ จำนวน 40 ปอนด์ แม้ว่าจะสูญเสียหัวหน้าหน่วยยังคงบุกต่อเข้าไปยังอาคารหลักของสถานทูตแต่ทหารสหรัฐสามารถตั้งหลักได้ประกอบกำลังเสริมจึงยิงต่อสู้และทำลายการโจมตีของแซปเปอร์ได้ ในช่วงสายของวันเดียวกัน ผลการปะทะ แซปเปอร์เสียชีวิต 17 คน ถูกจับเป็น 2 คน ทหารสหรัฐเสียชีวิต 5 นาย เวียดนามใต้ 4 คน 

….........อีกเหตุการณ์หนึ่งไม่ดังนักแต่มีสิ่งที่สำคัญคือ เกิดในประเทศไทย คือ แซปเปอร์แทรกซึมสนามบินสหรัฐ ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งสนามบินดังกล่าวใช้เป็นฐานบินในการขึ้นลงของเครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินรบของสหรัฐที่โจมตีเวียดนามเหนือ ในช่วงสงครามเวียดนาม เหตุการณ์ดังกล่าว แซปเปอร์พยายามเข้าแทรกซึมเข้าไป จำนวนสามครั้ง เมื่อ 28 กรกฎาคม 2512 , 12 มกราคม 2513 และ 4 มิถุนายน 2515 โดยหน่วยแซปเปอร์ดังกล่าวเป็นหน่วยขนาดเล็กที่ปฏิบัติการอิสระและคาดว่าเป็นคนเวียดนามเหนือที่อพยพมาอยู่ในไทยที่เดินทางไปฝึกที่เวียดนามเหนือแล้วแทรกซึมกลับผ่านเข้าไทยมาทางลาว ผลการปฏิบัติภารกิจของแซปเปอร์ล้มเหลว และถูกสังหารจำนวน 4 นาย และถูกยึดยุทโธปกรณ์ได้จำนวนหนึ่ง ส่วนฝ่ายสหรัฐสูญเสียสุนัขสงครามหนึ่งตัว 

http://www.taharn.net/war/48c20.html

 

 

 
 
 
 
 
 
 
 
Credit: ต้นกล้า อาราดิน
29 มิ.ย. 53 เวลา 23:12 12,147 24 308
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...