1. ไมอามี่ (Miami)
ไมอามี่เป็นศูนย์กลางของธุรกิจ การเงิน การสื่อสาร บันเทิง ศิลปะ และการค้านานาชาติ เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท ธนาคารและสถานีโทรทัศน์ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางนานาชาติในธุรกิจบันเทิง แฟชั่น ท่าเรือไมอามี่นับเป็นศูนย์กลางของธุรกิจเรือสำราญของโลกในปี 2008 นิตยสารฟอร์บได้จัดอันดับให้ไมอามี่เป็นเมืองที่สะอาดที่สุดในสหรัฐอเมริกา วัดจากคุณภาพอากาศ ปริมาณพื้นที่สีเขียว การประปา ความสะอาดบนท้องถนน และระบบการจัดการขยะ และในปี 2010 ไมอามี่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับ 7 เมืองชั้นนำของสหรัฐอเมริกา และอยู่อันดับที่ 33 จากเมืองชั้นนำทั่วโลก เมืองนี้ถูกขนานนามว่า "เมืองแม่น้ำแห่งอเมริกา" ยังเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดคนที่มีชื่อเสียงทั่วทุกมุมโลกให้มาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ รวมถึงบริษัทชั้นนำต่างๆ ทั่วโลกเช่นกัน เมืองไมอามี่เป็นเมืองที่มีแดดส่องตลอดทั้งปี เป็นสิ่งที่ดีสำหรับชายหาดของเมืองนี้ คุณจะได้สนุกสนานเต็มที่ไปกับร้านอาหาร คลับ ดิสโก้ และศูนย์การค้าต่างๆ มากมายของ South Beach ซึ่งประกอบไปด้วยถนนสี่สายหลักซึ่งเป็นเหมือนหัวใจของเมือง Ocean Drive, Lincoin Road, Collins Avenue และ Washington Avenue พร้อมชื่นชมกับแสงแดด หาดทราย และท้องทะเลที่ชายหาด South Beach Venetian Pool เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ เป็นสระน้ำที่สร้างด้วยหินปะการัง ซึ่งการได้ว่ายน้ำในสระนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด
2. กรุงโซล (Seoul)
กรุงโซลเป็นเมืองหลวงขแงประเทศเกาหลีและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีมากว่า 600 ปี และยังเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรเกาหลีอาศัยอยู่ใกล้ๆ กับกรุงโซล และเกือบ 25 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเกาหลีอาศัยอยู่ในกรุงโซลทำให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ที่นี่เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทระดับโลกมากมายเช่น ซัมซุง แอลจี และฮุนได ทำให้กรุงโซลเป็นศูนย์กลางของธุรกิจในเอเชีย กรุงโซลเป็นเมืองที่น่าค้นหา เป็นเมืองที่มีความผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองเก่าและเมืองใหม่ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ หากเราเดินอยู่ในกรุงโซล เราจะเห็นอาคารโบราณที่สวยงามแบบเกาหลีดั้งเดิมอยู่เคียงข้างกับตึกสูงสไตล์โมเดิร์นดูกลมกลืนกัน กรุงโซลเป็นเมืองที่สนุกสนานและไม่เคยหลับ เราสามารถเลือกทำกิจกรรมได้มากมายตามสไตล์ของแต่ละคนตั้งแต่ลิ้มลองอาหารเเกาหลีเลิศรสแบบดั้งเดิม เที่ยวชมธรรมชาติอันสวยงาม ตลอดจนกิจกรรมกลางแจ้ง เช่นการปีนเขาเพื่อดูวิวของกรุงโซล สำหรับผู้ที่รักการช็อปปิ้ง สามารถเพลิดเพลินกับการเลือกสินค้าสมัยเก่า และสินค้าแบรนด์เนมของเกาหลีใต้ได้ตามแหล่งช็อปปิ้งในกรุงโซล
3. บาร์เซโลน่า (Barcelona)
เมืองบาร์เซโลน่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีชื่อเสียงด้านแฟชั่น และมีการจัดงานสัปดาห์แฟชั่นทุกปี จะมีแบรนด์ชื่อดังต่างๆ เข้าร่วมมากมาย อาทิเช่น Pasarela Gaudi Moda Fad ฯลฯ เมืองบาร์เซโลน่ายังมีถนนสายช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า หรือแหล่งย่านการค้าต่างๆ มากมายทั่วเมือง อาทิเช่น Passeing de Graciathe EI Corte Ingles FNAC และอื่นๆ อีกมากมาย ถนน Las Ramblas ถนนเอกสายสำคัญที่มีความยาวกว่า 2 กิโลเมตรสายนี้ เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่าง Placa de Catalunya กับท่าเรือ และเป็นถนนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองบาร์เซโลน่า ถนนสายนี้เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายรูปแบบจากหลากหลายเชื้อชาติทุกมุมโลก รวมทั้งสินค้ามากมายจากทั่วทุกมุมโลกเช่นกัน และยังมีอาคารต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิเช่น Iglesia de Betlem Palacio de Moya ฯลฯ เมืองบาร์เซโลนาตั้งอยู่ใกล้กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งส่งผลให้มีอากาศสบายๆ ตลอดปี ในช่วงฤดูร้อนอากาศจะอบอุ่น ช่วงฤดูหนาวจะเย็นสบายๆ ซึ่งอาจจะมีฝนตกบ้าง เป็นอีกเมืองหนึ่งที่นักท่องเที่ยวยกย่องว่าเป็นเมืองที่มีบรรยากาศแห่งความสนุกและความมีชีวิตชีวา
4. เมลเบิร์น (Melbourne)
เมลเบิร์นเป็นศูนย์กลางการค้าและธุรกิจของออสเตรเลีย เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายทันสมัยสวยงาม มีผู้คนหลายชาติหลายภาษาและเหมาะสมกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง เมลเบิร์นมีความรื่นเริงบันเทิงต่างๆ ที่ดีที่สุดในออสเตรเลียที่จะนำเสนอ บางครั้งอาจมีผู้กล่าวขานถึงเมลเบิร์นว่าเป็นเมืองน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม มีรถราง สวนสาธารณะ และส่วนต่างๆ ที่มีภูมิทัศน์งดงาม เมลเบิร์นเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาที่นักท่องเที่ยวประทับใจไม่รู้ลืม เมลเบิร์นได้ผสมผสานสิ่งที่เก่าแก่ที่ดีที่สุดในโลกเข้ากับสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างลงตัว การเดินทางท่องเที่ยวไปตามตรอกนั้นเป็นเส้นทางเดินที่จะอยู่ในความทรงจำ ตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมวิคตอเรีย ซึ่งรวมไปถึง Flinders Street Station สถาปัตยกรรมล้ำสมัยกระจายให้ดูทั่วทุกมุมเมืองประกอบกับตึกออฟฟิศที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลัง สถานที่เด่นๆ ที่เป็นมรดกตกทอดรักษากันมาแต่โบราณเช่น ทิวทัศน์ถนน The Olderfleet และ Melbourne Observation Deck บนถนน Collins Street
5. ลาสเวกัส (Las Vegas)
ลาสเวกัสเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในมลรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่ที่ชาวอเมริกันและคนทั่วโลกให้ฉายาว่า "เมืองแห่งบาป" (Sin City) หรือนักเขียนบางคนให้ชื่อว่าเป็น "America's Playground" หรือสนามเด็กเล่นของสหรัฐอเมริกา ความมีชื่อเสียงของลาสเวกัสที่ใครก็รู้จักก็คือสวรรค์ของนักเสี่ยงโชค ลาสเวกัสขึ้นชื่อมากจากธุรกิจการพนัน เป็นแรงดึงดูดหลักให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเหล่เซเล็บคนดังชอบมาลาสเวกัส เพราะจะมีอะไรสนุกไปกว่าการได้ปาร์ตี้ในวีไอพีเลานจ์เล่นพนันในคาสิโน และสนุกสุดเหวี่ยงในคลับส่วนตัว บริเวณลาสเวกัส สตริป ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรม The Ballagio ซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องน้ำพุเต้นรำ และเป็นแหล่งพำนักของดาราเกรดเอชื่อดัง โดยมีพื้นที่คาสิโนกว้างถึง 10,000 ตารางเมตร และอีกกว่า 60,000 ตารางเมตรสำหรับสปา เบลลาจิโอ รวมถึงภัตตาคารและคาเฟ่ 15 แห่ง ไนท์คลับ 6 แห่ง สระว่ายน้ำ 5 แห่ง และอ่างจากุชชี่ 4 แห่งไว้บริการในบรรยากาศสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนอันชุ่มฉ่ำ ที่ด้านนอกก็เป็นที่ตั้งของโรงแรม The Hard Rock ซึ่งเป็นที่พักสุดนิยมของเหล่าคนดัง
6. ฮาวาย (Hawaii)
อะโลฮา เกาะฮาวายดินแดนที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน ฮาวายได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยดฉพาะคู่รักที่ต้องการบรรยากาศที่แสนโรแมนติกในการฉลองแต่งงาน เป็นสถานที่ตากอากาศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะโรงแรม Four Seasons Hualalai บนชายฝั่ง Kona Kohala ของเกาะบิ๊กไอส์แลนด์ ที่ได้รับการตกแต่งเป็นพิเศษ และมีทัศนียภาพอันตระการตาจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผู้มีอันจะกินและดาราชั้นนำ เนื่องจากมีบรรยากาศที่สบายๆ เหมาะจะใช้เป็นสถานที่พักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว
7. ปารีส (Paris)
ทุกครั้งที่มีการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิต ปารีสไม่เคยตกการสำรวจเลยสักครั้ง นับเป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดเมืองหนึ่ง ถ้าหากใครได้ไปเยือนแล้วก็ต้องตกหลุมรักในบรรยากาศอันสุดแสนจะโรแมนติกของเมืองนี้ จนอยากจะกลายเป็นคนเมืองนี้ขึ้นมาเลยทีเดียว แต่ถึงจะอย่างนั้น นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงปารีสส่วนใหญ่ต่างก็มีเวลาที่จำกัด ขณะที่เมืองๆ นี้มรสถานที่ที่น่าสนใจนับไม่ถ้วน จนทำให้การเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวทุกที่ในปารีสกลายเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก หากมีเวลาเที่ยวเพียงไม่กี่วัน แนะนำสามกิจกรรมที่คุณไม่ควรพลาดก็คือ ไปดูกระจกสี (Rose Window) เป็นดอกกุหลาบที่ยิ่งใหญ่ของมหาวิหาร Notre Dame สองคือ การล่องเรือชมสองฟากฝั่งของแม่น้ำแซน และสุดท้ายก็คือการปีนขึ้นเนินเขา Montmartre เพื่อไปชมวิวปารีสในมุมสูง
8. บัวโนสไอเรส (Buenos Aries)
หากพูดถึงประเทศอาร์เจนตินา เราคงต้องพูดถึงมนต์เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมดนตรีและการเต้นรำจังหวะอันร้อนแรงเย้ายวนที่เรียกว่าแทงโก้ กรุงบัวโนสไอเรสได้ชื่อว่าเป็นปารีสของอเมริกาใต้ เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม บ้านเรือนที่มีสีสัน ไม่เพียงเท่านั้น เรายังได้สัมผัสกับวิถีความเป็นอยู่ของชาวเมือง ศิลปะวัฒนธรรม อาหารการกิน เครื่องดื่มเลิศรส แหล่งช้อปปิ้ง ย่านธุรกิจ โรงละครโอเปร่า และสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรี กีฬาฟุตบอลกับความคลั่งไคล้ของชาวเมือง และบ้านเกิดของนักฟุตบอลทีมดังๆ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดได้แก่ ตลาดซันเดย์ ย่าน San Telmo เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับนักท่องเที่ยว แหล่งช้อปปิ้งรวมของศิลปะหัตถกรรมชาวพื้นเมืองและของโบราณ รวมไปถึงการแสดงพื้นบ้านและดนตรี
9. เวนิส (Venice)
เวนิสเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในการทัวร์ยุโรป เสน่ห์อันวิจิตรของสถาปัตยกรรมบาร็อคและบ้านเรือนสไตล์เวเนเซียนบนเกาะที่ล้อมรอบด้วยผืนน้ำของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จนหลายประเทศไม่ว่าในลาสเวกัสหรือในมาเก๊าได้สร้างเมืองเวนิสจำลองตามแบบ เหนือความโรแมนติกใดคงไม่เท่าความสุขที่นั่งอิงแอบกับคนรักในเรือกอนโดล่าท่องคูคลองในเมองเวนิส เรือกอนโดล่าคือเรือพายที่เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของเวนิส มีลำเรือยาวสีดำ มีคนยืนคัดท้ายอยู่ท้ายเรือ สวมชุดที่เป็นแบบต้นตำรับจริงๆ จะใส่เสื้อแขนยาวลายทาง เสื้อกั๊ก และกางเกงสีดำ สวมหมวกทรงกลม มีริบบิ้นผูกที่ตัวหมวก
10. กรุงเทพมหานคร (Bangkok)
จะกี่โพลสำรวจเมืองท่องเที่ยวในดวงใจ กรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมรของเรา ฝรั่งตาน้ำข้าวหรือชาวญี่ปุ่นเองก็รู้สึกแฮปปี้กับความสะดวกสบายที่ครบครัน โดยเฉพาะย่านใจกลางเมืองอย่างสุขุมวิท ทั้งภัตตาคารที่มีอาหารครบทุกชาติ หรือจะแซบแบบอาหารไทย เมนูต้มยำกุ้งอันเลื่องชื่อ หรือจะทานเป็น Noodle อันเป็นที่กล่าวขานอย่าง "ผัดไทย" ที่ขายกันในร้านอาหารที่ต่างประเทศมีราคาหลายสิบดอลลาร์ แต่พอมาทานถึงถิ่น ฝรั่งมีอันต้องเซอร์ไพรส์กับผัดไทยรสชาติต้นตำรับที่ราคาไม่ถึง 1 เหรียญ การช้อปปิ้งก็ถือเป็นไฮไลท์ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรรทั้งสินค้ามีแบรนด์ ของใช้สุดฮิป และของที่ระลึกพื้นบ้าน รวมถึงศิลปะความงามของวัฒนธรรมความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นวังหรือวัด ล้วนแสดงให้เห็นถึงความงามที่อ่อนช้อย และมีเอกลักษณ์ที่หาชมที่ไหนไม่ได้ ที่สำคัญคือรอยยิ้มสยาม การต้อนรับเป็นอย่างดีของคนไทย ล้วนเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวยิ่งนัก