อาถรรพ์สิ่งลี้ลับในสนามบิน "สุวรรณภูมิ" หรือ "หนองงูเห่า" ร่ำลือกันทั่ว หลอนระดับตำนาน!!!

    การบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบิน ทีจี 679 เกิดอุบัติเหตุไถลออกจากทางวิ่งเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง จู่ๆ มีผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าวบอกเล่าผ่านรายการวิทยุถึงบรรยากาศช่วงอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องว่า โกลาหลสุดสุด เเละไม่ได้รับการช่วยเหลือห่วงใยจากลูกเรือคนใด มีเพียงสาวแอร์โฮสเตสที่แต่งกายด้วยชุดไทยห่มสไบเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่พยายามให้ความช่วยเหลือผู้โดยสาร

 

(ภาพจาก Manuela เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

 

    ทั้งๆ ที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเที่ยวดังกล่าว สวมชุดยูนิฟอร์มสีม่วง ลักษณะเป็นเสื้อเเขนสั้น กระโปรงสั้น …สาวเเอร์สไบคนนั้นคือใครกัน?

    ย้อนกลับไป จะพบว่าเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกที่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือหนองงูเห่า เคยเกิดขึ้นมาแล้ว หลายปีก่อน ชาวโซเชียลมีเดียส่งต่อเรื่องและภาพเสาผีสิงอย่างเเพร่หลาย โดยเสาต้นนี้ตั้งอยู่กลางห้องคลังเก็บของศุลกากร ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ

 

(ภาพ upyim )

    ลือกันว่า หลังเปิดใช้สนามบินได้ไม่นานปรากฏว่าพนักงานที่อยู่เวรกะกลางคืน หลายคนเห็นวิญญาณผู้หญิงผมยาวประบ่าเดินไปมาในห้องนี้กันบ่อยๆ จนสุดท้ายต้องทำพิธีเซ่นไหว้กัน (บ้างก็ขอหวย) ทั้งนี้ เชื่อกันว่าหญิงสาวที่สิงอยู่ในเสาต้นนี้นั้น ถูกฆ่าข่มขืนเเละโบกปูนทับ เเต่บางคนก็เล่าว่า เป็นคนงานสาวชาวพม่าต่างหากที่พลัดตกลงไปในแบบหล่อ ก่อนจะโดนเพื่อนร่วมงานเทปูนซีเมนต์ทับจนตายทั้งเป็น!!!!!!

 

(ภาพ เย็นสิทธิ์ เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น )

 

    หรือย้อนกลับไปไกลกว่านั้น เสียงเล่าลือในความแรง ความเฮี้ยนของเจ้าที่ มีมาตั้งแต่ริเริ่มจะก่อสร้างสนามบินที่ต้องใช้เวลานานหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จนมาเสร็จสิ้นในยุคของ คุณทักษิณ ชินวัตร ใช้เวลายาวนานถึง 45 ปี พบปัญหาในการก่อสร้างมาโดยตลอด ใครคิดที่จะสร้างมักจะประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอยู่เสมอ

    ทั้งนี้ ที่พื้นที่บริเวณหนองงูเห่า ก่อนก่อสร้างสนามบินมีศาลเจ้าอยู่เกือบ 3,000 แห่ง บางส่วนเป็นสุสาน ไม่เพียงเท่านี้ ยังพบว่ามีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า "รันเวย์" นั้นได้สร้างทับวัดเก่าอีกด้วย เพราะขณะระหว่างสร้างรันเวย์มีคนงานหลายคนเล่าว่าเห็นเงาคนเดินขวักไขว่ในบริเวณนี้ ที่หนักไปกว่านั้นคือตามประวัติศาสตร์ได้บอกว่าที่นี่คือ ที่พักของทหารสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช

 

    เสียงยืนยันจาก นายโชติศักดิ์ อาสภะวิริยะ หรือแวดวงรู้จักในชื่อ "เสี่ยกบ" อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ยุคบุกเบิกก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวถึงเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับภายในสนามบินสุวรรณภูมิว่า ช่วงที่เข้ามาบริหารงานก่อนเปิดใช้สนามบินนั้น ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพนักงานหลายรายที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่บริเวณศูนย์ดับเพลิงและกู้ภัยว่าถูกผีหลอก ไม่เฉพาะช่วงกลางคืนแต่รวมถึงกลางวันด้วย นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ให้น่าคิดหลายเรื่อง ทั้งการเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่มีผู้บาดเจ็บถึง 30 คน เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งบริเวณถนนทางเข้าสนามบินบริเวณติดกับรันเวย์ฝั่งตะวันออก

     จำได้ว่า "ระหว่างพิธีทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2549 ได้นิมนต์พระ 99 รูป สวดพระปริตรและสวดกัมมวาจา 8 ทิศ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณของเจ้าที่เจ้าทางต่างๆ ที่อยู่รอบบริเวณสนามบิน" ระหว่างพิธีเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ระหว่างที่พระสงฆ์กำลังสวดพระพุทธมนต์ พนักงานตรวจค้นวัตถุระเบิดรายหนึ่งของบริษัทล็อกซเล่ย์ ซึ่งรับสัมปทานงานตรวจค้นวัตถุระเบิดในสนามบิน อยู่ดีๆ ก็เกิดอาการตัวสั่นเหมือนผีเข้าในช่วงที่ก้มลงกราบพระ ใบหน้าบิดเบี้ยวพร้อมกับร้องห่มร้องไห้ จากนั้นก็นั่งหลังงองุ้มเหมือนคนแก่ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่าเป็นพ่อปู่ชื่อมิ่ง และบอกว่าไม่เคยมีใครสนใจเลย ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และขอให้ตั้งศาลเพียงตาให้ เพราะไม่มีที่อยู่ จะตั้งจุดใดก็ได้ แต่ถ้าไม่ตั้งศาลให้ จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายปั่นป่วนมากกว่านี้ เมื่อพระรูปหนึ่งที่ทำพิธีสวดมนต์อยู่รับปากว่าจะให้เจ้าหน้าที่ตั้งศาล พร้อมอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อปู่มิ่ง ชายคนดังกล่าวก็เป็นลมหมดสติล้มลงทันที จากนั้นไม่นานชายคนนั้นก็กลับมาเป็นปกติ

 

 

    นายโชติศักดิ์กล่าวยอมรับว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อ สิ่งที่ประสบกับตัวเองแสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา ถ้าใครไม่เห็นกับตาคงไม่มีใครเชื่อ ในตอนนั้นจึงตัดสินใจทำพิธีสร้างศาลรวม 8 แห่ง คือ 1.ศาลพญาอนันตนาคราช 2.ศาลพญามุจลินท์นาคราช 3.ศาลท่านท้าววิรุปักเขมมหานาคราชเจ้า 4.องค์นาคาธิบดี "ศรีสุทโธ" วิสุทธิเทวา 5.ศาลพระเจ้าตาก  6.ศาลพ่อแก่มิ่ง 7.พระพุทธมงคลสุวรรณภูมิ ซึ่งประดิษฐานอยู่หน้าทางเข้าสำนักงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 8.ศาลเจ้าที่ ตั้งอยู่บริเวณสำนักงานโครงการ และให้พนักงานสวดมนต์ทุกวันเสาร์เพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะสถานที่ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้เป็นที่ที่มีประวัติศาสตร์ค่อนข้างมาก เท่าที่ทราบมาเคยเป็นสถานที่พักกองทัพของพระเจ้าตากสินมหาราช

    นอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 แห่งนี้แล้ว ยังมีศาลต่างๆ กระจาย อยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิ เช่น ศาลแดง และศาลอิตาเลียน (อิตาเลียน-ไทย) ที่ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของสนามบิน ที่มีคนที่ทำงานภายในสนามบิน และประชาชนละแวกใกล้เคียงเข้าไปกราบไหว้สักการะ และบนบานศาลกล่าว โดยมีหลายรายที่ได้สมตามปราถนา ก็จะนำสิ่งของมาแก้บนเป็นประจำ

 

    ส่วนความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เร้นลับกับเหตุการณ์ดังกล่าว นาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.มองว่า เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่สามารถห้ามกันได้ แต่โดยส่วนตัวไม่ได้ท้าทายแต่อย่างใด

 

(ภาพ nationtv )

 

    ปัจจุบันพื้นที่รอบสนามบินสุวรรณภูมิมีการตั้งศาลสำคัญรวมทั้งหมด 16 แห่ง เพื่อให้พนักงาน ทอท. และบริษัทอื่นๆ ที่เข้ามาใช้พื้นที่เคารพและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่ง ทอท.มีการไหว้บวงสรวงเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว โดยจะไปสักการะด้วยเครื่องบูชาต่างๆ ในทุกวันพฤหัสบดีของเดือนที่ไม่ตรงกับวันพระ และในจำนวนนี้มี 4 ศาลใหญ่ที่พนักงานมักจะเข้าไปสักการะ คือ ศาลพระเจ้าตาก ศาลปู่มิ่ง ศาลพญานาคราช และที่ประดิษฐานพระพุทธสุวรรณภูมิ เพื่อความเป็นสิริมงคลและขวัญกำลังใจในการทำงานของพนักงานและทาง ทอท.เอง

 

    ประธานบอร์ดการท่าฯกล่าวว่า เรื่องแบบนี้ใครไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ควรลบหลู่ แต่สำหรับพนักงานเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ช่วยปกปักรักษา และหากพนักงานรายใดต้องการจะสักการะเพิ่มเติมมากกว่าเดือนละครั้งก็สามารถทำได้ และนั่นคือเบื้องหน้าเบื้องหลังของข่าวหลอน จากสนามบินสุวรรณภูมิ

ข้อมูลและภาพจาก upyim

Credit: http://www.liekr.com/post_145610.html
18 พ.ย. 59 เวลา 00:19 5,104 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...