เจ้านายฝ่ายเหนือที่ฆ่าตัวตายเพราะ...ไม่รู้จะเป็น"สยาม"หรือ"ลาว"
เจ้าชายพระองค์นี้มักมีคำกล่าวกันว่า...ท่านเป็น "เจ้าชายผู้ถูกลืม"
ย้อนไปก่อนที่เจ้าดารารัศมีจะถวายตัวในปี 2429นั้น
(รูปพระราชชายาเจ้าดารารัศมี)
ยังมีเจ้าหญิงจากราชนิกุลเชียงใหม่เคยถวายตัวมาก่อนถึง 3 ปี มาแล้ว(พ.ศ.2426)
คือ เจ้าหญิงทิพเกษร ธิดาของ เจ้าสุริยะวงศ์ และเจ้าแม่สุวัณณา
โดยเจ้าอุตรการโกศลนครเชียงใหม่ ได้นำ "เจ้าทิพเกษร" เข้าเฝ้าถวายเป็นบาทบริจาริกาใน "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว"
ร.5 ทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ "เจ้าทิพเกษร" ทรงเข้าศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีอยู่ในสำนักของ "เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ (เจ้าจอมมารดาแพ บุนนาค)"ผู้เป็นพระสนมเอกผู้ใหญ่ หัวหน้าพระสนมทั้งปวง
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ กรมหมื่นสรรควิไสยนรบดี
ประวัติการศึกษา
1.ทรงเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับปริญญาทางเศรษฐศาสตร์
2.ทรงเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ทำการศึกษาวิจัยสถานภาพและปัญหาเศรษฐกิจแห่งประเทศไทย
3.ทรงเป็นเจ้านายพระองค์แรกและเป็นคนไทยคนที่ ๒ ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก
4. พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรส ๑ ใน ๔ พระองค์ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสำเร็จการศึกษาด้านพลเรือนได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัย ซึ่งทรงได้รับปริญญา "ดอกเตอร์วิทสตาตส์ วิสเซนชัฟท์" จากทึบบิงเงน เยอรมนี
(รูป ส.ธรรมยศ ค่ะ)
ส. ธรรมยศ กล่าวไว้ในบทความเรื่องดังกล่าว ว่า การที่พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ต้องปลงพระชนม์พระองค์เองนั้น เนื่องจากสภาพความกดดันต่าง ๆ มากมายในสมัยนั้น
หนึ่ง ด้วยการที่พระองค์มีดีกรีเป็นถึง ดอกเตอร์ ซึ่งเจ้านายในสมัยนั้น ไม่มีใครที่ได้ดีกรีถึงขึ้นนี้ อย่างมากก็แค่ปริญญาโท เท่านั้นเอง ความอิจฉาริษยาของผู้คนรอบข้าง มักจะนำมาซึ่งความเดือนเนื้อร้อนใจอยู่เสมอ ๆ
และประเด็นใหญ่ ก็ด้วยเหตุที่พระองค์ มีพระมารดาเป็นเจ้าหญิงจากเชียงใหม่ ซึ่งในขณะนั้น สยามยังมองเชียงใหม่ว่า เป็น “ลาว” ความแตกต่างทางเชื้อชาติ ระหว่างสยามและล้านนายังมีอยู่ในใจลึก ๆ ของชาวสยามอยู่นั่นเอง จนถึงขั้นที่กล่าวหาพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐว่า จะคิดแยกล้านนาออกจากสยามประเทศ ซึ่งทำให้พระองค์ช้ำใจมาก ทั้งที่พระองค์ได้เสด็จไปดินแดนล้านนาเพียงครั้งเดียว ซึ่งข้อกล้าวหานี้ จะเป็นเพียงเพราะที่พระองค์มีพระมารดาเป็นชาวเชียงใหม่เท่านั้นเอง ซึ่งข้อหานี้เป็นข้อหาที่หนักหน่วงเอาการ ….
ความเศร้าโศกาดูร ความกดดันกับมรสุมที่เข้ามาในชีวิต ที่ต้องฟันฝ่ากับการดูหมิ่นหยามจากชาวสยามในสมัยนั้น จนประสบความสำเร็จยิ่งกว่าใคร
ด้วยความที่ความสามารถของพระองค์ยังใช้ได้ไม่เต็มที่ก็มาสิ้นพระชนม์ลงเสีย นับเป็นความสูญเสียบุคคลที่มีค่า ของทั้งสยาม และ ล้านนา อันที่จะเรียกคืนไม่ได้
ก็ได้เพียงแต่ เสียดาย หากไม่เช่นนั้น ประเทศจะพัฒนาไปได้ดีกว่านี้อีกมากนัก
(ภาพประกอบ รูปหมู่พระราชโอรส ฉายที่ประเทศอังกฤษ พ.ศ. ๒๔๔๔
จากซ้าย พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักดิ์, พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ, สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ, พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์, พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธุ์)
(โชคดีที่ระบบการศึกษาของเยอรมนีกำหนดให้ผู้ที่จะรับปริญญา "ดอกเตอร์ของรัฐ" ต้องพิมพ์วิทยานิพนธ์ออกมาเป็นหนังสือให้แพร่หลายทั่วไป ซึ่งทำให้พระวิทยานิพนธ์เป็นภาษาเยอรมันที่มีชื่อว่า "เกษตรกรรมในสยาม บทวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของราชอาณาจักรสยาม" ถูกเก็บไว้ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลก)
ที่มา
"พลเมืองเหนือ" ปีที่ 2 ฉบับที่ 64 ประจำวันที่ 20 - 26 ม.ค. 2546
หมายเหตุ :
-ปัจจุบันท่านคือ "เจ้าชายนักเศรษฐศาสตร์ของไทย"
-วังของ "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี" ปัจจุบันคือ ที่ทำการของ การไฟฟ้านครหลวง สามเสน
- สยามมักปล่อยข่าวว่าพระองค์ฆ่าตัวตายเพราะเสียพระทัยเพราะพระชายาสิ้นพระชนม์ เพื่อ "กลบ" ความโหดร้ายของตนเอง