ถ้าเรามาว่ากันด้วยเรื่องสิ่งของที่ถูกรัฐบาลสั่งห้าม มันทำให้เรารู้สึกคันปากยุบยิบเหลือเกิน จะนั่งเม้ามอยเรื่องนี้ทั้งวันก็คงไม่จบ เพราะสำหรับประเทศเราดูเหมือนอะไรๆก็ถูกสั่งห้าม สั่งแบน ไปซะทั้งหมด (อย่างเช่นเว็บโป๊เป็นต้น ฮือๆๆๆ T_T)
แต่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับไทยเราเท่านั้น เพราะ 11 สิ่งที่มันสุดแสนจะธรรมดาทั้งหลายนี้ ดั๊นนกลายเป็นของต้องห้าม และถูกแบนในประเทศเหล่านี้ซะงั้น!?
1.ออสเตรเลีย: สั่งแบนหนังโป๊ที่นางเอกนมเล็ก
สำหรับหนุ่มๆที่ชอบสาวนมเล็ก เราขอเสียใจด้วยที่ประเทศนี้อาจจะหาหนังผู้ใหญ่แนวๆนี้ให้ดูไม่ได้ อีกทั้งนางเอกหน้าอกเล็ก ก็อาจจะไม่ได้แจ้งเกิดเช่นเดียวกัน
ทางรัฐบาลให้เหตุผลว่า การที่เนื้อหาในหนังโป๊มีนางเอกนมเล็ก มันชวนให้นึกถึงเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และอาจเป็นสาเหตุของการก่ออาชญกรรม หรือการข่มขืนผู้เยาว์ได้
แต่กฏย่อมมีไว้แหก ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะสั่งแบน ใช่ว่าจะไม่มีหนังโป๊นางเอกนมเล็กอยู่เลย เพียงแต่อาจจะได้รับความนิยมน้อยหน่อยในประเทศนี้เท่านั้นเอง
ที่มา: Theregister
2. จีน: เครื่องเกมคอนโซล
ถึงแม้ว่าเครื่องเกมส่วนใหญ่จะมีฐานการผลิตในประเทศจีน แต่ก็น่าแปลกที่รัฐบาลจีนไม่อนุญาติให้วางขายเครื่องเกมคอนโซลได้
การออกกฏสั่งห้ามเริ่มตั้งแต่ปี 2000 โดยทางรัฐบาลให้เหตุผลว่า เครื่องเล่นเกมเหล่านี้จะมอมเมาเยาวชนของชาติ ส่งผลทำให้ไม่ยอมทำการทำงาน มัวแต่เสียเวลาไปแต่กับการเล่นเกมอย่างเดียว
ที่มา: Time
3. กรีซ: วิดีโอเกม
ไม่ใช่แค่จีนเท่านั้นที่เคยสั่งแบนเครื่องเล่นเกม แต่ครั้งหนึ่งเมื่อปี 2002 รัฐบาลกรีซได้เข้ามาแทรกแซงในเครือข่ายระบบการสื่อสารต่างๆ และออกกฏหมายควบคุมการเล่นเกมส์ในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่!!
เคยมีเหตุการณ์ที่ชาวเมืองคนหนึ่งนั่งเล่นเกมอยู่ในอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ และถูกจับโดยตั้งข้อหาจากการเล่นเกมให้อยู่ในประเภทอาชญากรรม
แต่ด้วยกระแสกดดันจาก EU และเกมเมอร์ทั่วโลก ในที่สุดกฏหมายนี้ก็ถูกยกเลิกใช้ในปีเดียวกันนั้นเอง
ที่มา: BBC
4. จีน: อวาตาร์ เวอร์ชั่น 2 มิติ
ด้วยเนื้อหาที่สอดคล้องกับการออกล่าอาณานิคมของอเมริกา ทำให้ดูเหมือนว่ารัฐบาลจีนจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับหนังเรื่องนี้เท่าไหร่นัก
หลังจากที่หนังเปิดตัวในจีนได้ไม่นาน ก็ถูกทางการสั่งควบคุมให้ฉายได้แต่เฉพาะเวอร์ชั่น 3 มิติเท่านั้น แต่ทั่วทั้งประเทศจีนนับว่ามีโรงหนังที่ให้บริการแบบ 3 มิติอยู่น้อยมากๆ จึงทำให้ดูเหมือนว่าหนังเรื่องนี้ถูกแบนในประเทศจีนไปโดยปริยาย
ที่มา: Time
5. รัสเซีย: ชุดแฟชั่นสไตล์อีโม
ถ้าพูดถึงเรื่องแฟชั่นสไตล์อีโม การทาขอบตาดำ เจาะปาก ระเบิดหู เชื่อว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกตัวเองในสภาพนี้แน่ๆ
เช่นเดียวกับประเทศรัสเซีย ที่ได้ออกมาสั่งแบนเสื้อผ้าการแต่งกายแบบอีโม สาเหตุก็เพราะรัฐบาลต้องการที่จะลดปัญหาการฆ่าตัวตายของวัยรุ่น ที่มีจำนวนสูงมากขึ้นทุกปี อีกทั้งยังให้เหตุผลว่า “เพื่อความมั่นคงของชาติ” (คุ้นๆนะว่ามั้ย?)
แต่ถึงแม้ว่าวัยรุ่นจะถูกสั่งห้ามให้แต่งตัวแบบอีโมในสถานที่ราชการ แต่ทางการก็ไม่ได้สั่งห้ามฟังเพลงแนวที่เกรี้ยวกราดแบบนี้แต่อย่างใด
ที่มา: Guardian
6. จีน: ผู้นำทางศาสนา หรือลัทธิต่างๆ
ดูเหมือนว่าการจะสั่งแบนความเชื่อ และความศรัทธาของผู้คนดูจะเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่าในอดีตจีนเป็นประเทศที่ไม่มีการนับถือศาสนา
อีกทั้งรัฐบาลยังต้องการที่จะเข้ามาควบคุมความเชื่อแบบชาวพุทธของทิเบต (แม้แต่องค์ ดาไล ลามะ ก็โดนด้วย) โดยทางรัฐมุ่งเน้นที่จะต้องการควบคุมเหล่าผู้นำทางความเชื่อทั้งหลาย
ที่มา: Time
7. อิหร่าน: ทรงผมสไตล์ตะวันตก
เช่นเดียวกับหลายๆประเทศในแถบตะวันออกกลาง ที่ดูเหมือนว่าพวกเค้าจะไม่ยอมรับวัฒนธรรมจากฝั่งตะวันตกซักเท่าไหร่
และที่ประเทศอิหร่าน ทางรัฐบาลได้สั่งแบนทรงผมแบบตะวันตก โดยทางการจะมีแบบทรงผมที่ผ่านการรับรองแล้วว่าให้ประชาชนตัดได้ แน่นอนว่าเราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นชาวเมืองของที่นี่ โดยเฉพาะผู้ชาย ไว้ผมยาวเซอร์ๆ หรือทำทรงผมจี๊ดๆแบบโมฮอว์ค
อีกทั้งร้านตัดผมที่แอบบริการเหลาหัวลูกค้า นอกเหนือจากแบบที่รัฐบาลอนุมัติ จะถูกสั่งปิดกิจการทันที (โหดมาก)
ที่มา: Telegraph
8. ซาอุดิ อาราเบีย: วันวาเลนไทน์
อันเนื่องมาจากซาอุดิ อาราเบีย เป็นประเทศที่มีศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า วันวาเลนไทน์ เป็นวันที่ขัดต่อหลักความเชื่อทางศาสนา
ทางรัฐบาลจึงสั่งแบนไม่ให้มีวันนี้ อีกทั้งร้านของชำร่วยและร้านขายดอกไม้ ก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้มีสีแดง หรือสิ่งของที่มีเชิงสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์
แต่ถึงกระนั้น วันวาเลนไทน์ในประเทศนี้ ยังคงมีการส่งความรักกันแบบเงียบๆอยู่ โดยจะมีตลาดมืดที่ขายดอกไม้ราคาสูงกว่าปกติหลายสิบเท่า และต้องแอบทำกันอย่างลับๆ
ที่มา: Cnn
9. เดนมาร์ก: โอวัลติน และ แยมยี่ห้อ Marmite
สำหรับประเทศเดนมาร์ก ได้มีการสั่งแบนอาหารทุกชนิดที่ผ่านกระบวนการเสริมสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็นซีเรียล โอวัลติน หรือแม้แต่แยมทาขนมปังยี่ห้อ Marmite
เพราะทางรัฐบาลเชื่อว่า ประชาชนควรจะได้รับสารอาหารที่มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริง และไม่ควรทานอาหารที่ถูกเติมสารอาหารมาก่อน
ที่มา: Guardian
10. เดนมาร์ก: การตั้งชื่อเด็ก
ไม่ใช่แค่อาหารที่มีการเพิ่มเติมแร่ธาตุเท่านั้นที่รัฐบาลสั่งแบน แต่ยังรวมไปถึงการตั้งชื่อลูกอีกด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ประชาชนของที่นี้มีสิทธิ์ที่จะตั้งชื่อสมาชิกครอบครัวคนใหม่ ตามลิสต์รายชื่อที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลแล้วเท่านั้น
ซึ่งในขณะนี้ชื่อที่สามารถใช้ได้อย่างเป็นทางการในเดนมาร์ก มีจำนวนทั้งหมด 24,000 ชื่อ
ที่มา: Nytimes
11. จีน: ดอกมะลิ
นับตั้งแต่การเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติขึ้นในประเทศตูนีเซีย ซึ่งถูกเรียกว่า ‘Jasmine Revolution’ ส่งผลให้กลุ่มผู้ประท้วงในจีนต่างลุกฮือขึ้นมาประท้วงรัฐบาลบ้าง
แต่ผลสุดท้าย ทางการไม่เพียงแต่จัดการกับกลุ่มผู้ประท้วงเท่านั้น ยังได้ออกกฏหมายสั่งให้ ‘ดอกมะลิ’ กลายเป็นของต้องห้าม หรือแม้แต่เพลง และการส่งข้อความ ก็ห้ามมีคำว่า ‘ดอกมะลิ’ อยู่ในนั้น
ที่มา: Time
แต่ละประเทศก็ย่อมมีกฏกติกา ที่ใช้ในการควบคุมประชาชนที่แตกต่างกันออกไป แต่รู้สึกว่าของจีน จะดูคล้ายๆกับแถวนี้ยังไงก็ไม่รู้เนาะ
ที่มา: Oddee