เรื่องจริงของ 5 คนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์กระทบกระเทือนทางสมองอย่างรุนแรงแล้วกลายมาเป็นอัจฉริยะ(ในบางเรื่อง)
1. Jason Padgett นักทฤษฎีคณิตศาสตร์ผู้มองโลกเป็นพิกเซล
เจสัน แพดเจ็ตต์ เป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไป เขาไม่ได้ฉลาดอะไรเป็นพิเศษ สมัยเรียนก็เกือบตกวิชาเตรียมพีชคณิตพื้นฐานด้วยซ้ำ เป็นชายวัย 41 ปีที่ทำงานขายเฟอร์นิเจอร์ให้ร้านของพ่อเท่านั้นเอง แต่วันหนึ่งในปี 2012 หลังจากเขาไปปาร์ตี้ที่ร้านคาราโอเกะตามปกติ เขาก็ถูกปล้นและถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และมีเลือดออกในไต หลังตรวจร่างกายเสร็จเขาก็ได้รับข่าวร้ายว่า พ่อเลี้ยงของเขาเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในคืนเดียวกันนี้เลย และหลังจากนั้นอีก 2 สัปดาห์พี่ชายคนเดียวของเขาก็มาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีก ทั้งประสบการณ์เฉียดตายและข่าวร้ายทั้งหลายที่ประดังเข้ามาในเวลาติดต่อกัน ทำให้เขามีอาการ PTSD ภาวะทางจิตหลังจากบุคคลนั้นประสบกับเหตุการณ์สะเทือนใจ นั่นทำให้เขาหวาดกลัวสถานที่ที่มีผู้คนเยอะ และปลีกตัวจากคนรอบข้างออกไป แต่ในเวลาเดียวกันนั้น อาการบาดเจ็บที่สมองของเขาทำให้บางอย่างในหัวเขาเปลี่ยนไป เขามองเห็นทุกอย่างเป็นทรงเรขาคณิต วัตถุต่างๆ ที่เราเห็นเป็นเนื้อเดียวกันเรียบๆ นั้น เจสันจะมองเห็นเป็นพิกเซลเล็กๆ มากมายประกอบกัน แม้แต่สายน้ำที่ไหลออกจากก๊อกเขาก็มองเห็นเป็นทรงเรขาคณิตมากมายที่ได้รับพลังงานจนเคลื่อนที่ ดังนั้นจึงไม่มีวงกลมสมบูรณ์แบบที่กลมเกลี้ยงสำหรับเขา จะมีแต่รูปเหลี่ยมมากมายที่ประกอบกันเป็นวงกลมทำให้เห็นขอบขรุขระของวงกลมเสมอ เขาจึงเริ่มต้นวาดภาพสิ่งต่างๆ ในแบบที่เขาเห็น แต่ด้วยความที่เขาไม่มีความรู้ด้านคณิตศาสตร์ และไม่รู้จักทฤษฎีอะไรเลยทำให้เขาอธิบายสิ่งที่เขาเห็นไม่ได้ วันหนึ่งมีนักฟิสิกส์มาเห็นภาพเขียนของเขาจึงสนับสนุนให้เขา ไปเรียนต่อด้านคณิตศาสตร์เพื่อเป็นนักทฤษฎีคณิตศาสตร์
ปัจจุบันเจสันเป็นนักทฤษฎีคณิตศาสตร์ นักพูด (และเคยเป็นนักพูดของ TED 2 ครั้ง) และเป็นศิลปินวาดภาพเรขาคณิตที่ซับซ้อน
">
2. Derek Amato จากนักขายสู่นักเปียโนอัจฉริยะ
เดเร็ค อะมาโต เป็นเทรนเนอร์นักขายวัย 39 ปีที่ไม่มีอะไรพิเศษ วันหนึ่งในปี 2006 ขณะที่เขาเล่นโยนลูกรักบี้กับเพื่อนสมัยมัธยม 2 คนบริเวณริมสระน้ำ เขากระโดดรับลูกพลาดทำให้ลื่นลงน้ำและหัวฟาดกับพื้นคอนกรีตของสระอย่างรุนแรง เดเร็ครู้สึกเหมือนหัวระเบิด แต่เขาก็รีบดันตัวขึ้นมาจากใต้น้ำ เมื่อขึ้นจากน้ำแล้วเขาก็ล้มลงในอ้อมแขนของเพื่อนๆ ด้วยเห็นว่าเดเร็คยังมีสติรับรู้อยู่เพื่อนๆ จึงขับรถพาเขากลับบ้าน ระหว่างทางเดเร็คหลับๆ ตื่นๆ อยู่ตลอด และพึมพำว่าตัวเขาเองเป็นนักเบสบอลมืออาชีพที่ต้องรีบไปฝึกซ้อมอีกเมืองนึง เมื่อมาถึงบ้านแม่ของเดเร็คก็รีบพาเขาไปส่งโรงพยาบาล ในขั้นต้นแพทย์ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ และให้เขากลับบ้านได้โดยแม่ต้องคอยปลุกเขาทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ความผิดปกติเริ่มเกิดขึ้นประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น เดเร็คสูญเสียการได้ยิน 35% ในหูข้างหนึ่ง ปวดหัวเรื้อรัง และมีอาการความจำเสื่อมเล็กน้อย แต่ที่น่าทึ่งคือในขณะที่เขานั่งคุยกับเพื่อนทั้ง 2 อยู่นั้น เขาก็หันไปเห็นคีย์บอร์ดไฟฟ้าในบ้านเพื่อน อยู่ๆ เดเร็คก็ลุกไปนั่งเล่นคีย์บอร์ดราวกับผู้เชี่ยวชาญ เขาไม่เคยเรียนเปียโนหรือเครื่องดนตรีตระกูลนี้มาก่อนเลย แต่หลังจากลองเอานิ้วจิ้มไปคีย์นึงก็ราวกับว่าเขารู้หมดเลยว่าแป้นไหนแทนเสียงอะไร และค่อยๆ บรรเลงเพลงที่ทั้งเขาและเพื่อนไม่เคยได้ยินมาก่อน เพลงนั้นไพเราะและเต็มไปด้วยเทคนิคลูกเล่นมากมาย หลังเล่นจบเพลงนั้นเพื่อนของเขาก็น้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นเดเร็คก็ซื้อเปียโนเป็นของตัวเอง เพราะถ้าไม่ได้เล่นดนตรีเขาจะรู้สึกกระวนกระวาย นิ้วจะขยับตลอดเวลา บางทีเขาก็ตื่นมากลางดึกเพราะมือตีขาตัวเองอยู่เรื่อยๆ ทั้งคืน แม้จะมีอาการปวดหัวและเห็นภาพแปลกๆ ในหัวอยู่บ้าง แต่เขาก็ถือว่าความสามารถในการเล่นเปียโนนี้เป็นเหมือนของขวัญจากพระเจ้า
">
3. Orlando Serrell ชายผู้สามารถบอกได้ทันทีว่าวันที่เท่านี้เป็นวันอะไร
ช่วงก่อนอายุ 10 ขวบ ออร์แลนโด เซอร์เรล ก็เหมือนเด็กทั่วไปที่ไม่ได้มีความพิเศษอะไร เขาชอบเล่นกีฬากับเพื่อน โดยเฉพาะกีฬาเบสบอล แต่วันหนึ่งในปี 1979 ขณะที่เขากำลังแข่งเบสบอลกับเพื่อนๆ ก็เกิดอุบัติเหตุลูกเบสบอลที่ถูกตีมาแรงๆ พุ่งมากระแทกหัวด้านซ้ายของเขาพอดี ออร์แลนโดหงายหลังลงไปกองกับพื้นชั่วขณะหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นมาเล่นต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้พ่อแม่ฟังด้วยเพราะกลัวจะถูกดุและถูกห้ามไม่ให้เล่นเบสบอลอีก เขาจึงไม่ได้ไปหาหมอและต้องทนปวดหัวเรื้อรังโดยไม่กล้าบอกใคร ไม่นานนักอาการปวดหัวที่เป็นมาหลายวันก็หายไปซะเฉยๆ ออร์แลนโดค้นพบความสามารถพิเศษใหม่ของตัวเองนั่นคือ เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าวันที่เท่าไหร่เดือนอะไรปีอะไรตรงกับวันไหนในสัปดาห์ และยังสามารถจดจำสภาพอากาศ สถานที่และกิจกรรมที่เขาทำในแต่ละวันหลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุได้แม่นยำราวกับบันทึกวิดีโอไว้
">
4. Alonzo Clemons นักแกะสลักรูปปั้นสัตว์เสมือนจริง
อลองโซ่ เคลมอนส์ เป็นเด็กชายธรรมดาทั่วไป จนกระทั่งวันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุหล่นมาลงมาหัวกระแทกพื้น นั่นทำให้เขามีปัญหาในการเรียนรู้และการพัฒนา ไอคิวของเขาไม่เกิน 50 แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ความสามารถใหม่มา เขาสามารถแกะสลักรูปสัตว์ได้เหมือนจริงเป๊ะๆ แม้ว่าจะเป็นสัตว์ที่อยู่ในภาพ 2 มิติและได้มองเพียงแวบเดียว เขาก็สามารถปั้นออกมาเป็นสัตว์ 3 มิติที่มีรายละเอียดเหมือนจริงได้เลย ตอนเด็กๆ เขามักนั่งปั้นดินน้ำมันเป็นรูปสัตว์ต่างๆ คนเดียวในห้องเรียน ถ้าไม่มีดินน้ำมันเขาก็เก็บดินข้างทางกลับบ้านไปปั้นเป็นรูปสัตว์ต่างๆ สัตว์แต่ละตัวใช้เวลาทำไม่ถึงชั่วโมง แม้ว่าเขาจะผูกเชือกรองเท้าไม่เป็นก็ตาม อลองโซ่เป็นคนร่าเริงสดใสอยู่เสมอ เขามักไปสอนวิธีปั้นให้กับเด็กๆ ในชุมชนโดยมีผู้ช่วยส่วนตัวไปคอยช่วยอธิบาย นอกจากนี้เขายังชอบกีฬายกน้ำหนักเอามากๆ และเคยได้เข้าร่วมทีมสเปเชียลโอลิมปิกของรัฐด้วย ผู้คนที่ได้พบอลองโซ่ต่างรักเขา งานศิลปะของเขามีการจัดงานแสดงอยู่เรื่อยๆ ปัจจุบันอลองโซอาศัยอยู่ในบ้านของเขาเองพร้อมผู้ช่วยส่วนตัวหลายคน
">
5. Sabine สาวน้อยนักคิดเลขยกกำลังในใจ
ซาบีนมีวัยเด็กเหมือนคนอื่นๆ นั่นคือเธอเป็นเด็กทั่วไปที่มีสุขภาพดี จนกระทั่งเธออายุ 6 ขวบ และเริ่มเข้าโรงเรียนเรียนได้ไม่นานในปี 1910 เธอก็เป็นไข้ไทฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย มันทำให้เธอชักและหมดสติอยู่บ่อยๆ และในที่สุดเธอก็ตาบอด เป็นใบ้ และมีนิสัยแบบเด็กๆ ที่ไม่โตไปมากกว่านี้ แม้หลายปีต่อมาเธอจะเริ่มมองเห็นบ้าง และเริ่มพูดอะไรง่ายๆ ได้บ้าง แต่เธอก็ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เมื่อซาบีนอายุ 13 ปีเธอก็ชอบสะสมเหรียญและกระดุม และมักจะแบ่งกลุ่มของพวกนี้เป็นกองละ 16 ชิ้น เมื่อคุณหมอสอนคณิตศาสตร์พื้นฐานอย่างการบวกลบให้กับเธอ คุณหมอก็ค้นพบว่าซาบีนสามารถคิดเลขได้ซับซ้อนมากกว่านั้นเยอะ เธอสามารถ คูณ หาร เลขได้ โดยเฉพาะการคิดเลขยกกำลัง เธอสามารถคิดคำนวณเลขยกกำลังของเลขตั้งแต่ 11-99 ได้ภายในไม่กี่วินาที แถมไม่เพียงแค่นั้น เธอยังเชื่อมโยงเลขอะไรก็ตามให้เข้ากับเลข 16 ที่เธอชอบได้เสมอ เช่นถ้าถามเธอว่า 23 x 23 ได้เท่าไหร่ เธอก็ตอบได้ในทันทีว่า 529 และเสริมได้ด้วยว่า 529 เท่ากับ (33 x 16) +1
ทั้ง 5 คือตัวอย่างของบุคคลที่ได้รับบาดเจ็บที่สมองและกลายมาเป็นอัจฉริยะ ซึ่งเราจะเรียกว่า the acquired savant เชื่อกันว่าเท่าที่มีการบันทึกไว้มีผู้ที่เป็น the acquired savant ไม่ถึง 50 คนในโลก
นอกจากนี้ยังมีบุคคลอีกกลุ่มที่เรียกว่า the savant เฉยๆ กลุ่มนี้คือผู้ที่มีความผิดปกติทางสมองหรือมีโรคที่ทำให้ พัฒนาการช้าตั้งแต่กำเนิด แต่เป็นผู้มีความอัจฉริยะพิเศษด้านใดด้านหนึ่งที่เหนือกว่าคนทั่วไปจะทำได้ ตัวอย่างของ the savant ก็เช่นตัวละครชื่อเรย์มอนด์ แบบบิต จากเรื่อง Rain Man (1988) ที่รับบทโดยดัสติน ฮอฟฟ์แมน เรย์มอนด์เป็นชายออทิสติกแต่มีความอัจฉริยะในเรื่องความจำเป็นเลิศ ใครสนใจก็ลองหาเรื่องนี้มาชมได้นะ
ขอบคุณที่มา: http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?topic=135811.0