Richard Speck ชีวิตของเขาเริ่มต้นจากการเป็นฆาตกร โดยในปี 1941 ตอนนั้นเขาอายุเพียง 8 ขวบเท่านั้นแต่ชีวิตของเขากลับต้องเผชิญสถานการ์เฉียดอาชญากรรม หลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิต แม่ของเขาก็แต่งงานใหม่ ทำให้เขากลายเป็นคนที่มีสภาพอารมณ์ไม่เหมาะสม เมื่อโตเป็นวัยรุ่นตอนอายุ 15 ปี เขาติดเหล้าหนักมากจนถูกจับกุมหลายสิบครั้งด้วยกัน
และเมื่อเขาอายุ 19 เขาก็สักคำว่า Born to Raise Hell ไว้ที่แขนของเขาเอง และมันเป็นเหมือนลางบอกเหตุเพราะในปี 1963 เขาก็ทำผิดกฎหมายด้วยการปลอมแปลงเอกสารและลักทรัพย์ และหลังจากที่เขาติดคุก 16 เดือน ต่อมาเขาลงมือทำร้ายผู้คุมหญิงด้วยมีดเขาจึงถูกตัดสินจำคุกต่ออีก 16 เดือน และได้รับการปล่อยตัวออกมาจากความผิดพลาด
และเขายังคงเป็นหัวขโมยและในวันที่ 13 กรกฎาคม 1966 เขาก็ก่ออาชญากรรมด้วยการแทงคน
ทั้งยังทำการข่มขืน Ella Mae Hooper หญิงสาวในชิคาโก้อีกด้วย โดยเธอและเขารู้จักกันในบาร์ จากนั้นเขาก็พาเธอไปยังห้องของเขาและลงมือข่มขืนใช้ความรุนแรงทางเพศกับเธอ ก่อนที่จะขโมยปืนของเธอและดื่มเหล้าจนเมา
จากนั้นเวลาต่อมาเขาก็บุกไปที่ทาวเฮ้าน์หลังหนึ่งซึ่งมีนักศึกษาพยาบาลอาศัยอยู่รวมกันถึง 8 คน พวกเขาจับนักศึกษาเหล่านั้นเป็นเชลยขังไว้ในห้องพักนานหลายชั่วโมงก่อนจะจัดการเหยื่อทีละคน โดยเขาแทงและรัดคอเหยื่อทีละคนเริ่มจาก Patricia Matusek, Nina Jo Schmale, Pamela Wilkening, Suzanne Farris, Mary Ann Jordan, Merlita Gargullo และ Valentina Pasion
และ Gloria Davy เหยื่อรายสุดท้ายถูกเขาข่มขืนก่อนจะบีบคอเธอจนขาดอากาศหายใจตายในที่สุด
แต่จริงๆ แล้วในบ้านหลังนั้นไม่ได้มีผู้หญิงแค่ 8 คนเพราะยังมีหญิงสาวคนหนึ่งหนีรอดได้และซ่อนตัวอยุ่ในนั้นเธอมีชื่อว่า Cora Amurao เธอซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง
หลังจากที่เขาถูกจับ Cora Amurao เป็นพยานสาวที่กล้าหาญเพราะเธอกล้าขึ้นให้การทั้งๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับฆาตกร และคณะลูกขุนตัดสินลงโทษเขาหลังจากพิจารณาคดีได้ 49 นาทีเท่านั้น
สุดท้ายเขาเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายในปี 1991 การชันสูตรศพเผยให้เห็นความผิดปกติของสมองที่มีลักษณะแคระแกรน ทั้งยังมีความจำและอารมณ์ที่แข็งกร้าว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันมีส่วนในการฆาตกรรมของเขาทำให้เขากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง