พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) ที่เรารู้จักกันในฐานะ หัวหน้าคณะราษฎรฝ่ายทหาร ผู้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของประเทศไทย ที่ดำรงตำแหน่งถึง 5 สมัย และอดีตผู้บัญชาการกองทัพบก พระยาพหลฯนั้นได้ชื่อว่าเป็น นายกรัฐมนตรีที่ซื่อสัตย์และอาจเรียกได้ว่าเป็นนายกฯและนายทหารที่แทบจะมีเงินไม่มากนัก ถึงแม้ว่าตัวท่านจะเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 5 สมัยยาวนานเกือบ 6 ปี และผู้บัญชาการทหารบกก็ตาม
เหตุนี้จึงทำให้ตอนท่านถึงแก่อสัญกรรมนั้น ครอบครัวของท่านไม่สามารถที่จะจัดงานศพของท่านได้เพราะครอบครัวไม่มีเงินเพียงพอ ครอบครัวพระยาพหลฯได้กล่าวถึงตอนพระยาพหลฯถึงแก่อสัญกรรมว่า "ทั้งบ้านมีเงิน 137 บาท" ดังนั้นจึงมีเงินไม่เพียงพอที่จะจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพอดีตนายกรัฐมนตรีได้ จนรัฐบาลของหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้เข้ามาช่วยเหลือจัดการงานศพของท่านแทน
พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นั้นท่านมีบุตรและธิดากับท่านผู้หญิงบุญหลง พหลพลพยุหเสนา 7 คนด้วยกัน ในที่นี้เราจะมาเล่าเรื่องราวของบุตรคนที่ 4 นั้นคือพันตรี พุทธินารถ พหลพลพยุหเสนา ผู้ที่เคยปฏิเสธการเข้าโรงเรียนนายร้อยโดยพิธีพิเศษ และเข้าเรียนในโรงเรียนนายสิบแทน เรื่องราวนั้นมีอยู่ว่า พ.ต.พุทธินารถ ในตอนนั้นไปสอบเข้าโรงเรียนนายสิบ แต่พ.ต.พุทธินารถ ถูกเชิญให้มาพบกับพลจัตวาชาติชาย ชุณหะวัณ (ยศในขณะนั้น)ซึ่งเป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบยานเกราะ เชิญให้ไปพบพูดคุยด้วยเพราะเห็นนามสกุลแล้วคุ้นๆ จากนั้นคุณพุทธินารถจึงได้ไปพูดคุยกับพลจัตวาชาติชาย จากนั้น พล.จ.ชาติชาย ได้ถามพุทธินารถว่า :
"คุณหรือที่ชื่อพุทธินารถ พหลโยธิน" พุทธินารถได้บอกไปว่า"ใช่ครับ" พล.จ.ชาติชาติถามต่อว่าพระยาพหลฯล่ะ พุทธินารถตอบว่า"พ่อครับ" จากนั้นพล.จ.ชาติชายได้เปลี่ยนสรรพนามเรียกพุทธินารถจาก"คุณ"เป็น"คุณชาย" แล้วถามคุณพุทธินารถต่อว่า"คุณชายนึกอย่างไรถึงได้มาเข้านักเรียนนายสิบยานเกราะ? ทำไมไม่เข้าโรงเรียนนายร้อย?" คุณพุทธินารถตอบว่า"ผมสอบเข้าไม่ได้" พล.จ.ชาติชายจึงพูดว่า"ได้สิ เดี๋ยวผมจัดการให้" แต่คุณพุทธินารถตอบว่า"#ไม่เอา พล.จ.ชาติชายจึงให้รองผู้บัญชาการโรงเรียน พ.อ.ศรี พาคุณชายไปพบท่านผู้หญิงบุญหลง ณ เดี๋ยวนั้นเพื่อจะให้ไปคุยเรื่องที่จะให้เข้าโรงเรียนนายร้อยแทนนายสิบ
พ.อ.ศรี จึงถามว่า"ให้มาเข้าได้ยังไงนักเรียนนายสิบ" พ.อ.ศรี ได้พูดกับท่านผู้หญิงบุญหลงว่า"ยังไงก็ไม่ยอม คุณชายอยากจะแต่งเครื่องแบบเดี๋ยวเอาเครื่องแบบให้แต่ง อยากจะขับรถถังจะพาไปฝึกขับ #แต่ไม่ต้องเป็นนักเรียนนายสิบ มันโหดร้ายทารุณ ดื้อน่าดูเลย ตามใจอยากจะไปเรียนก็ไป ใต้เท้า(ท่านผู้หญิงบุญหลง)ยอมให้คุณชายไปเรียนหรือครับ"
ท่านผู้หญิงบุญหลงบอกพ.อ.ศรีว่า "ตามใจเขา" จากนั้นในที่สุด คุณพุทธินารถจึงได้เรียนนายสิบสมใจตามที่ตั้งใจไว้และได้ปฏิเสธที่จะได้รับการช่วยเหลือจากพล.จ.ชาติชายที่จะให้เข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยแทนโรงเรียนนายสิบ เพราะเห็นว่าคุณพุทธินารถ เป็นลูกพระยาพหลฯ ลูกอดีตนายกรัฐมนตรี ลูกอดีตผบ.ทบ. ดังนั้นท่านจึงเสนอที่จะจัดการให้ แต่คุณพุทธินารถได้ตอบปฏิเสธ
ถึงแม้ว่าจะให้พ.อ.ศรีมาพบท่านผู้หญิงบุญหลงแล้วก็ตาม คุณพุทธินารถก็ไม่เอาและจนปัจจุบันท่านก็เกษียณราชการทหารด้วยยศเพียง"พันตรี"เท่านั้น นี้ก็เป็นเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่แสดงให้เห็นครอบครัวพหลพลพยุหเสนา ครอบครัวพระยาพหลฯ ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สองของประเทศ และได้ชื่อว่าเป็นายกรัฐมนตรีที่จนที่สุด ถึงขนาดที่ว่าบ้านของท่านไม่มีอยู่ในกรุงเทพฯ จนต้องอาศัยวังปารุสกวันเป็นที่ทำงานและที่อยู่อาศัยจนถึงแก่อสัญกรรม หลังพระยาพหลฯอสัญกรรมวังปารุสก็ถูกใช้เป็นกองบัญชาการคณะรัฐประหารพ.ศ.2490 (รัฐประหารของจอมพลผิน ชุณหะวัณ) และนี้ก็คือเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งของคนในครอบครัวพหลพลพยุหเสนา
ที่มา : คำบอกเล่า พ.ต.พุทธินารถ พหลพลพยุหเสนา