เป็นสิ่งที่รู้กันดีว่า "บุหรี่" ส่งผลร้ายทั้งต่อตัวผู้สูบเองและคนรอบข้าง ซึ่งแม้จะมีการรณรงค์ให้หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับความเอาใจใส่และตระหนักถึงความสำคัญมากนัก . . . วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอหยิบยกเรื่องราวเกี่ยวกับผลกระทบของบุหรี่ต่อคนรอบ ข้าง ที่หนังสือพิมพ์เดลี่เมล์ของอังกฤษ ได้นำเสนอเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมามานำเสนอ เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจใครหลาย ๆ คน เรื่อง ราวน่าสลดใจครั้งนี้ เกิดขึ้นกับ ลินดา มิทเชล สาวใหญ่วัย 52 ปีที่ต้องตกเป็นเหยื่อของมะเร็งร้าย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่เคยสูบบุหรี่เลย แต่เป็นเพราะแม่ของเธอเป็นคนที่สูบบุหรี่จัด และเธอก็อาศัยอยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็ก จนในที่สุดเธอก็ต้องรับเคราะห์ไปเต็ม ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้
ลินดา กล่าวว่า ตอนนี้เธอกำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะตายในเร็ววันนี้ เธอเล่าว่า ตั้งแต่เด็ก ทุกเช้าที่เธอตื่นขึ้นมาและลงมาจากห้องนอน เธอก็จะได้กลิ่นบุหรี่โชยมาแตะจมูกทุกวัน และอยู่กับกลิ่นนั้นจนเคยชินไปแล้ว เพราะแม่ของเธอเป็นคนสูบบุหรี่จัด โดยสูบถึงวันละ 60 มวนเลยทีเดียว และเมื่อเธอเติบโตขึ้น เธอก็ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจจะได้รับและพูดคุยกับแม่ของเธอ ซึ่งหลังจากนั้น แม่ของเธอก็หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ในบ้าน โดยจะออกไปสูบบุหรี่ไกลตัวเธอทุกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไปเสียแล้ว ในปี 2003 เธอได้เข้าตรวจสุขภาพกับหมอที่โรงพยาบาล เนื่องจากรู้สึกถึงความผิดปกติเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ซึ่งผลออกมาว่า เธอป่วยเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และหมอสันนิษฐานว่าเธออาจเป็นมาได้ประมาณ 20 ปีแล้ว และขณะนี้ชีวิตของเธอก็เดินทางเข้าใกล้ความตายมากขึ้นทุกที
แม้ลินดาจะรู้ดีว่า การป่วยของเธอในครั้งนี้เป็นเพราะแม่สูบบุหรี่จัด แต่เธอก็ไม่ได้ถือโทษโกรธแม่แต่อย่างใด เธอรู้ว่าแม่รักเธอมาก และเธอก็รักแม่มากเหมือนกัน และแม่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้น รวมถึงตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนด้วย
ส่วน จูน แม่ของลินดาวัย 72 ปี ผู้ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งผิวหนัง และมีปัญหากับระบบอวัยวะภายใน ได้กล่าวว่า ถ้าเธอตระหนักถึงผลกระทบของการสูบบุหรี่ที่มีต่อคนรอบข้างสักนิด เธอคงไม่สูบบุหรี่ใกล้กับลูกของเธอ ปัจจุบันแม้เธอจะเลิกสูบบุหรี่มาได้ 6 ปีครึ่งแล้ว แต่เธอก็คิดว่า ถ้าวันนั้นเธอไม่เลิกสูบบุหรี่ ป่านนี้เธอก็คงจบชีวิตลงด้วยโรคร้ายนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ยังกล่าวอีกว่า นี่คงจะเป็นบทเรียนให้กับอีกหลายครอบครัวที่ยังคงคิดไม่ถึงถึงอันตรายของ บุหรี่ต่อคนรอบข้าง บุหรี่นั้นทำร้ายคนรอบข้างได้อย่างเห็นได้ชัดจริง ๆ แต่ดูเหมือนคนทั่วไปจะไม่ค่อยตระหนักถึงอันตรายตรงจุดนี้นัก และมักจะประมาททุกครั้ง เช่น การสูบบุหรี่ในรถที่มีคนในครอบครัวอยู่ด้วย ถึงแม้คุณจะเปิดกระจกรถสูบบุหรี่ก็ตาม แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้ความเสี่ยงของคนรอบข้างลดน้อยลงได้เลย
ว่า แต่คุณล่ะคะ?.. วันนี้คุณเลิกสูบบุหรี่ หรือตระหนักถึงอันตรายของบุหรี่ต่อคนรอบข้างคุณหรือยังเอ่ย?