10 สายลับหญิง ผู้โค่นล้ม "นาซีเยอรมนี" ในสงครามโลกครั้งที่ 2

http://www.meekhao.com/history/female-spies-in-worldwar2

 

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง เหล่าบุรุษผู้กล้ามากมายถูกยกย่องให้เป็นผู้นำพาชัยชนะเหนือฝ่ายศัตรู ในขณะที่วีรสตรีอีกมากถูกลืมเลือน เหล่าสตรีที่เป็นส่วนสำคัญในการถล่มนาซีให้ย่อยยับ มีทหารหญิงอยู่เป็นจำนวนมากในสงคราม พวกเธอเป็นนักบิน ทำงานในโรงงาน และเป็นสายลับ และพวกเธอเหล่านี้คือส่วนสำคัญที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตร

Andree Borrel

ก่อนที่จะเป็นสายลับ เธอและเพื่อนทำงานให้กับฝรั่งเศสโดยทำหน้าที่อยู่ในทางรถไฟใต้ดินที่มุ่งสู่สเปน เมื่อหน่วยของพวกเธอถูกเปิดเผยความลับในปี 1940 เธอหนีไปยังโปรตุเกสเพื่อเข้าร่วมกับ SOE ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษของอังกฤษในปี 1942 Andree เป็นสายลับหญิงคนแรกที่กระโดดร่มลงสู่ฝรั่งเศสร่วมกับ Lise de Baissac ในวันที่ 24 กันยายน 1942 หลังจากเข้าร่วมกลุ่มต่อต้านในปารีส เธอก็ได้เป็นรองผู้บังคับหน่วยในเดือนมีนาคมปี 1943 Andree ถูกมอบหมายให้โจมตีโรงพลังงานและโรงงานอื่นๆ เธอและสมาชิกอีกสามคนถูกจับกุม Andree ถูกนำไปที่ค่ายเพื่อฉีดยาพิษ แต่เธอสามารถรักษาสติสัมปชัญญะได้หลังถูกฉีดยา เธอต่อสู้กับแพทย์เพื่อหนีจากการจับกุม แต่เธอก็ถูกลงโทษด้วยการเผาทั้งเป็น

Nancy Wake

Nancy เกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 1912 ในเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ช่วงก่อนสงครามโลกเธอทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์ให้กับนาซีเยอรมนี แต่หลังจากแต่งงานกับนักอุตสาหกรรมชาวฝรั่งเศส เธอก็เข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านของฝรั่งเศสและมีส่วนช่วยในการหลบหนีการจับกุมของทหารอากาศชาวอังกฤษ ในเดือนธันวาคม 1940 เธอก็ถูกจับได้ว่าทรยศ หลังจากหลอกให้ผู้คุมเชื่อว่าเธอไม่ใช่หญิงที่พวกเขาตามหาเธอก็เดินทางไปอังกฤษและเข้าร่วมกับ SOE เมื่อสามีของเธอถูกยิงเสียชีวิตโดยสายลับเยอรมันเธอก็ต้องการแก้แค้น

Nancy กลับไปฝรั่งเศสในปี 1944 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผน D-Day เธอเข้าร่วมโจมตีหน่วยลับของเยอรมันและถล่มโรงงานอาวุธ หลังจากพลัดหลงกับหน่วย เธอก็เดินเท้าเป็นระยะทาง 200 กิโลเมตร และปั่นจักรยานอีกมากกว่า 100 กิโลเมตรเพื่อติดต่อหน่วยอื่น เพื่อนในหน่วยกล่าวถึงเธอว่า “เธอเป็นคนที่มีความเป็นผู้หญิงมากที่สุดคนหนึ่ง แต่เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น เธอสู้ได้เหมือนชายฉกรรจ์ 5 คน” Nancyเสียชีวิตในปี 2011 เมื่อมีอายุ 98 ปี

Violette Reine

เธอเป็นชาวฝรั่งเศสที่ย้ายไปลอนดอนก่อนที่สงครามจะเริ่ม และที่นั่นเธอตกหลุมรักและแต่งงานสร้างครอบครัวกับ Etienne Szabo ทหารของกองทัพฝรั่งเศส หลังจากสามีถูกฆ่าในปี 1942 เธอก็เข้าร่วม SOE เพื่อแก้แค้นให้เขา

Violette เป็นส่วนหนึ่งของการบุกครองนอร์มังดีในเดือนมิถุนายนปี 1943 และเธอยังทำภารกิจก่อวินาศกรรมทางถนนและรถไฟให้กับอังกฤษ เมื่อกลับไปยังประเทศอังกฤษ เธอก็ไปทำภารกิจที่สองในฝรั่งเศสซึ่งรถของเธอถูกโจมตี เธอต่อสู้กับทหารเยอรมันด้วยกระสุน 64 นัดเพื่อให้สมาชิกหน่วยของเธอหนีรอดไปได้ Violette ก็ถูกจับไปยัง Saarbrucken กับเพื่อนของเธอ 2 คนและนักโทษชายอีก 37 คน ระหว่างการเดินทางเธอจู่โจมเพื่อเอาน้ำดื่มให้คนที่ถูกจับ นั่นคือวีรกรรมสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกประหารในวันที่ 27 มกราคม 1945

Cecile Pearl Witherington

Cecile เป็นชาวอังกฤษที่เกิดในฝรั่งเศส เธอเข้าร่วมกับ SOE ในวันที่ 8 มิถุนายน 1943 เธอถูกส่งไปฝรั่งเศสในวันที่ 22 กันยายน 1943 โดยเริ่มทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสาร โดยเยอรมันไม่ทราบเลยว่าสาวสวยคนนี้จะเป็นอันตรายในอนาคต

เมื่อหัวหน้าของเธอถูกจับกุม เธอปฏิบัติหน้าที่แทนเขาในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มนักมวยปล้ำ เธอส่งนักสู้ 1,500 คนไปถล่มนอร์มังดี จากเหตุการณ์นั้นทำให้เยอรมันตั้งค่าหัวเธอถึง 1,000,000 ฟรังก์หรือ 36 ล้านบาท กองทัพเยอรมันกว่า 2,000 นายถูกส่งมาต่อสู้กับกลุ่มของเธอ ซึ่งการต่อสู้นั้นกินเวลาถึง 14 ชั่วโมง ทหารเยอรมันเสียชีวิตไป 86 ราย และนักสู้ของเธอเสียชีวิต 24 ราย โดยรวมแล้วทหารเยอรมันถูกฆ่าตามคำสั่งของเธอราว 1,000 นาย ในวันสุดท้ายที่ทำหน้าที่ เธอทำให้ทหารเยอรมันกว่า 18,000 นายยอมจำนน

Virginia Hall

Virginia เป็นหญิงพิการที่มีขาเพียงขาเดียว ด้วยขาข้างเดียวกับขาเทียมของเธอนั้นเธอสามารถเป็นคนขับรถพยาบาลในระหว่างการรุกรานของฝรั่งเศส และแน่นอนว่าด้วยเครื่องยนต์ที่ขับยากและมีคลัตช์

เยอรมันประกาศว่าเธอคือ “Limping Lady” เป็นหนึ่งในสายลับที่อันตรายที่สุดในปี 1942 และการเคลื่อนไหวกระโผลกกระเผลกอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ เธอจึงถูกส่งตัวออกไปจากฝรั่งเศส แต่ SOE ของอเมริกันก็รับเธอเข้าหน่วยในเวอร์จิเนียตอนปี 1944 และส่งเธอไปยังฝรั่งเศสด้วยการกระโดดร่มพร้อมขาเทียมของเธอในกระเป๋าสะพายหลัง เมื่อถึงที่หมาย เธอปลอมตัวเป็นคนรับจ้างทำงานในไร่ เธอมีส่วนสำคัญในการก่อวินาศกรรมหลายครั้งรวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของวัน D-Day

Odette Hallowes

หลังจากเข้าร่วม SOE อย่างไม่ได้ตั้งใจเนื่องจากเธอส่งโปสการ์ดไปผิดหน่วย เธอก็ถูกส่งไปเป็นสายลับที่ฝรั่งเศสในปี 1942

เธอปลอมตัวเป็นผู้ช่วยและผู้ส่งสารของหัวหน้าของเธอ Peter Churchill ทั้งคู่ถูกจับกุมและทรมานในปารีส พวกเขาหาทางเอาตัวรอดด้วยการบอกว่า Peter เป็นหลานของ Winston Churchill และ Odette เป็นภรรยาของเขา แต่พวกเขาถูกส่งไปค่ายกักกันแต่ยังไม่ถูกฆ่า Fritz Suhren ผู้บัญชาการค่ายพา Odette ไปกับเขาเมื่อเขายอมแพ้ ด้วยหวังว่าความเป็นญาติของเธอกับ Winston Churchill จะช่วยชีวิตเขา แต่เธอก็ได้กลายเป็นพยานปากสำคัญในการประหารชีวิตเขาด้วยการแขวนคอในปี 1950

Diana Rowden

Diana Rowden เป็นนักหนังสือพิมพ์ เธอเข้าร่วมกับกลุ่มกาชาดฝรั่งเศส หลังจากหนีออกไปจากฝรั่งเศสในปี 1941 เธอก็เข้าร่วมกับ SOE ในเดือนมีนาคม 1943 และได้เข้าร่วมกลุ่ม Acrobat ในเดือนมิถุนายน 1943

เธอมีหน้าที่สำคัญในการส่งสาล์นไปยังสายลับกลุ่มต่างๆ ใน เมืองมาร์แซย์ ลียง และปารีส ใต้จมูกของกองทัพเยอรมัน Diana ยังมีบทบาทสำคัญในการถล่มโรงงานPeugeot ในโซโชซ์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องบินที่สำคัญที่สุด ในเดือนพฤศจิกายน 1943 หน่วยของเธอถูกเปิดเผยความลับ เธอถูกจับและส่งไปประหารที่ค่าย Natzwiler-Struthof

Vera Leigh

Leigh เข้าร่วมกลุ่มต่อต้านฝรั่งเศสหลังจากการล่มสลายของกรุงปารีส ทำหน้าที่ช่วยทหารช่างวางกับดักศัตรู เมื่อคิดว่าเธอน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่านี้ Leigh จึึงเดินทางไปอังกฤษในปี 1942 เพืื่อเข้าร่วมกับ SOE

Leighเป็นที่รู้จักในฐานะมือปืนที่แม่นยำ เธอเดินทางไปเมืองทัวร์ประเทศฝรั่งเศสในปี 1943 เพื่อจัดตั้งกลุ่มต่อต้านในฝรั่งเศส เธอได้เจอกับสามีของน้องสาวเธอโดยบังเอิญ เขาดูแลเซฟเฮ้าส์ให้ทหารฝ่ายสัมพันธมิตร เธอเสี่ยงชีวิตโดยเข้าไปพัวพันกับปฏิบัติการนี้ด้วย ในวันที่ 30 ตุลาคม Leigh ถูกจับก่อนทำภารกิจ “คิดค้น” สำเร็จและถูกส่งไปประหารที่ค่าย Natzwiler-Struthof

Krystyna Skarbek

Krystyna เป็นชาวโปแลนด์ เธอคือแรงบันดาลใจของตัวละครที่แสดงโดย Eva Green ใน007 พยัคฆ์ร้ายเดิมพันระห่ำโลก เธอมีบทบาทสำคัญในการยึดครองโปแลนด์และฝรั่งเศส หลังจากเข้าร่วม Secret Intelligence Service ในปี 1939 เธอหว่านล้อมนักสกีโอลิมปิกชาวโปแลนด์ Jan Marusarz ให้คุ้มครองเธอจากฮังการีข้ามเทือกเขา Tatra ไปยังโปแลนด์ และขณะอยู่ในโปแลนด์ เธอก็ได้ติดต่อกับสายลับและกลุ่มต่อต้านหลายกลุ่มที่มีประโยชน์ต่อกองทัพอังกฤษอย่างมาก

นอกจากนั้นเธอยังลักลอบพานักบินชาวโปแลนด์มาช่วยสงคราม เมื่อ Krystyna ถูกจับในปี 1941 เธอแกล้งไอเป็นเลือดด้วยการกัดลิ้นตัวเอง และบอกว่าเธอเป็นวัณโรค เมื่อแพทย์เอ็กซเรย์ดูปอดของเธอก็มีรอยเนื่องจากการทำงานกับเครื่องยนต์ พวกเขาจึงปล่อยตัวเธอออกมาและเธอก็กลับไปยังอังกฤษได้สำเร็จ เมื่อเข้าร่วมกับ SOE เธอก็ถูกส่งไปยังฝรั่งเศสในปี 1944 เธอประสบความสำเร็จในการไต่เขาสูง 610 เมตรเพื่อไปยังป้อม Col de Larche เพื่อเกลี้ยกล่อมกองทหารรักษาการณ์โปแลนด์ให้ยอมแพ้ เธอถูกแทงเสียชีวิตในวันที่ 15 มิถุนายน 1952

Lise de Baissac

หลังจากออกจากปารีสในปี 1940 เธอก็เข้าร่วมกับ SOE ในลอนดอนทันทีที่พวกเขาเปิดรับสมัครผู้หญิง และเธอกับ Andree ก็เป็นสายลับหญิงคนแรกที่กระโดดร่มลงสู่ฝรั่งเศส

Lise เป็นหญิงม่าย เธอถูกส่งไปทำหน้าที่ในเมืองรวมทั้งขนส่งอาวุธจากอังกฤษให้กลุ่มต่อต้านของฝรั่งเศส เธอย้ายไปยังอพาร์ตเมนท์ใกล้ๆ กับหน่วยลับเยอรมันและปลอมตัวเป็นนักโบราณคดีสมัครเล่นเพื่อสืบข้อมูลลับทางภูมิศาสตร์เกี่ยวกับการลงจอดเครื่องบินรบ เธอเดินทางกลับไปยังฝรั่งเศสในวันที่ 10 เมษายน 1944 เพื่อทำภารกิจที่สอง หลังจากวัน D-Day เธอทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพเยอรมัน เช่าห้องห้องหนึ่งในบ้านของผู้บังคับบัญชาท้องถิ่นแห่งกองทัพเยอรมัน เธอเสียชีวิตเมื่ออายุ 98 ปี ในปี 2004

ที่มา http://listverse.com/2013/09/05/10-women-spies-who-brought-down-the-third-reich/

Credit: http://www.meekhao.com/history/female-spies-in-worldwar2
10 ต.ค. 59 เวลา 07:55 1,379
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...