ปัจจุบันสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ แอนตาร์กติกา และอาร์กติกละลายอย่างรวดเร็วทำให้ระดับน้ำในทะเลสูงขึ้นทั่วโลก และนั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย แต่มันกลับเป็นภัยต่อระบบนิเวศและชุมชนชายฝั่งทะเลมาก
โดยในปี 2014 ทางวารสารวิจัยสิ่งแวดล้อมของยูเนสโกเปิดเผยว่ามรดกโลกที่สำคัยหลายแห่งอาจจะจมอยู่ใต้น้ำภายในปี 2100 และนี่คือ 7 ส่งมหัศจรรย์ของโลกที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และคงน่าเสียดายมากหากวันหนึ่งมันต้องจมลงไปอยู่ใต้น้ำ
1. อนุเสาวรีย์เทพีเสรีภาพ - เป็นอนุเสาวรีย์ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำมานานกว่า 130 ปีบริเวณท่าเรือนิวยอร์ก และมีความเป็นไปได้ว่าถ้าระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นปีละ 3 ฟุต รูปปั้นสูง 151 ฟุตอาจจะลดระดับลงเรื่อยๆ ก็เป็นได้
2. โมไอบนเกาะอีสเตอร์ - เรียกว่า Rapa Nui คาดว่าถูกแกะสลักโดยชาวโปลินีเซียที่มาตั้งรกรากบนเกาะเมื่อ 2,000 ปีที่ผ่านมาและมันกลายเป็นมรดกอันมีค่าของประเทศชิลี แต่ด้วยความที่มันตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งมากจึงมีความเสี่ยงจะจมอยู่ใต้น้ำหากระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น
3. วัดพระอาทิตย์ใน Konark ประเทศอินเดีย - เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 800 ปีที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของอินเดีย โดยทางยูเนสโกได้ขนามนามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ให้กลายเป็นผลงานสร้างสรรค์ชิ้นเอกเลยทีเดียว มันถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือกว่า 1,200 คน ใช้เวลาแกะสลักนานกว่า 12 ปีเลยทีเดียว แต่วัดแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลเพียง 7 ฟุตเท่านั้น นั่นหมายความว่าหากแผ่นน้ำแข็งเพียงหนึ่งก้อนใหญ่พังทลายลงมาก็สามารถที่จะจมวัดแห่งนี้ได้แล้ว
4. โรงโอเปล่าของซิดนีย์ - ทางยูเนสโกจัดให้มันกลายเป็นงานสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 แต่มันตั้งอยู่เหนือน้ำทะเลเพียง 11 ฟุตเท่านั้น และตัวอาคารอาจเสื่อมลงได้หากปริมาณเกลือเพิ่มสูงขึ้น และมันจะจมอยู่ใต้น้ำทะเลหากน้ำแข็งละลายมากขึ้น
5. ซากปรักหักพังของ Leptis Magna - ตั้งอยู่ในลิเบียครั้งหนึ่งเคยเป็นหัวใจของจักรวรรดิโรมัน ทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ควรรักษาทางโบราณคดีของโลกเพราะมีเศษซากอารยธรรมมากมาย แต่ด้วยความที่ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอาจส่งผลให้ซากปรกหักพังเหล่านี้เสียหายถาวรได้
6. ถ้ำ Elephanta - เป็นโบราณคดีที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งตะวันตกของประเทศอินเดีย มีอายุเก่าแก่กว่า 1,500 ปี และเป็นศิลปะอินเดียที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด แต่เนื่องจากถ้ำอยู่ภายใต้ความกดดันของมรสุมและมลพิษนั่นทำให้มันไม่สามารถทนต่อระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นได้
7. Mont Saint Michel - เป็นเมืองในยุคกลาง ตั้งอยู่บนเกาะหินขนาดเล็ก นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปที่เกาะได้ในช่วงที่น้ำลง แต่ในช่วงที่น้ำขึ้นสูงจะไม่สามารถเข้าถึงเกาะได้ และถ้าระดับน้ำทะเลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้เกาะแห่งนี้จมอยู่ในน้ำได้