เชื่อว่าคนที่ชอบแต่งรถหลายคนต้องเคยเห็น ออยล์คูลเลอร์ (OILCOOLER) ที่หน้าตาเหมือนแผงหม้อน้ำ แต่อาจยังไม่รู้ว่าเจ้าอุปกรณ์แต่งรถชิ้นนี้มันมีหน้าที่อะไร

 

หน้าที่ของ ออยล์คูลเลอร์ ก็คือตัวช่วยระบายความร้อนให้น้ำมันเครื่องนั่นเอง(ตามชื่อเลย) เวลาที่เครื่องยนต์ทำงานชิ้นส่วนต่างๆภายในจะเกิดการเสียดสีกันจึงทำให้ต้องมี น้ำมันเครื่อง เข้ามาเป็นเหมือนเกราะป้องกันชิ้นส่วนต่างๆไม่ให้เกิดความเสียหาย แต่นั่นก็ทำให้น้ำมันเครื่องเกิดความร้อนสะสมตามมา เพราะเหตุนี้เจ้าออยล์คูลเลอร์ จึงเข้ามาช่วยระบายความร้อนให้กับน้ำมันเครื่องนั่นเอง

ออยล์คูลเลอร์มีอยู่ 2 แบบ
1.    ออยล์คูลเลอร์แบบใช้น้ำ ส่วนใหญ่จะติดมาจากโรงงานอยู่บริเวณกรองน้ำมันเครื่อง โดยใช้น้ำจาก หม้อน้ำไหลผ่านมาระบายความร้อน พวกนี้มักทำด้วยสแตนเลสเพื่อทนต่อการกัดกร่อนของน้ำแต่ระบายความร้อนได้ไม่ค่อยดี
2.    ออยล์คูลเลอร์แบบใช้อากาศ อุปกรณ์แต่งรถที่ใส่เพิ่มจะเป็นแบบนี้ซึ่งแยกออกมาเป็นอิสระ ส่วนใหญ่ติดบริเวณแผงแอร์ นี้มีข้อดีคืออุณหภูมิน้ำมันไม่ขึ้นกับอุณหภูมิน้ำและมีลมพัดผ่านออยคูลเลอร์อยู่ตลอดเวลา ทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนดีกว่าออยคูลเลอร์แบบใช้น้ำมากทีเดียว

ทำไมหลายคนใส่แล้วพัง!! สิ่งสำคัญที่หลายคนลืมนึกถึงคือแรงดันน้ำมันเครื่อง เมื่อเราติดตั้ง อุปกรณ์แต่งรถ ออยล์คูลเลอร์เข้าไป เท่ากับว่าเราเพิ่มระยะทางการหมุนเวียนของน้ำมันเครื่องมากขึ้นอาจทำให้แรงดันน้ำมันเครื่องตก ตรงนี้อาจต้องเช็คแรงดันกันก่อนว่าพอหรือไม่อีกเรื่องคือการติดตั้งต้องใช้วัสดุอย่างดีและติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญ(ติดตั้งพลาดอาจได้ยกเครื่องใหม่) เมื่อติดตั้งแล้วควรวัดระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำเพื่อเช็คว่ามีรอยต่อจุดไหนรั่วซึมหรือไม่

รถทุกคันควรใส่ออยล์คูลเลอร์มั้ย อย่างที่บอกไปว่าน้ำมันเครื่องมีหน้าที่เหมือนเกราะเคลือบชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ซึ่งจะก่อให้เกิดความร้อนกับน้ำมันเครื่อง แต่น้ำมันเครื่องเองก็มีประสิทธิภาพในการทนความร้อนได้ระดับนึง ซึ่งรถบ้านเครื่องยนต์โรงงาน ใช้งานในชีวิตประจำวันอันนี้บอกเลยว่าไม่จำเป็นครับ แค่ใช้น้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐานก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับรถแต่งที่ทำเครื่องยนต์มาไม่ว่าจะเซ็ทเทอร์โบ ทำฝาสูบหรือรถแข่งในสนามที่ใช้งานในรอบสูงตลอด อันนี้ ออยล์คูลเลอร์ จำเป็นมาก เพราะการใช้งานเครื่องยนต์อย่างหนักจะก่อให้เกิดความร้อนสะสมในน้ำมันเครื่องมาก ซึ่งเมื่อน้ำมันเครื่องเกิดความร้อนมากจะเปลี่ยนสภาพทำให้ประสิทธิภาพการรักษาเครื่องยนต์แย่ลงนั่นเอง