https://www.yaklai.com/lifestyle/special-article/borley-haunted-house/
หากจะกล่าวถึงบ้านผีสิงที่ได้รับการขนานนามว่าหลอนที่สุดแห่งหนึ่งในอังกฤษ คงต้องมีบ้านวิญญาณเฮี้ยนแห่งอังกฤษติดโผอยู่ก็เป็นแน่ บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ที่แคว้นแอสเซคซ์ ของหมู่บ้านเบอร์ลี่ ชุมชนเล็กแห่งหนึ่งในอังกฤษ ภายในหมู่บ้านนี้จะมีบ้านพักของพระอธิการโบสถ์ ที่เรียกว่า บ้านพักบอร์ลีย์ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวสยองขวัญต่อจากนี้
บริเวณที่ตั้งของบ้านหลังนี้เคยเป็นโบสถ์เก่าแก่ และที่รกร้างที่มักจะมีชาวบ้านเห็นร่างแม่ชีเดินไปมาอยู่บริเวณนี้เสมอจนเรียกกันว่า “ทางเดินแม่ชี” มีเรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาว่าเคยมีแม่ชีเกิดไปมีความรักกับบาทหลวงหนุ่มที่โบสถ์และทั้งสองได้ตกลงใจที่จะหนีไปด้วยกันโดยมีเพื่อนบาทหลวงอีกคนช่วยขับรถม้าให้ (สมัยก่อนความรักระหว่างแม่ชีและนักบวชเป็นสิ่งต้องห้าม) แต่ทั้งหมดถูกจับได้ คนขับรถม้าถูกตัดสินให้ตัดหัว ส่วนบาทหลวงหนุ่มถูกแขวนคอ แม่ชีถูกจับขังไว้ในห้องใต้ดินตลอดชีวิต นี่คงเป็นสาเหตุให้วิญญาณแม่ชียังวนเวียนอยู่บริเวณนั้น และยังมีคนได้เห็นวิญญาณไร้หัวขับรถม้าอยู่เป็นประจำ
ในปี 1863 พระอธิการเฮนรี่ บลูล์ ได้สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาและมีคนได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวบริเวณนี้ว่ามีวิญญาณสิงสถิตย์อยู่ แต่อธิการเฮนรี่ก็หาได้กลัวไม่ เมื่อบ้านพักก่อสร้างเสร็จอธิการเฮนรี่ได้ย้ายเข้าพักพร้อมกับภรรยาและลูกทั้ง 14 คน เหตุการณ์แปลกก็ได้เกิดขึ้นเมื่อคนในบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าเดินไปเดินมาบริเวณที่ไม่มีคนอยู่ เสียงเคาะประตูโดยไม่มีคนเคาะ และข้าวของในบ้านเคลื่อนย้ายที่ได้เอง แต่ที่พีคสุดๆ คือ อธิการเฮนรี่ เห็นวิญญาแม่ชีเดินหายเข้าไปในพุ่มไม้ที่หลังบ้านตอนกลางวันแสกๆ รวมไปถึงลูกสาวคนหนึ่งเปิดประตูต้อนรับแขกและแขกคนนั้นเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้หาได้ทำให้อธิการเฮนรี่และบุตรชายกลัวไม่ เขาทั้งสองกลับรู้สึกชอบใจจนถึงขนาดต่อเติมบ้านเพื่อเป็นที่นั่งดูวิญญาณหลังอาหารเย็น เหตุการณ์เหล่านี้ก็ดำเนินไปเรื่อยไม่มีหยุดหย่อน มีการเปลี่ยนเจ้าของซึ่งเป็นพระอธิการของโบสถ์เข้ามาอยู่หลายคน บางคนก็อยู่ได้บางคนก็อยู่ไม่ได้
จนกระทั่งการเข้ามาของ พระอธิการไลโอเนล ฟอสเตอร์ และภรรยามาเรียน ฟอสเตอร์ ในปี 1935 วิญญาณที่ปกติจะมีก็แค่การปรากฏตัว เคลื่อนย้ายข้าวของต่างๆ ก็ได้ทำอะไรที่มากกว่านั้น มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นนับพันๆครั้งและเกิดเหตุรุนแรงกับมาเรียนเริ่มต้นด้วยการได้ยินเสียงโดยหาที่มาไม่ได้และข้าวของที่วางไว้หายโดยไม่ทราบสาเหตุ กระจกหน้าต่างอยู่ดีๆ ก็แตกเหมือนมีคนเอาของแข็งขว้างใส่ ประตูห้องล็อคและขังคนไว้ข้างใน แต่สิ่งที่รุนแรงที่สุดคือมาเรียนถูกจับโยนลงจากเตียง และบางทีก็ถูกกดหน้าลงบนหมอนขณะที่นอนคว่ำจนหายใจไม่ออก
ข้อความปริศนาที่ส่งถึงมาเรียน
จนกระทั่งเหตุการณ์เริ่มมาเด่นชัดเมื่อมาเรียนพบข้อความลึกลับที่ถูกเขียนไว้บนผนังว่า “ได้โปรดช่วยด้วยและกรุณาสวดมนต์” และข้อความเหล่านี้เลือนหายไปในอีก 2-3 วัน และก็มีข้อความอื่นๆตามมาในภายหลังคราวนี้เป็นข้อความที่ส่งถึงเธอโดยตรง เช่น “มาเรียนช่วยด้วย” และ “มาเรียน สวดมนต์” ซึ่งเธอก็พยามที่จะติดต่อกับวิญญาณที่ไม่รู้จักด้วยการลองเขียนลงไปบนซองจดหมายว่า “ต้องการอะไร” หลายวันต่อมา บนซองมีข้อความตอบกลับมาว่า “พักผ่อน” เรื่องราวก็ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องจนกระทั่งครอบครัวนี้ย้ายออกไป
บ้านพักบอร์ลี่ในปี 1892
ย้อนกลับไปในปี 1929 เดลิมิลเลอร์ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านวิญญาณชื่อ แฮร์รี ไพร์ซ์ เข้ามาสำรวจภายในบ้าน และไพรซ์ก็ได้พบกับเหตุการณ์ที่ตัวเขาถูกปาด้วยก้อนกรวดอย่างลึกลับและเมื่อเข้าไปในบ้านก็ได้พบเห็นของถูกเหวี่ยงข้ามไปมาในบ้าน ผู้ช่วยของเขาพบเห็นแม่ชีและแสงไฟประหลาดในบ้าน เมื่อครอบครัวของพระอธิการฟอสเตอร์ย้ายออก ไพรซ์ก็ได้ขอเช่าบ้านบอร์ลีย์เพื่อศึกษาอย่างละเอียดจนได้พบกับสาเหตุสำคัญที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวลึกลับที่เกิดขึ้นภายในบ้านหลังนี้
ประตูโค้งที่มักจะเกิดเหตุการณ์ของเคลื่นที่
ปมที่ไพรซ์ได้รู้ต่างจากตำนานที่ชาวบ้านเคยรู้ มันไม่ใช่เรื่องรักใครๆ โศกนาฏกรรม ไพร์ซ บังเอิญติดต่อกับวิญญาณที่อยู่ในบ้านตนหนึ่งมีชื่อว่าแมร์รี่ ไลร์เลย์ เธอเล่าว่าเธอเคยเป็นแม่ชีอยู่ที่ฝรั่งเศส และได้ย้ายมาแต่งงานกับเศรษฐีที่ดิน บ้านเคยตั้งอยู่บนที่ๆ เดียวกับบ้านหลอนหลังนี้ เธอถูกสามีรัดคอจนตายและนำไปฝังไว้ในห้องใต้ดิน เธอต้องการที่จะหลุดพ้นจากการกักขังนี้ จากเรื่องราวนี้เปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ที่ต่อกันจนสมบูรณ์ แต่ไพรซ์เนื่องจากเป็นแค่ผู้เช่าบ้านก็ไม่สามารถทำอะไรได้ไปมากกว่าการรับฟังและรับปากว่าจะหาทางช่วย
ภายในอุโมงค์ใต้ดิน
หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี บ้านพักบอร์ลี่ก็ได้เจ้าของใหม่อีกครั้งและเป็นเจ้าของคนสุดท้าย วันหนึ่งขณะที่นายเกร็กสัน กำลังจัดหนังสือเพื่อเข้าชั้นอยู่ในบ้าน ได้พลาดไปปัดตะเกียงน้ำมันจนล้มและไฟได้ลุกไหม้กองหนังสือ จนลามติดกับตัวบ้านส่งผลให้บ้านทั้งเกิดไฟไหม้จนเหลือแต่ซาก เวลาต่อมาไพรซ์ได้ถือโอกาสนี้ลองขุดตรงจุดที่วิญญาณได้บอกก็พบกับซากกองกระดูกผุๆถูกฝังไว้บริเวณห้องใต้ดินและได้เชิญบาทหลวงมาสวดให้
ซากของบ้านที่หลงเหลืออยู่
อีกด้านของตัวบ้าน
แต่ความเฮี้ยนก็ยังคงเหลืออยู่แม้ว่าบ้านจะกลายเป็นเถ้าถ่าน รูปด้านล่างคือรูปที่ไพรซ์ถ่ายเอาไว้ ในวงสีเหลืองจะเห็นก้อนหินที่ลอยออกมาจากตัวบ้าน อีกทั้งวิญญาณแม่ชีก็ยังโผล่มาให้ชาวบ้านละแวกนั้นเห็นเสมอ
อาจจะเป็นเพราะยังมีวิญญาณที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระอยู่ก็เป็นได้
ที่มา : harrypricewebsite.co.uk