กระแสเทรนด์หน้าเด้งขาวกระจ่างใสมาแรงจนฉุดไม่อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดารา-นักร้องสมัยนี้ แค่เสกมนต์ปุ๊บ ก็ได้หน้าขาวใสเด้งปั๊บ ด้วยวิธีและเทคโนโลยีใหม่ๆ ตั้งแต่การใช้เครื่องมือเครื่องไม้อย่าง การทำเลเซอร์ หรือทางลัดง่ายๆ ด้วยการฉีดสารที่ทำให้ผิวขาวใสเข้ากระแสเลือด

“เลเซอร์” ผู้ช่วยอันดับหนึ่งของความขาวใส

เมื่อก่อนใครไปทำเลเซอร์ ต้องขอหลบลี้หนีสังคมไปพักหนึ่ง เพื่อให้รอยแดงที่โดนแสงเลเซอร์ลดเลือนลงก่อน แต่ตอนนี้เลเซอร์เปี๊ยนไป๋!!! เพราะนวัตกรรมใหม่ ถูกพัฒนาให้เอื้อต่อความต้องการของมนุษย์มากขึ้น

พญ. พรหมพักตร์ คณาสวัสดิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณเจ้าของ พรรณทิพย์ คลินิก เผยว่า ช่วงเวลา 10 ปีมานี้ วิวัฒนาการของการทำเลเซอร์เปลี่ยนไปมาก จากที่คนไข้ต้องทนแสบร้อน และมีผลข้างเคียงที่ทำให้ใบหน้าแดงหลังการทำเป็นสัปด าห์ ตอนนี้แค่ระยะเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง คนไข้ก็สามารถไปทำงานหรือออกงานต่อได้เลย “ดาราหรือคนดังสมัยนี้ทำเลเซอร์กันเยอะ เพราะปลอดภัยและเห็นผลได้ทันตาใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโม งกว่า ก็สามารถออกงานได้เลย อย่างเครื่อง MCS เทคโนโลยีล่าสุดจากอเมริกา บวกกับการรักษาด้วยเครื่องผลักยา แทนการฉีดยาทำให้คนไข้รู้สึกปลอดภัยและเห็นผลชัดเจนม ากขึ้น จนแทบไม่ต้องยิงซ้ำหลายรอบเหมือนเมื่อก่อน”

สำหรับสาวใดที่สนใจอยากจะขาวเด้งด้วยเลเซอร์นั้น แพทย์หญิงพรหมพักตร์ ให้คำแนะนำว่า ใคร ที่อยากทำเลเซอร์เพื่อให้หน้าดูขาวใส ลบรอยฝ้ากระ และจุดด่างดำ ควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องถามยี่ห้อและรุ่นของเครื่องเลเซอร์ให้ทราบอย่างช ัดแจ้ง และเดี๋ยวนี้เว็บไซต์ของเครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐาน โลก จะระบุสถานบริการไว้ในเว็บไซต์ เพื่อให้ลูกค้าเช็คได้ว่าคลินิกไหนใช้เครื่องเลเซอร์ ของจริง”
หน้าใสเด้งด้วย Growth factor

เมื่ออายุย่างเข้าสู่เลข 3 เซลล์ต่างๆ เริ่มเสื่อมลง แม้แต่ใบหน้าเองก็เริ่มเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ วุฒิศักดิ์ คลินิก จึงปิ๊งไอเดีย หาวิธีลดอายุผิวและฟื้นฟูสภาพผิวด้วยการดึง Growth factor จากเจ้าของผิวเองมากระตุ้นพลังงานของเซลล์ผิวจากภายใ นด้วยการฉีด เริ่มด้วยดูดเลือดออกจากร่างกายเจ้าของผิวในปริมาณ 10 CC แล้วนำเลือดมาปั่นเพื่อให้ได้ Growth factor เข้มข้น แล้วจึงฉีดกลับเข้าสู่ใบหน้าของเจ้าของผิว ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งคล้ำ หรือผิวหน้าโทรม เ่ยว ผิวร่วงโรย ขาดการบำรุง มีรอยตีนกา และกล้ามเนื้อหดตัว

ทางคลินิกเผยว่า วิธีนี้สามารถทำได้ทั้งใบหน้าและลำคอ ซึ่งช่วงแรกจะทำ 1 ครั้งต่อ 2 อาทิตย์ พอฟื้นฟูได้จนแพทย์และคนไข้พอใจแล้ว ก็จะนัดทำเดือนละครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง วิธีการนี้สามารถทำได้เรื่อยๆ จนกว่าเจ้าของผิวจะพอใจ การฟื้นฟูผิวด้วยวิธีนี้ ยังไม่พบว่ามีอาการข้างเคียงหรือผลเสียต่อคนไข้ แต่ก่อนที่คนไข้จะมารับการรักษา คนไข้ต้องดูแลตัวเองโดยการกระตุ้นให้ร่างกายผลิต Growth factor มากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการนอนหลับให้เพียงพอ ไม่ทานคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป ทานอาหารเสริมและวิตามินที่ทางคลินิกได้จัดให้

อย่างไรก็ตาม การจะรักษาผิวให้ดูขาวกระจ่างใส ก็อย่าลืมปกป้องผิวให้พ้นจากแสงแดด ด้วยการทาครีมกันแดดที่มี SPF และทายาเพื่อลดการสร้างเม็ดสี และคอนโทรลการสร้างเม็ดสีให้น้อยลงควบคู่ไปด้วย

ขาวใสทันใจด้วยการฉีดสารเข้าเส้น !?!

เทรนด์ล่าสุดที่กำลังมาแรงคือ การฉีดสารเพื่อทำให้หน้าใสเด้งทันใจ ด้วยราคาที่เริ่มต้นต่ำกว่าพันบาทไปจนถึงหลายพันบาท จึงทำให้เหล่าดารา นางแบบ ไปจนถึงหนุ่ม-สาววัยรุ่นแห่กันไปใช้บริการฉีดอย่างล้นหลาม

แม้ อย. หรือวงการแพทย์จะออกมาเตือนผู้ที่ต้องการสวยแบบทางลั ดว่า การฉีดสารต่างๆ เพื่อให้ผิวขาวใสเข้าสู่ร่างกายทางกระแสเลือด โดยเฉพาะ สาร “กลูต้าไธโอน” ที่ทำให้ผิวขาวใส แต่ก็ทำให้ไตทำงานหนักจนเป็นโรคไตวายได้ แต่ล่าสุด NC24 Vit C+Collagen จากญี่ปุ่น กลายเป็นนางเอกที่หนุ่มๆ สาวๆ เลือกฉีดพร้อมกับกลูต้าไธโอน ให้สาวๆ ทั้งผิวเต่งตึงและขาวใสในขั้นตอนเดียว

คลินิกที่บริการฉีดสารเหล่านี้บางแห่งเผยว่า สารตัวนี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด เพราะเมื่อร่างกายได้รับไปแล้ว ก็จะขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะ และควรฉีดทุกอาทิตย์ ติดต่อกัน 2 เดือน และหลังจากนั้นฉีด 2 อาทิตย์ต่อ 1 ครั้ง และหากเพิ่มความขาวใส ต้องฉีดคู่กับกลูต้าไธโอน

ภูริ พัชร ต้นบุษบก บรรณาธิการความงามอาวุโสของนิตยสารเปรียว เผยว่า ปัจจุบันการฉีดสารที่ทำให้ผิวกระจ่างใสมีด้วยกันหลาก หลายชนิด และแต่ละชนิดก็ให้คุณสมบัติและผลข้างเคียงที่แตกต่าง กันออกไป ดังนั้น หากคุณต้องการเลือกฉีดสารเพื่อให้ผิวกระจ่างใส ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า สารดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายถึ งชีวิต

แม้ สาวๆ หลายคนจะเลือกมีผิวขาวใสและสวยทางลัด แต่เนื่องจากวิธีเหล่านี้ ยังไม่มีใครมารับรองผลว่าปลอดภัยหรืออันตรายมากน้อยแ ค่ไหน จึงขอเตือนว่าอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาหรือคำชักชวนจากเพื ่อนๆ ทางที่ดีเลือกสวยด้วยวิธีแบบธรรมชาติจะดีกว่าไหม !?!






ที่มา .. ผู้จัดการออนไลน์