https://www.yaklai.com/lifestyle/special-article/genoside-in-cambodia-ep1/

กัมพูชา ประเทศที่ประวัติศาสตร์ยาวนาน ซึ่งเห็นได้จาก นครวัด ที่ยืนตระหง่านมานับพันปี แต่ประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมาต้องมามีจุดด่างพร้อยเมื่อ “กองทัพเขมรแดง” ผู้ที่เหมือนเงายมทูตได้ก้าวมายึดครองแผ่นดินแห่งนี้ ระยะเวลาเพียงแค่ 4 ปี ชาวเขมรนับล้านกลับเหลืออยู่รอดเพียงไม่กี่แสนคน วันนี้เราจะนำพาทุกท่านดิ่งลงไปในห้วงลึกของประวัติศาสตร์แห่งความโหดร้ายที่ไม่น่าเชื่อว่า มนุษย์จะทำกับมนุษย์ได้ลง

ทหารในกองทัพเขมรแดงในวันที่ยังเป็นฮีโร่ในสายตาของประชาชน ภาพ : huffingtonpost.com

ก่อนอื่นขอกล่าวถึง กองทัพเขมรแดง (Rouge Khmer) ที่นำโดย พอล พต ได้นำพากองทัพที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามใต้ให้เข้ามายึดอำนาจจาก นายพลลอนนอล ที่ชาวกัมพูชาระอา เนื่องจากเกิดปัญหาข้าวยากหมากแพง ล้มเหลวในการบริหารประเทศ พอกองทัพเขมรแดงเข้ามา ประชาชนต่างพากันดีใจเพราะคิดว่าจะได้พ้นจากความเป็นอยู่อันแร้นแค้นและสภาพบ้านเมืองที่ไร้ระเบียบเสียที

ประชาชนแห่มาต้อนรับดีใจกับเหล่ากองทัพเขมรแดงที่เข้ามายึดอำนาจจากนายพลลอน นอลในปี 1975 ภาพ : time.com

แต่แล้ว พอล พต ก็บดขยี้ความหวังของทุกคนในประเทศลง เริ่มต้นด้วยการยกเลิกธนาคาร ธนบัตร ไม่มีการค้าขาย โดยชูแนวคิดที่ว่า “มนุษย์จะต้องการอะไรไปกว่า ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์” ทุกคนในประเทศคือเกษตกร ผลผลิตทุกอย่างเป็นของรัฐและรัฐมีหน้าที่แจกจ่ายให้ประชาชนอย่างเหมาะสม

สื่อโฆษณาชวนเชื่อของเขมรแดง ภาพ : tuolsleng.com/

ประชาชนขนข้าวของย้ายออกจากเมืองเพื่อไปเป็นกรรมาชีพตามนโยบาลของท่านผู้นำพอล พต ภาพ : thesaunders.wordpress.com

หลังจากนั้นก็เกณฑ์ประชาชนทุกคนอพยพเดินทางออกนอกเมืองหลวงเพื่อพาทุกคนไปเป็น “ชาวนา” ในขั้นตอนนี้คือการคัดแยก เหล่าปัญญาชน นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ใดก็ตามที่อ่านหนังสือออก หรือแม้กระทั่ง “ฝ่ามือนิ่ม” ก็จะถือว่าผู้คนเหล่านั้นคือภัยของประเทศ จำเป็นต้องได้รับการกำจัดเพื่อทำให้อันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศหายไป ดังนั้นประชาชนจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือคนที่จะไปเป็นชาวนาที่นอกเมือง และอีกส่วนหนึ่งก็คือคนที่จะต้องไปอยู่ที่ “คุกตวล สเลง”

“ยินดีต้อนรับสหายทุกคนเข้าสู่ตวล สเลง”

ที่แห่งนี้คือโรงเรียนมัธยมเก่า ถูกกองทัพเขมรแดงดัดแปลงจากที่ๆ ให้อิสรภาพทางความคิด ให้ความรู้เพื่อที่จะออกไปสู่โลกกว้างภายนอก กลับกลายมาเป็นที่จองจำทั้งความคิด อิสรภาพ รวมไปถึงจองจำลมหายใจ อาคารเรียน 3 ชั้นสองหลัง โดยหลังหนึ่งนั้นห้องแต่ละห้องด้านในถูกทำเป็นห้องสอบสวนและห้องทรมานไปในคราวเดียวกัน อีกหนึ่งหลังถูกล้อมด้วยรั้วลวดหนามไปจนถึงชั้นสาม ทุกห้องถูกเจาะทะลุถึงกันทั้งชั้นและกั้นผนังให้เป็นช่องๆให้กลายเป็นห้องพักของนักโทษ

สภาพภายในห้องคุมขังนักโทษ ภาพ : timetravelturtle.com

สภาพภายในห้องคุมขังนักโทษ ภาพ : timetravelturtle.com

สภาพความเป็นอยู่ของนักโทษจัดอยู่ในขั้นที่เรียกว่าโหดร้าย อาหารไม่เพียงพอ เป็นที่รู้กันว่านักโทษจะได้รับอาหารซึ่งเป็นเพียงข้าวต้มชั้นเลว คนละประมาณ 3 ช้อนชา เมื่อความหิวโหยมาถึงขีดสุด นักโทษจึงจำใจต้องจับจิ้งจก หรือแมลงที่บินหลงเข้ามากินประทัง ซึ่งก็ต้องแอบทำโดยไม่ให้ผู้คุมเห็น เพราะที่นี่ผู้คุมคือ “เจ้าชีวิต”

ในบรรดานักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ภายในคุกตวล สเลง อย่างที่กล่าวไปข้างต้นคือ บุคคลที่มีความรู้ อ่านออกเขียนได้ ซึ่งรวมไปถึงครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้น ไม่แปลกใจเลยที่ภายหลังจะมีรูปของเด็กที่ถูกนำเข้ามาคุมขังพร้อมผู้ปกครองเข้ามาเป็นสมาชิกอยู่ในนี้

ภายคุกมีกฎระเบียบข้อบังคับที่ให้นักโทษปฏิบัติตาม ซึ่งถ้าอ่านดูแล้วก็จะรู้สึกเหมือนกันว่า มันช่างเป็นกฎที่โง่เง่าเท่าที่มนุษย์จะคิดได้ ตัดความเป็นมนุษย์ของผู้ต้องทำตาม ดังนี้

1. ตอบคำถามของเราทุกคำถามและห้ามปฏิเสธ

2. ห้ามโกหก ห้ามปฏิเสธ และห้ามเถียง

3. อย่าทำตัวโง่ๆ เพราะคุณเป็นคนที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงของพวกเรา

4. เวลาถูกถามคำถามใดๆ ต้องตอบทันที ไม่ต้องคิด

5. ห้ามพูดหรือแสดงความเห็นที่เป็นการต่อต้าน

6. ระหว่างที่ถูกลงโทษ “อย่า” ร้องไห้และห้ามส่งเสียงใดๆ แม้แต่นิดเดียว

7. ถ้าไม่มีคำสั่งใดๆ จงอยู่นิ่งๆ นั่งและรอคอยคำสั่ง ถ้ามีคำสั่งต้องปฏิบัติตามอย่างทันทีโดยไม่มีข้อสงสัย

8. อย่าพยามโกหกเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกต่อต้านพวกเรา

9. ถ้าไม่ปฏิบัติตามระเบียบด้านบน จะโดนช็อตด้วยไฟฟ้า

10. ถ้าถ้าฝ่าฝืนข้อใดข้อหนึ่งจะโดนเฆี่ยนด้วยแส้ 10 ครั้ง ช็อตด้วยไฟฟ้า 5 ครั้ง

ตอนหน้าจะพาไปชนหัวลุกกับกรรมวิธีการสอบสวนนักโทษที่เรียกได้ว่า ปีศาจเท่านั้นที่คิดวิธีได้

ที่มา tuolsleng.com/