ภัยธรรมชาติถือเป็นสาเหตุที่ทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆจะต้องเจอกับความสูญเสียหลายอย่างที่ไม่มีใครคาดถึง ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุหรือภาวะข้าวยากหมากแพง ที่ทำให้ต้องเสียเพื่อนมนุษย์ เสียความสมดุลทางสิ่งแวดล้อมอีก ลองมาดู 10 อันดับกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
10. Cyclone Bhola
ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ปี 1970 พายุ Cyclone Bhola ได้ถล่มเข้ามาในประเทศบังคลาเทศ และคร่าชีวิตมนุษย์มากถึง 500,000-1 ล้านกว่าคน ถือเป็นพายุลูกหนึ่งที่คร่าชีวิตมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งยังทำให้ประชาชนหลายแสนกว่าคนอดอยากปากแห้งจากความเสียหายของพายุลูกนี้ ซึ่งทางรัฐบาลเองก็เหนื่อยเอาการในการให้ความช่วยเหลือกับประชาชนที่ไร้ที่อยู่อาศัยและขาดอาหารและน้ำ โดยขนกองทัพทหารช่วยเหลือจำนวนมากเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านี้โดยเฉพาะ
9.The Great Blizzard
เป็นพายุหิมะที่เข้ามาถล่มอย่างหนักในประเทศอเมริกาในช่วงวันที่ 12-13 มีนาคม ปี 1993 ทำให้หิมะในพื้นที่ปกคลุมหนาถึง 12-13 นิ้วเลยทีเดียว และก็คร่าชีวิตมนุษย์ถึง 310 คนจากภาวะอุณหภูมิต่ำ ซึ่งตอนแรกก็มีการทำนายไว้ก่อนอยู่แล้วว่า พายุหิมะกำลังจะเข้ามา แต่กลับพบว่าอุณหภูมิกับมีความผันผวนสูงมาก จนไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะร้ายแรงมากถึงขนาดนี้ และยังมาเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ คร่าชีวิตผู้คนยังไม่พอ แต่ยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมากอีกด้วย
8.Great Chilean Earthquake
เป็นแผ่นดินไหวในประเทศชิลีในช่วงวันที่ 22 เดือนพฤษภาคม ปี 1960 ที่คร่าชีวิตมนุษย์มากเกือบถึง 6000 คน ทั้งยังวัดระดับความสั่นสะเทือนได้มากถึง 9.5 ซึ่งเป็นแรงสั่นสะเทือนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยได้บันทึกมา ผลที่ตามมาก็คือ เกิดสินามิขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของประเทศชิลี ทั้งประเทศอื่นๆเองก็ได้รับผลกระทบอีกด้วยและสร้างความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจเป็นจำนวนมากหลายพันล้าน
7.Lake Nyos Carbon Dioxide
เป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมากอย่างหนึ่งในภัยธรรมชาติ ในช่วงวันที่ 21 สิงหาคม ปี 1986 ที่ทะเลสาบ Nyos มีการปล่อยสารคารบอนไดอ็อกไซด์ออกมาในน้ำ ทำให้คนใช้บริการทะเลสาบเสียชีวิต 1600 คน และยังทำให้เสียระบบนิเวศทางธรรมชาติไป และตอนนี้ก็ถือเป็นทะเลสาบที่น่าสะพรึงกลัวมาก
6.Kobe Earthquake
ในวันที่ 17 มกราคม ปี 1995 ในประเทศญี่ปุ่น ณ เมืองโกเบ ได้มีแผ่นดินไหว 6.8 ริกเกอร์ ทำให้ผู้คนเสียชีวิตมากถึง 6000 คน ถือเป็นภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่งในช่วงศตวรรษที่ 20 มูลค่าเสียหายมากถึง 100 ล้านล้าน
5.สินามิประเทศญี่ปุ่นกับวิกฤติการณ์โรงงานนิวเคลียร์
แผ่นดินไหว 9.0 ริคเกอร์ได้ถามหาเมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่นในช่วงวันที่ 11 มีนาคม ปี 2011 ถือเป็นโศกนาฎกรรมที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของโลกที่เจอทั้งสินามิและโรงงานนิวเคลียร์ได้รับความเสียหาย และความเสียหายนั้นยากที่จะประเมินมูลค่าได้ มีผู้เสียชีวิตมากถึง 20000 คน
4.สินามิที่มหาสมุทรอินเดีย
ในวันที่ 26 ธันวาคม ปี 2004 เกิดแรงสั่นสะเทือนถึง 9.3 ที่ตอนแรกก็เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลก่อนบริเวณประเทศอินโดนีเซีย และแรงแผ่นดินไหวสะเทือนนี้ ก็ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สินามิขึ้นมา ทำให้ประเทศแถบนั้นได้โดนคลื่นยักษ์สินามิเล่นงานหลายประเทศที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศอินโดนีเซีย แถบตอนใต้ของประเทศไทย ประเทศมาเลเซียและก็ประเทศอื่นๆอีกจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิตมากถึง 220,000 คน และก็ประเมินความเสียหายส่วนอื่นยังไม่ได้
3.Haiyuan Earthquake
มีแรงสั่นสะเทือนถึง7.8 ในวันที่ 16 ธันวาคม ปี 1920 ทำให้เมือง Haiyuan ประเทศจีน ได้รับแผ่นดินไหว ที่เล่นเอาผู้คนช็อคไปตามๆกัน คร่าผู้คนไปถึง 235,000 คน ทั้งยังได้รับการบันทึกว่าเป็นแผ่นดินไหวที่ร้ายแรงที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของโลก ทั้งยังสร้างความเสียหายทางการเงินเป็นจำนวนมหาศาล บ้านเรือนผู้คนก็พังทลายหลายหลังจนไม่มีที่อยู่อาศัย และยังลามไปถึงแถบมลรัฐอื่นๆด้วย
2.Great China Floods
ที่ประเทศจีนได้เจอกับวิกฤตการณ์น้ำท่วมเลวร้ายที่สุดในโลกในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งในตอนแรกปี 1930 ก็เจอกับภัยธรรมชาติส่วนหนึ่งเล่นงานเข้าให้ ทั้งเจอพายุ เจอฝนตกกระหน่ำอย่างหนักและฝนมันก็ตกลงมากระหน่ำมากขึ้นต่อเนื่องจนมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นที่ผู้คนในประเทศจีนเองก็ตกใจ ยังไม่พอก็โดนพายุเข้าเล่นงานซ้ำอีก แล้วในปี 1931 ก็มาถึงจุดขีดสุด ทำให้เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมที่สร้างความเสียหายในวงกว้าง เล่นเอาผู้คนต้องหนีชีวิตรอดอย่างเอาเป็นเอาตาย มีผู้เสียชีวิตมากถึง 4 ล้านคน จนทำให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์ต้องออกมาตรการรับมือปัญหานี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก (แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถต้านทานแรงน้ำท่วมได้ ที่บางครั้งประเทศเองก็มักจะประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่) แต่ยังไงก็ถือเป็นภัยธรรมชาติที่ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นภัยธรรมชาติที่มีผู้คนเสียชีวิตมากที่สุดในโลก
1.ภาวะขาดเคลนอาหารที่ Bengal
ในช่วงปี 1769 รัฐ Bengal ประเทศบังคลาเทศ ได้เผชิญกับภาวะอดอยากปากแห้งที่ร้ายแรงที่สุด คร่าชีวิตผู้คนมากถึง 10 ล้านคน ที่มีสาเหตุมาจากการผลผลิตเก็บเกี่ยวยังขาดแคลนอยู่มากจากแม่น้ำสายสำคัญได้ลดระดับลงไปและก็มีต้นเหตุมาจากบริษัทข้ามชาติตัวแสบอย่าง British East India Company ที่ครอบครองพื้นที่รัฐนี้และก็ยังใช้กฎเหล็กในการดำเนินทั้งนโยบายและมาตรการต่างๆเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองลูกเดียวโดยไม่คำนึงถึงประชาชนเลย แล้วจากนั้นก็มาถึงภาวะอดอยากปากแห้งเต็มตัวในช่วงปี 1971 ที่ผู้คนขาดแคลนอาหารการกินแบบชนิดเรียกได้ว่าสามารถกินเนื้อคนกันเองได้เลยทีเดียว และก็ขยายบริเวณพื้นที่กว้างมากขึ้น จนกระทั่งเหตุการณ์สิ้นสุดในปี 1773 ที่สามารถฟื้นตัวกลับคืนมาได้สู่สภาวะปกติ
ผู้เขียน Mr.lawrence10
">
ขอบคุณที่มา: http://pantip.com/topic/31943050