Horror Story! 5 เรื่องราวปริศนา ที่น่าเอามาสร้างเป็นหนัง

https://www.yaklai.com/entertainment/5-true-stories-that-should-be/

Horror Story! 5 เรื่องราวปริศนา ที่น่าเอามาสร้างเป็นหนัง

 

จะเรียกว่าเป็นความนิยมของนักสร้างหนังเลยก็ว่าได้ กับการติดเครดิตห้อยท้าย “สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริง” และทริกเล็กๆ แบบนี้นี่แหละครับ ที่มันจะไปสร้างแรงกระตุ้นต่อม ‘อยากรู้อยากเห็น’ ของเหล่าคอหนังได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะ คดีปริศนาต่างๆ การหายตัวไป หรือการฆาตรกรรมสุดโหดโฉดพิศดาร ยิ่งเร้าอารมณ์อยากรู้ฝุดๆ ยกตัวอย่างเช่น THE TEXAS CHAINSAW หนังที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพฤติกรรมอันสุดสยองของฆาตรกรต่อเนื่อง “เอ็ดเวิร์ด ธีโอดอร์ กีน” เขาช็อคโลกด้วยการฆ่าเหยื่อและชำแหละเนื้อมากิน อีกทั้งยังนำชิ้นส่วนต่างๆ ของเหยื่อมา DIY เป็นทั้งเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับอีกด้วย

 

ในเมื่อมุก “เค้าโครงเรื่องจริง” มันเวิร์ค! เว็บไซต์ kornang.com จึงได้รวบรวม 5 เรื่องราวชวนขนลุก ที่น่าจะถูกจับมาสร้างเป็นหนังมากที่สุด มาให้ได้ชมกัน ส่วนจะมีคดีพิศวงอะไรยังไงไปดูกันเลยฮ้าฟฟว์

1. ปริศนาเรือแมรี เซเลสเต (Mary Celeste)

 

จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้แน่นอนว่า เกิดอะไรขึ้นบนเรือ ‘แมรี เซเลสเต’ ปริศนาทุกอย่างยังคงอยู่ในเงามืดพร้อมกับคน 10 คนที่หายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ‘แมรี เซเลสเต’ เป็นเรือสัญชาติอเมริกาขนาด 103 ฟุต 282 ตัน เดิมเป็นเรืออเมซอน ซึ่งถูกสร้างในปี 1861 และในปี 1869 แล้วถูกปรับปรุงและเปลี่ยนชื่อเป็น ‘แมรี เซเลสเต’ ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 1872 เรือแมรี เซเลสเต ออกเดินทางจากนิวยอร์คมุ่งไปยังเจนัว ประเทศอิตาลี ภายในเรือบรรทุกเอทิลแอลกอฮอล์ 1,701 บาร์เรล บังคับการเดินเรือโดยกัปตัน เบนจามิน บริกก์ส และลูกเรือ 7 คน มีผู้โดยสาร 2 คนคือภรรยาและบุตรสาววัย 2 ปีของกัปตันบริกก์ส

วันที่ 4 ธันวาคม ปีเดียวกัน เรือ Dei Gratia พบแมรี เซเลสเต ลอยลำอยู่ในอ่าวโปรตุเกส หลังจากสังเกตการณ์เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว ก็ลงความเห็นว่าอาจจะมีเหตุฉุกเฉินบนเรือแมรี เซเลสเต แม้ว่าจะไม่ได้รับสัญญาณขอความ ช่วยเหลือ กัปตันเรือ Dei Gratiaจึงได้ส่งเรือเล็กพร้อมลูกเรือจำนวนหนึ่งไปยังแมรี เซเลสเต แต่เมื่อไปถึง กลับไม่มีใครอยู่บนเรือเลย คนทั้ง 10 คนหายสาบสูญราวกับละลายไปในอากาศ

 

ตามรายงานกล่าวว่า เรือเปียกทั้งลำ แต่ยังอยู่ในสภาพที่เดินเรือได้ นาฬิกาไม่ทำงานและเข็มทิศถูกทำลาย แต่สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือ ทุกอย่างบนเรืออยู่ในสภาพราวกับว่าเพิ่งมีคนอยู่ที่นั่นจนเมื่อครู่ และพวกเขาพากันจากไปอย่างเร่งร้อน ขนมปังและจานซุปยังวางอยู่บนโต๊ะ (บางข่าวบอกว่าซุปยังร้อนอยู่ด้วยซ้ำ) ไปป์ถูกวางไว้รอจุดไฟ รองเท้าบูทถูกวางทิ้งทั้งๆ ที่ยังขัดค้างไว้อยู่ มีรอยเลือดเหลืออยู่บนราวรั้วของเรือ และมีการพบดาบเปื้อนเลือดใต้เตียงนอนของกัปตัน บันทึกเดินเรือถูกฉีกขาดไปหลายหน้า แต่ก็ไม่มีร่องรอยอย่างอื่นว่าคนทั้ง 10 หายไปไหน และก็ไม่มีใครได้เห็นพวกเขาอีกเลย

จริงๆ มีการสันนิษฐานไปต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นบนแมรี เซเลสเต บ้างก็ว่าเพราะเจอสัตว์ประหลาดปลาหมึกยักษ์ บ้างก็ว่าเพราะไอระเหยของเอทิลแอลกอฮอล์ ทำให้พวกเขาเห็นภาพลวงตา บ้างก็ว่าเพราะอาหารที่เก็บไว้นานจนเกิดสารพิษ นอกจากนี้เซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ ได้นำเรื่องของแมรี เซเลสเต ไปดัดแปลงเขียนเป็นเรื่องสั้น โดยเปลี่ยนชื่อเรือเป็น Marie Celeste

 

2. คดี “Mystery of the Somerton Man”

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 1948 เวลา 6.30 น. มีผู้พบศพชายลึกลับนอนเสียชีวิตอยู่ในบนชายหาดซอเมอร์เซ็ต ในแอดิเลด ออสเตรเลีย โดยชายลึกลับนั้นคาดว่าจะเป็นชาวอังกฤษ อายุประมาณ 40-45 ปี สูงประมาณ 180 เซนติเมตร รูปร่างเหมือนนักเต้นบัลเล่ต์หรือไม่ก็เคยเป็นนักกีฬามาก่อน สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาวสีน้ำตาลดูดีมียี่ห้อ

 

จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุสาเหตุการตายที่แท้จริง แต่ก็เชื่ออย่างเหลือเกินว่านี่ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย และเมื่อตรวจค้นร่างกายพบกระดาษเขียนคำว่า “Taman Shud” กระดาษถูกตกแต่งอย่างประณีต แต่ปัญหาคือไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน แม้ว่าจะมีการแพร่ภาพของเขา หรือลอยพิมพ์นิ้วหัวแม่มือไปทั่วโลก ก็ไม่พบคนที่อ้างตัวที่สามารถระบุได้ว่า ผู้ตายเป็นใคร คดีจึงถูกเรียกว่า “Mystery of the Somerton Man” และยังเป็นคดีลึกลับและน่าพิศวงจนได้รับจารึกว่าเป็นคดีซับซ้อนและลึกลับที่สุดของออสเตรเลียตลอดกาล ต่อมาในวันที่ 14 มกราคม 1949 มีการพบกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลที่คาดว่าจะเป็นของชายผู้นี้ ภายในมีของใช้ต่างๆ มากมาย ไม่ว่า กางเกง ชุดนอน และอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ แต่ชื่อหรือหลักฐานที่จำเป็นที่ระบุตัวกลับถูกลบหรือไม่ก็ถูกเอาออก

 

3. ปริศนาการตายของ Elisa Lam

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 ที่ผ่านมา Elisa Lam นักศึกษาจากแวนคูเวอร์ แคนาดา อายุ 21 ปี ถูกพบเป็นศพใน แทงค์น้ำบนหลังคาของโรงแรม cecil, L.A. เจ้าหน้าที่เขตได้ระบุสาเหตุการตายว่า “อุบัติเหตุเนื่องจากจมน้ำ” และจากการตรวจพิสูจน์ศพ ไม่พบสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ในร่างกาย หลังจากนั้นไม่นานได้มีคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดในลิฟต์ของโรงแรม cecil ที่จับภาพ Elisa Lam ได้ก่อนที่จะเสียชีวิต

 

จากคลิปจะเห็นว่าเธอได้กดปุ่มลิฟต์ทุกชั้นในตอนที่เธอเข้าลิฟต์ครั้งแรก แต่จะสังเกตเห็นว่า ลิฟต์ไม่ปิดหลังจากเธอยืนรออยู่สักชั่วขณะนึง เธอเริ่มมองไปรอบๆ ลิฟต์ เหมือนจะมองใครอยู่และดูเหมือนเธอจะกำลังซ่อนตัวอยู่ในลิฟต์เหมือนกัน หลังจากนั้นเราจะเห็นเธอ พูดอยู่กับอะไรบางอย่าง สังเกตมือของเธอที่โบกไปมาอย่างผิดธรรมชาติ หลังจากนั้นเธอก็เดินจากไป แล้วลิฟต์ก็ปิดตัวแล้วเลื่อนขึ้นชั้นบนไปเรื่อยๆ เปิด ปิด เปิด ปิด ตามปกติ ???

หลังจากเกิดเหตุการณ์ในคลิปนี้ เธอก็หายตัวไปและถูกพบเป็นศพอยู่ในแทงค์น้ำบนหลังคาของโรงแรม ซึ่งเธอถูกระบุว่าเป็นบุคคลหายสาบสูญเป็นเวลาถึง 2 สัปดาห์ ก่อนถูกพบเป็นศพในแทงค์น้ำ เนื่องจากผู้ใช้บริการภายในโรงแรมพบว่าน้ำในโรงแรมมีรสและกลิ่นผิดปกติ แต่ที่น่าแปลก คือ เธอเข้าไปในแทงค์น้ำได้อย่างไร เพราะโรงแรม cecil ก็มีระบบ censor สัญญาณเตือนว่ามีใครขึ้นไปชั้นบนหลังคาของโรงแรม และที่สำคัญประตูแทงค์น้ำที่เจอศพเธอก็ถูกปิดอยู่ ไม่ได้เปิดออกอยู่แล้วตอนพบศพ แล้วเธอจะปิดประตูแทงค์น้ำเองได้อย่างไรเมื่อเธออยู่ในนั้น ???

 

Elisa Lam Freaky Elevator Video

 

ขอบคุณคลิป : Samet Can Yilmaz

4. The Mothman

 

The Mothman เป็นสิ่งมีชีวิตปริศนา ถูกค้นพบที่รัฐเวสต์ เวอร์จิเนีย มีลักษณะคล้ายๆ ค้างคาวปนตัวม็อธ ลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหวเหมือนค้างคาวบวกผีเสื้อกลางคืน พบเห็นเป็นครั้งแรกเมื่อ 12 พ.ย. 1966 และก็พบเห็นกันเรื่อยมา อาจกล่าวได้ว่าทศวรรษที่ 70-80 นั้น ม็อธแมน ถือเป็นตัวประหลาดแห่งปี เพราะมีข่าวการพบมันหนาหูมากๆ

แรกทีเดียวนั้น ตำรวจและเจ้าหน้าที่คิดว่าเป็นแค่การเล่นพิเรนทร์ของวัยรุ่นหรือพวกจิตป่วนที่คิดจะแต่งตัวเลียนแบบ แบทแมน ซึ่งเป็นทีวีซีรีส์ที่ดังมากๆ ในสมัยนั้น แต่ไปๆ มาๆ กลับดูไม่ใช่เสียแล้ว เพราะ ม็อธแมน ไปเกี่ยวพันกับปรากฏการณ์แปลกๆ น่ากลัวหลายๆ ครั้ง เช่นการถล่มของสะพาน Silver Bridge ตึกถล่ม หรือแม้แต่การปรากฏของ UFO ในหลายๆ ครั้ง เรียกไปเหยียบที่ไหนที่นั่นวายวอดทันที

 

5. Jack the Ripper

เป็นสมญานามของฆาตกรต่อเนื่อง ที่ออกทำฆาตกรรมในย่าน “ไวต์ชาเปล” ซึ่งเป็นถิ่นยากจนใกล้นครลอนดอน ในช่วงครึ่งปีหลังของ ค.ศ. 1888 ชื่อสมญาได้มาจากข่าวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ที่ลงข่าวจดหมายลึกลับที่เขียนถึงสำนักข่าวกลาง โดยผู้เขียนที่อ้างตนว่าเป็นฆาตกร ถึงแม้จะมีการสืบสวนและมีทฤษฎีที่น่าเชื่อถือมากมาย แต่ก็ไม่สามารถบ่งบอกโฉมหน้าที่แท้จริงของฆาตกรได้เลย ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับฆาตกรแจ็ก เดอะ ริปเปอร์ ได้กลายเป็นขนมผสมน้ำยา ระหว่างการค้นคว้าวิจัยอย่างจริงจังทางประวัติศาสตร์ ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดและนิทานพื้นบ้าน การขาดหลักฐานยืนยันที่แน่ชัด ทำให้เกิดมีคำว่า “นักริปเปอร์วิทยา”มาใช้เรียกนักประวัติศาสตร์ และนักสืบสมัครเล่นที่ศึกษาคดีอันโด่งดังนี้ เพื่อกล่าวหาหรือพาดพิงถึงบุคคลต่าง ๆ ว่าคือตัว ริปเปอร์

 

หนังสือพิมพ์ซึ่งมียอดขายเพิ่มสูงมากในช่วงนี้ โทษว่าเป็นเพราะความล้มเหลวของตำรวจที่ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ทำให้ฆาตกรฮึกเหิมได้ใจและท้าทายเหตุการณ์จึงเกิดต่อเนื่องเรื่อยมา ในบางครั้งตำรวจมาถึงที่เหตุเกิดเพียง 2-3 นาที แต่กลับไม่ได้ตัวคนร้าย เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิงที่ออกหาเงินเป็นครั้งคราวด้วยการเป็นโสเภณีฆาตกรรมส่วนใหญ่เกิดในที่สาธารณะหรือกึ่งสาธารณะ เหยื่อทุกรายถูกเชือดคอ หลังจากนั้นซากศพจะถูกหั่นตรงช่วงท้องและบางครั้งที่อวัยวะเพศ คาดกันว่าเหยื่อจะถูกรัดคอให้เงียบเสียงก่อนลงมือฆ่ามีหลายกรณีที่มีการตัดอวัยวะภายในออก จึงมีผู้อนุมานว่าฆาตกรอาจเป็นศัลยแพทย์หรือไม่ก็คนขายเนื้อ ซึ่งยังหาข้อสรุปไม่ได้

 

เป็นอย่างไรบ้างครัช กับการรวบรวมเรื่องราวสุดพิลึกจากเว็บไซต์ kornang.com แต่ละเรื่องที่คัดมาพูดได้คำเดียวเลย…..ขนลุ๊กกกกก !!!!

ขอบคุณข้อมูล : kornang.com

Credit: https://www.yaklai.com/entertainment/5-true-stories-that-should-be/
12 ก.ย. 59 เวลา 05:18 1,451
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...