ไม่รู้ว่ามันคือกี่โค้ง
กับถนนขึ้นลงเขาที่แสนวนเวียนจากเมืองวังเวียง
สุดท้ายก็มาถึงเมืองมรดกโลกที่แสนสงบแห่งนี้
นึกถึงหนังเรื่องสะบายดีหลวงพระบาง
ตอนพระเอกนั่งรถข้ามคืนจากเวียงจันทน์มาตามหานางเอกที่นี่
ลุงคนขับบอกว่า มีอยู่แค่สามโค้งเอง
หนึ่งโค้งซ้าย สองโค้งขวา สุดท้ายคือโค้งอันตราย
พอมาสัมผัสเองจริงๆ มันก็มีแค่สามโค้งอย่างลุงแกว่าในหนังนั่นแหละ...
ผ่านไปสามปีที่ไม่ได้มาหลวงพระบาง
เมืองน่ารักแห่งนี้ยังคงทอดตัวสงบตรงกลางระหว่างน้ำของกับน้ำคาน
วิถีผู้คนยังคงเป็นอยู่อย่างเนิบช้า
แม้ตลอดเวลาจะได้ยินข่าวคราวหนาหู
ว่าหลวงพระบางเปลี่ยนแปลงมากมาย
ประทับใจอย่างที่เห็นบ้าง...ไม่ประทับใจอย่างที่คิดบ้าง...
และแม้สังคมโลกส่วนใหญ่จะรู้จักที่แห่งนี้จากความเป็นมรดกโลก
แต่สุดท้าย วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ย่อมต้องดำเนินต่อไป
ไม่ว่าจะได้รับการคงสถานะเป็นมรดกโลกต่อไปหรือไม่....
หลวงพระบางคงไม่ใช่สาวงามซึ่งสามารถเป็นที่ประทับใจของทุกผู้คน
และคงไม่ใช่สาวงามที่จะอยู่ในความทรงจำของใครต่อใครตลอดกาล
โลกหมุนและความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา
สรรพสิ่งอันเป็นรูปธรรมไม่อาจอยู่คงทนคู่กาลเวลา
หาก"ความรู้สึก"อันเป็นนามธรรมสามารถคงอยู่....
ขณะที่หลายๆเมืองอาจได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกบางส่วน
แต่หลวงพระบางได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกแบบทั้งเมือง
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสถาปัตยกรรม ทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมประเพณี
และจากความทรงจำครั้งแรกเห็นและได้สัมผัส
สามปีจากวันนั้นจนวันนี้
ที่นี่เปลี่ยนไปในทุกด้านของความเป็นมรดกโลก
แต่หากมองจากสายตาที่เป็นกลาง
ท่ามกลางสภาวะโลกไร้พรมแดนที่ถูกครอบงำด้วยทุนนิยมกระแสหลัก
ในความรู้สึกของผม...
หลวงพระบางเธอรักษาความเป็นตัวเองได้อย่างดีที่สุดแล้วล่ะครับ
เหมือนกับการที่เรา"รัก"ใครสักคน
เมื่อวันเวลาผ่านไป
สิ่งที่เป็น "รูปธรรม" ที่สัมผัสได้ไม่อาจ "คงอยู่"
แต่สิ่งที่เป็น "นามธรรม" ที่สัมผัสไม่ได้อาจยัง "คงเดิม"
กับหลวงพระบางเมืองที่รัก-ประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
วันนี้หลายสิ่งที่เห็นเปลี่ยนไป....
แต่ความรู้สึกข้างใน
มันยัง "คงเดิม" อยู่อย่างนั้นตลอดมา
*** ขอบคุณ aikery แห่งบ้าน Oknation ทั้งภาพ และเสียง รวมทั้งบทความน่าอ่านเห็นแล้วชอบมากอยากแบ่งปันให้คนอื่นได้ดูบ้าง ^^ ขอบคุณมากนะคะ