เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ ที่ยังเป็นปริศนาจึงถึงทุกวันนี้

read:http://petmaya.com/17-unsolved-mysteries

เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ ที่ยังเป็นปริศนาจึงถึงทุกวันนี้

บนโลกใบนี้มีเรื่องลึกลับเกิดขึ้นมากมายในอดีตที่ผ่านมา บางเรื่องก็สามารถหาที่ไปที่มาได้ แต่บางเรื่องกลับกลายเป็นปริศนาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ อย่างเช่นเรื่องราวที่เพชรมายาขอนำเสนอให้ชมต่อไปนี้ รับรองว่าคนที่ชื่นชอบเรื่องลึกลับ จะต้องไม่พลาดอย่างเด็ดขาด

ฝนเนื้อที่เคนทักกี (The Kentucky Meat Shower)

วันที่ 3 มีนาคม ปี 1876 ในเมืองบาธเคาน์ตี้ รัฐเคนทักกี ได้เกิดเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุด เพราะจู่ๆ ก็มีชิ้นเนื้อขนาด 5-10 ตารางเซนติเมตร ตกลงมาจากท้องฟ้าจำนวนมากมาย โดยมีผู้ทดลองรับประทานชิ้นเนื้อนี้แล้วระบุว่ารสชาติมันคล้ายกับเนื้อแกะหรือเนื้อกวาง แต่นายพรานคนหนึ่งระบุว่ามันคือเนื้อหมี อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำชิ้นเนื้อไปตรวจสอบ ซึ่งระบุได้ว่า มันเหมือนกับเนื้อเยื่อปอดของม้า หรือไม่ก็ของเด็กทารก ซึ่งมีลักษณะโครงสร้างคล้ายกัน

ชายในหน้ากากเหล็ก (The Man in the Iron Mask)

เรื่องนี้กลายเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานผ่านทั้งวรรณกรรมและภาพยนตร์มากมาย แต่ความจริงในประวัติศาสตร์ค่อนข้างจะแตกต่างจากเนื้อเรื่องของฮอลลีวู้ดพอสมควร ซึ่งหลักๆ ก็คือเรื่องราวของชายสวมหน้ากากเหล็กในต้นศตวรรษที่ 18 ที่ถูกคุมขังอย่างยาวนานถึง 34 ปีในคุกบาสติล เขาถูกดูแลอย่างดี แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามถอดหน้ากากเด็ดขาด ถึงแม้ว่ามีหลายครั้งที่เขาพยายามจะสื่อสารถึงคนภายนอก แต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็ยังเป็นปริศนาที่ไม่มีใครรู้ว่า เขาคือใครกันแน่

ฆาตกรรมลึกลับในฮินเตอร์เคเฟก (Hinterkaifeck Murders)

ฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมและลึกลับที่สุดในฟาร์มฮินเตอร์เคเฟก โดยในปี 1922 ผู้อยู่อาศัยทั้ง 6 คนในฟาร์มที่ห่างไกล ถูกฆาตกรรมสังหารด้วยจอบเพียงด้ามเดียว โดย 2 ใน 6 คน เป็นเด็กอายุ 7 และ 2 ขวบ จาการสืบสวน ตำรวจเชื่อว่าฆาตกรแอบเข้าไปอยู่ในห้องใต้หลังคา เป็นเวลาไม่กี่วัน ก่อนที่จะออกมาฆ่าทุกคนในตอนหลับ และเขายังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นต่ออีกหลายวัน จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า ฆาตกรคือใครกันแน่

นักล่ายามวิกาลต้นฉบับ (The Original Night Stalker)

ชายผู้ก่อคดีมากมายตั้งแต่ปี 1979 โดยมีคดีย่องเบา 120 ครั้ง ข่มขืน 45 คน และฆาตกรรมถึง 12 คน ตำรวจได้สันนิษฐานว่า เขาเป็นชายผิวขาวอายุราว 26-30 ปี แต่งตัวดี ดูไม่เป็นอันตราย แต่เขาก็ไม่เคยถูกจับได้เลย ถึงแม้จะมีฆาตกรที่ก่อคดีเลียนแบบเขา แต่ก็ถูกจับไปหมด จนเขาได้ฉายาว่าเป็นต้นฉบับนักล่ายามวิกาลตัวจริงเสียงจริง

เสียงฮัมลึกลับจากท้องฟ้า (The Hum)

เสียงประหลาดที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าทั่วโลก โดยมีเสียงคล้ายกับแตร หรือบางทีก็คล้ายกับเครื่องจักรกำลังทำงาน มีคลื่นความถี่ต่ำ ปรากฏขึ้นครั้งละหลายๆ นาที โดยที่ไม่สามารถหาที่มาของเสียงดังกล่าวได้ บน Youtube เองก็มีการบันทึกเสียงปริศนานี้ไว้ได้หลายที่เช่นกัน

ปริศนาเรือแมรี เซเลสต์ (The Mary Celeste)

ถ้าพูดถึงเรือผีสิงที่โด่งดังที่สุด จะต้องมีชื่อของเรือแมรี เซเลสต์ เป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน โดยในปี 1872 เรือแมรีได้หายไปอย่างลึกลับ และในอีก 1 เดือนต่อมา มันถูกค้นพบในสภาพที่เป็นปริศนา ลูกเรือทุกคนหายไปหมด ข้าวของทุกอย่างที่ทำเอาไว้ถูกทิ้งไว้อย่างนั้น ราวกับว่าพวกเขารีบหนีอะไรบางอย่าง โดยที่ไม่ได้เอาข้าวของไปแม้แต่น้อย จนถึงปัจจุบันนี้ ก็ไม่มีใครสามารถสรุปได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเรือแมรี เซเลสต์กันแน่

สัญญาณ ว้าว! (The Wow! Signal)

สัญญาณ ว้าว! ได้รับชื่อมาจากนักดาราศาสตร์นามว่า เจอร์รี อาร์. เอห์แมน ซึ่งเขียนคำว่า Wow! เอาไว้บนกระดาษที่ตีพิมพ์รหัสสัญญาณ ที่ตรวจพบความเข้มสูงมาก มีความยาว 72 วินาที และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นสัญญาณจากนอกโลก และนอกระบบสุริยะ ถึงแม้ภายหลังจะมีความพยายามตรวจหาสัญญาณนี้อีก แต่ก็ไม่เคยพบมันอีกเลย

ชายสวมหน้ากากปริศนา (The Max Headroom Incident)

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1987 ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญประชาชนทั่วไป เพราะในช่วงระหว่างออกอากาศเรื่อง Doctor Who ของสถานีโทรทัศน์ชิคาโก การออกอากาศได้ถูกสัญญาณแทรกซ้อนเข้ามา โดยปรากฏเป็นภาพของชายสวมหน้ากาก แม็กซ์ เฮดรูม เขาพูดจาวกไปวนมาในเรื่องไร้สาระ และปิดท้ายด้วยการใช้ไม้ตีแมลงวัน ตีใส่ก้น (คาดว่าเป็นผู้หญิง) ของผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคน จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร ถึงแม้ตำรวจและ FBI จะช่วยกันหาตัวพวกเขากันทั่วแล้วก็ตาม

จูน และ เจนนิเฟอร์ กิบบอนส์ (June and Jennifer Gibbons)

ฝาแฝดจากเวลส์ที่เกิดในยุค 60 อาจเป็นฝาแฝดที่น่าขนลุกที่สุดในโลก เมื่อทั้งคู่สื่อสารกันด้วยภาษาที่เข้าใจกันเองตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งคู่ตัดการสื่อสารจากคนภายนอกและไม่สามารถเข้าสังคมได้เลย ถึงแม้พ่อแม่ของทั้งคู่จะแก้ไขด้วยการส่งให้พวกเธอไปอยู่คนละโรงเรียน แต่นั่นกลับทำให้เรื่องราวเลวร้ายมากขึ้น ทั้งคู่มีนิสัยก้าวร้าว และกลายเป็นอาชญากร จนต้องถูกส่งเข้าโรงพยาบาลจิตเวช พวกเธอเคยกล่าวว่า “ต้องมีใครสักคนตายไป อีกคนถึงจะเป็นอิสระ” และสุดท้าย เมื่อเจนนิเฟอร์ยอมสละชีวิตคนเองจากอาการหัวใจวายอย่างเป็นปริศนา จูนได้กลับกลายเป็นเหมือนคนปกติทั่วไปอีกครั้ง

ปริศนาซิคาดา 3301 (Cicada 3301)

ทุกๆ ปี ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ได้มีองค์กรลับแห่งหนึ่งทำให้ชาวเน็ตต้องงุนงง เมื่อพวกเขาได้โพสต์ปริศนาที่ซับซ้อนอย่างมากบนโลกอินเทอร์เน็ต เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมไขปริศนาเหล่านี้ ปริศนาของ Cicada 3301 จะมาในรูปแบบของการเข้ารหัสข้อความแบบต่างๆ ที่ต้องอาศัยความรู้ในหลายๆ ด้านมาช่วยในการไขปริศนา และปริศนาดังกล่าวไม่ได้มีอยู่แค่บนโลกออนไลน์ แต่ยังกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ สำหรับบรรดาผู้ที่ไขปริศนาไปถึงจุดนั้นเท่านั้น ที่จะเห็นได้ อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีใครทราบว่าองค์กรที่ทำปริศนานี้ขึ้นมาต้องการอะไร และพวกเขาเป็นใครกันแน่

เด็กตัวเขียวแห่งวูลพิท (The Green Children of Woolpit)

ตำนานในช่วงศตวรรษที่ 12 เมื่อคนงานในฟาร์มแห่งหนึ่งในเมืองวูลพิท ประเทศอังกฤษ ได้พบกับเด็กประหลาด 2 คน เป็นชายกับหญิงที่ไม่สามารถพูดอังกฤษได้ ทั้งคู่ใส่เสื้อผ้าแปลกๆ ที่สำคัญ ทั้งคู่มีผิวหนังเป็นสีเขียว ทั้งคู่ถูกเก็บมาเลี้ยง แต่ไม่กี่วัน เด็กชายได้เสียชีวิตลง เหลือแต่เด็กหญิงที่ต้องค่อยๆ ปรับตัวและเรียนภาษาจนเมื่อเธอเริ่มสื่อสารภาษาอังกฤษได้ เธออธิบายว่า เธอและพี่ชายมาจากสถานที่ๆ ไม่มีดวงอาทิตย์ ผู้คนที่นั่นมีผิวหนังสีเขียว และอาศัยอยู่ในดินแดนที่เหมือนเวลาพลบค่ำอยู่ตลอดเวลา มีข้อสันนิษฐานว่าทั้งคู่อาจมาจากโลกใต้ดินที่พวกเราไม่รู้จัก

หนังสือที่ลึกลับที่สุดในโลก (The Voynich Manuscript)

นี่คือหนังสือที่ได้ชื่อว่าลึกลับที่สุดที่อยู่ในศตวรรษที่ 15 โดยไม่สามารถระบุที่มาของภาษาที่ใช้ได้ และมีการเข้ารหัสเอาไว้ ภายในเล่มหนังสือมีภาพประกอบและภาพวาดต่างๆ ที่ชวนเข้าใจยาก แต่จากการตีความ หนังสือเล่มนี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วนคือ ส่วนของพฤกษศาสตร์ ดาราศาสตร์ ชีววิทยา เภสัชศาสตร์ และสูตรต่างๆ รวมแล้วหลายร้อยหน้า

ชายปริศนาผู้เป็นศพ (Tamam Shud)

ในปี 1948 ที่ประเทศออสเตรเลีย มีการพบศพชายปริศนาคนหนึ่งขึ้นมาเกยตื้นที่ชายหาดซอเมอร์เซ็ต หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ก็พบว่าเป็นชายอายุราว 40-45 ปี สูงประมาณ 180 ซม. รูปร่างดี สวมเสื้อเชิตขาวกางเกงขายาว สวมถุงเท้าและรองเท้า แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าชายคนดังกล่าวเป็นใครและมาจากไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าประหลาดใจก็คือข้อความที่เขียนอยู่บนกระดาษในกระเป๋าตังของเขาว่า “Tamam Shud”

ถึงแม้ต่อมาจะมีการพบกระเป๋าเดินทางของเขา แต่ก็ยังไม่สามารถพบหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงตัวเขาได้เลย มีเพียงกระดาษที่เชื่อมต่อกับคำปริศนา ที่มีแต่คำประหลาด ที่ไม่สามารถระบุได้เลยว่า เขาต้องการสื่อถึงอะไรกันแน่ จึงทำให้คดีนี้ เป็นคดีปริศนาที่ลึกลับที่สุดตลอดกาลของออสเตรเลีย

ที่มาhttps://www.buzzfeed.com/jamiejones/mysteries-for-mystery-lovers?utm_term=.lr5y0LAJ9r#.ox58yGK2Ej

Credit: https://www.buzzfeed.com/jamiejones/mysteries-for-mystery-lovers?utm_term=.lr5y0LAJ9r#.ox58yGK2Ej
30 ส.ค. 59 เวลา 03:51 5,983
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...