Greta Garbo (18 September 1905 – 15 April 1990)
เกรต้า การ์โบเป็นลูกครึ่งสวีดิช-อเมริกัน เล่นภาพยนตร์ในยุคไร้เสียง และเป็นดาราที่ขึ้นชื่อว่า ลึกลับที่สุดคนนึงของฮอลิวูดในสมัยนั้นเลยทีเดียว
เมื่อพ่อตาย เกรต้า การ์โบอายุเพียง 14 ปี เธอต้องออกมาหางานทำ และงานแรกของเธอก็คือเป็นพนักงานในร้านทำผมที่สวีเดน จากนั้นเธอก็ไปเป็นเสมียน และรับงานถ่ายโฆษณาเล็กๆน้อยๆให้กับร้านที่เธอทำงานด้วย จนกระทั่งมีผู้กำกับมาเห็นภาพของเธอ หนทางสู่วงการบันเทิงจึงได้เปิดกว้างออก
เสน่ห์ของเธอคือความหรูหรา สง่างาม และลึกลับ แปลกประหลาด ภาพยนตร์เรื่องก่อนสุดท้ายของการ์โบประสบความสำเร็จมากจากการ ที่ตัวบทพยายามจะลดความแปลกของเธอลง ฉากการ์โบหัวเราะที่ใครๆ กล่าวถึงกลายเป็นฉากที่คลาสสิคไปแล้วในปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องต่อมาผู้กำกับพยายามทำให้การ์โบกลายเป็นผู้หญิงอเมริกันทั่วๆ ไป และหลังจากนั้นการ์โบไม่เคยเลือกรับแสดงภาพยนตร์เรื่องไหนอีกเลย
และนี่คือ John Gilbert ซึ่งข้าพเจ้าเคยเขียนถึงไปนานแล้ว การ์โบต้องการจะเลิกแสดงหนังถ้าแต่งงาน แต่กิลเบิร์ตอยากให้เธอแสดงต่อไป กิลเบิร์ตขอการ์โบแต่งงานถึงสามครั้ง ในวันแต่งงาน มีแต่เจ้าบ่าวค่ะ เจ้าสาวไม่มา
ในบั้นปลายชีวิต การ์โบเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ และไม่ต้องการเป็นที่สนใจจากใคร ลึกลับตลอดไป
Louise Brooks (November 14, 1906 – August 8, 1985)
หลุยส์ บรูคส์คือดาราในยุคภาพยนตร์เงียบเช่นกันค่ะ เธอก็แปลกไม่แพ้เกรต้า การ์โบ และที่สำคัญเธอหลงไหลในตัวของการ์โบเอามากๆ และเคยมีสัมพันธ์กันอยู่ระยะหนึ่ง
บรูคส์ตกลงกับตัวเองไว้ว่า เธอจะไม่ยิ้มต่อหน้ากล้องเลย ยกเว้นจะโดนบังคับเท่านั้น บทบาทการแสดงของเธอไม่โดดเด่นมากนัก มักจะรับบทเบาๆ และคงเอกลักษณ์ของเธอไว้คือ ความเป็นธรรมชาติ และดูไร้เดียงสา ไร้เดียงสาแบบร้ายลึกๆ น่ะ ช่วยกันนึกภาพตามหน่อยนะคะ ข้าพเจ้าเข้าใจว่าบุคคลิกคล้ายกับภาพยนตร์เรื่องที่เธอประสบความสำเร็จมาก ที่สุด นั่นคือ Pandora's Box เธอเล่นเป็น ลูลู่ สาวน้อยนักแสดงละครเร่ที่มักมากในกามรมณ์ ทำทุกอย่างตามใจตัวเอง และนำความพินาศมาสู่คนที่เข้ามาพัวพันกับเธอ
สำหรับชีวิตของเธอแล้วมันเป็นแบบนี้ค่ะ ในตอนเด็ก บรูคส์เคยโดนเพื่อนบ้านผู้ชายลวนลาม และนั่นเองทำให้เธอไม่สามารถยึดติดกับความสัมพันธ์ที่เรียกว่ารักได้เลย เธอบอกว่า จากสิ่งเลวร้ายที่เธอพบในตอนเด็ก มันมีผลกระทบมาถึงปัจจุบันของเธอ เธอไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายธรรมดาๆ ที่ไร้ฝีมือกับเรื่องบนเตียงได้ และเธอมักจะกระโดดเข้าหาความสัมพันธ์ครั้งใหม่ได้ง่ายพอๆ กับที่ทิ้งความสัมพันธ์ที่มีอยู่ บางครั้งเธอแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งและจู่ๆ ก็จากไปโดยทิ้งจดหมายไว้ 1 ฉบับ ไม่นานก็แต่งงานอีกครั้งและจบลงด้วยการหายตัวไปโดยไม่มีแม้จดหมายหรือคำลา
เธอเคยคบหาอยู่กับชาลี แชปปลินด้วยนะคะ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเมื่อครั้งที่ชาลี แชปปลินเดินทางมาเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง Gold Rush
อ่อ ในสมัยนั้น สาวๆ ต่างพากันไว้ผมบ็อบเลียนแบบเธอกันหมดเลยค่ะ
Ingrid Bergman (August 29, 1915 – August 29, 1982)
อิงกริด เบิร์กแมน เป็นดาราที่ข้าพเจ้าได้ดูผลงานของเธอบ่อยๆ ค่ะ ชื่อว่า อิงกริดตั้งตามเจ้าหญิงอิงกริดแห่งสวีเดน ใช่แล้วค่ะ เธอเกิดในสวีเดน พ่อของเธอเป็นชาวสวีดิช และแม่ของเธอเป็นชาวเยอรมัน
แม่ตายตั้งแต่จำความไม่ได้ และพ่อก็มาตายตอนเธออายุ 13 ปี เธอถูกส่งไปอยู่กับป้า เพียงครึ่งปี พ่อของเธอก็ตายอีก เธอต้องไปอยู่กับป้าอีกคน ชีวิตระเหเร่ร่อนมาตั้งแต่เด็กเลย
อิงกริด เบิร์กแมน เริ่มแสดงภาพยนตร์ในสวีเดนก่อนหลายเรื่องทีเดียว ก่อนที่จะเข้ามาทำงานในฮอลิวูด จุดเด่นของเธอคือความเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติแท้ๆ นะคะ ไม่ใช่ธรรมชาติแบบหลุยส์ บรูคส์ กล่าวคือเธอแต่งหน้าน้อยมากๆนั่นเอง
อิงกริด เบิร์กแมนแต่งงานตั้งแต่อายุ 21 กับหมอฟันคนนึงเมื่อครั้งอาศัยอยู่ในสวีเดน เมื่อย้ายมาทำงานในฮอลิวูดเธอได้แสดงภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอมาก ที่สุดนั่นคือเรื่อง Casablanca และยังแสดงหนังให้กับอัลเฟรด ฮิชคอกอีกหลายเรื่อง
เมื่อเธอพบกับผู้กำกับชาวอิตาเลียนและได้ร่วมงานกัน ความหายนะก็มาเยือน ทั้งสองตกหลุมรักกัน และเธอท้อง นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีใครยอมรับได้ในขณะนั้น ต่อให้ในขณะนี้ก็เถอะค่ะ Edwin C. Johnson วุฒิสภาของสหรัฐประนามเธอว่าเป็น ตัวอย่างอันชั่วช้าสำหรับผู้หญิง เป็นพลังอำนาจชักจูงจากปีศาจ
ด้วยความอับอาย อิงกริด เบิร์กแมนหนีกลับไปยังสวีเดน ทิ้งลูกและสามี(หมอฟัน)ไว้ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเค้าก็ฟ้องร้องเธอในเวลาต่อมา
เธอแต่งงานกับผู้กำกับชาวอิตาเลียน และมีลูกฝาแฝด 1 ในลูกแฝดของเธอเป็นนักแสดงและนางแบบ หลานของเธอที่เป็นลูกสาวของแฝดคนนี้ก็เป็นนางแบบในปัจจุบันค่ะ เคยเห็นที่บ้านคุณเอ็ดดี้แว่บๆ อ่อ กับผู้กำกับชาวอิตาเลียนคนนี้การแต่งงานจบลงภายในเวลาไม่กี่ปีค่ะ
อิงกริด เบิร์กแมนกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในฮอลิวูดในภาพยนตร์เรื่อง Anastasia เธอแสดงกับ ยุล บรินเนอร์ค่ะ รู้จักกันมั้ยคะ นักแสดงนำชายในภาพยนตร์เรื่อง เดอะคิงแอนด์ไอ งัย
นี่รูปคุณยาย ลูกสาว และหลานสาว
Lana Turner (February 8, 1921 – June 29, 1995)
ดาราคนต่อไปค่ะ เริ่มเหนื่อยแล้วหง่ะ แฮ่กๆ
ลาน่า เทอเนอร์ ตัวแทนแห่งความหรูหรา และอ่อนไหว เฉพาะในจอนะคะ นอกจอเธอโด่งดังในเรื่องอารมณ์รุนแรง แต่งงาน 8 ครั้งกับสามี 7 คน และความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้ชายนับไม่ถ้วน และพัวพันกับการฆาตรกรรมซะด้วย
เธอแต่งงานครั้งแรกเมื่ออายุ 19 ปี และหย่าภายในเวลา 4 เดือน เธอเรียกสามีของเธอคนนี้ว่า เพื่อนสมัยเรียน เธอไม่เคยอายที่สื่อหรือผู้คนซุบซิบเรื่องที่เธอชอบเปลี่ยนคู่ควงบ่อยๆ เธอบอกว่า ก็ชั้นชอบผู้ชาย และผู้ชายก็ชอบชั้น เล่นกะเธอสิ
หลังจากการหย่าครั้งที่สี่ เธอพบกับ Johnny Stompanato หนุ่มรูปงาม เธอตกหลุมรักเค้าในทันที หลังจากคบกันได้ไม่นาน เธอพบว่าเค้าพัวพันกับมาเฟียชื่อดังของแอลเอ เธอจึงพยายามจะตัดขาดความสัมพันธ์ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ Johnny Stompanato
ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อย และรุนแรงขึ้นทุกที ครั้งนึงจอห์นนี่จับได้ว่า ลาน่า เทอเนอร์ไปมีความสัมพันธ์กับ ฌอน คอนเนอรี่ ถึงกับมีเรื่องชกต่อยกัน อ่อ เจมส์ บอนด์ เสยเข้าที่คางค่ะ จอห์นนี่ล้มคว่ำ
ครั้งสุดท้ายที่ลาน่า เทอร์เนอร์ ทะเลาะกับจอห์นนี่ จอห์นนี่ถูกแทงจนเสียชีวิตโดยลูกสาวของเธอเอง เสียงร่ำลือไปทั่วว่าที่จริงลาน่า เทอร์เนอร์คือคนลงมือ แต่ให้ลูกสาวออกรับแทน ซึ่งก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้นะคะว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น ศาลตัดสินออกมาว่า ลูกสาวทำไปเพื่อต้องการป้องกันแม่จากการโดนทำร้ายค่ะ
Deborah Kerr (30 September 1921 – 16 October 2007)
เดบเบอร่า เคอร์ ซึ่งที่จริงควรเรียกว่า คาร์ แต่ข้าพเจ้าคุ้นกับเสียงเคอร์มากกว่านี่
เธอคือ แอนนา ในภาพยนตร์เรื่อง เดอะ คิง แอนด์ ไอ ปี 1956 ฉบับที่ยุล บรินเนอร์แสดงนำค่ะ หนังเรื่องนี้ถ้าดูแบบไม่คิดมาก ดูเพื่อให้เห็นว่า เค้ามีจินตนาการต่อเราอย่างไร ก็สนุกดีนะคะ แต่ข้าพเจ้าชอบฉบับแรกมากกว่า คลาสสิกกว่าว่างั้นเหอะ ทราบกันมั้ยอ่ะคะว่ามีฉบับขาวดำด้วย ชื่อเรื่องว่า แอนนา แอนด์ เดอะ คิง ออฟ สยาม ปี 1946 ดาราที่แสดงเป็นกษัตริย์คือ Rex Harrison ที่เล่นเรื่อง My Fair Lady นั่นเอง
ออกนอกเรื่องไปแล้วค่ะ มาต่อกันที่ เดบเบอร่า เคอร์ ภาพยนตร์ที่ทำให้เธอเริ่มเป็นที่จับตามองของฮอลิวูดก็คือ เรื่อง Black Narcissus ซึ่งข้าพเจ้าดูแล้ว รู้สึกหนังประหลาดๆ ยังงัยชอบกล คนสร้างคนเดียวกับที่ทำเรื่อง จอมโจรแบกแดด ที่ข้าพเจ้าแปะรูปไว้ชาตินึงแล้ว แต่ไม่เขียนอ่ะค่ะ
เธอเล่นภาพยนตร์ดังๆ หลายเรื่องเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง From Here to Eternity, King Solomon's Mines, An Affair to Remember แถมยังเคยได้เป็นสาวบอนด์ที่อายุมากที่สุดในเรื่อง Casino Royale ด้วยนะคะ อ่อ ฉบับปี 1967 โน่นแหน่ะ ไม่รู้หล่ะสิว่าเราก็มี เจมส์ บอนด์โบราณด้วยเหมือนกัน ฮ่าฮ่า
Marilyn Monroe (June 1, 1926 – August 5, 1962)
สาวคนต่อไป จะไม่เล่าหล่ะนะคะ ว่าเธออะไรยังงัย เพราะน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว เธอดังจะตายอ่ะ มาริลีน มอนโรว์