12 ผู้นำจอมเผด็จการ กับงานแรกในชีวิตของพวกเขา

read:http://petmaya.com/12-first-jobs-dictators

12 ผู้นำจอมเผด็จการ กับงานแรกในชีวิตของพวกเขา

สำหรับผู้นำประเทศที่ยึดถือระบอบการปกครองแบบเผด็จการ พวกเราคงเข้าใจว่าพวกเขาเติบโตมาในสายงานการเมือง จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ แต่ในความเป็นจริง ผู้นำจอมเผด็จการก็ไม่ได้มีงานด้านการเมืองแต่แรกเสมอไป ส่วนพวกเขาจะเคยทำงานอะไรกันมาก่อน ลองไปชมกัน

1. เบนิโต มุสโสลินี, อิตาลี

ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคฟาสซิสต์ งานแรกที่เขาทำคือการเป็นคุณครู จากนั้นไม่นานเขาเริ่มตระหนักว่างานนั้นไม่เหมาะกับเขา เขาจึงย้ายจากอิตาลีไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อไปเป็นนักข่าวการเมือง

2. คิม อิล ซุง, เกาหลีเหนือ

เคยเข้าร่วมเป็นหน่วยต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น ด้วยการสู้รบแบบกองโจร และต่อมาได้นำกองทัพเกาหลีเข้าร่วมกับโซเวียต โดยเข้ามาเป็นนายพันในกองทัพโซเวียต ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

3. โจเซฟ สตาลิน, สหภาพโซเวียต

เคยศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะออกมาเป็นติวเตอร์ และเสมียน หลังจากที่เขาดรอปเรียนไปไม่นาน แต่เดิมที่ แม่ของสตาลิน อยากให้เขากลายเป็นนักบวช จึงส่งให้เขาเข้าเรียนที่วิทยาลัยศาสนศาสตร์ Tiflis ซึ่งถึงแม้ว่าสตาลินจะเรียนเก่ง แต่เขาก็ต้องออกจากโรงเรียนในปี 1899 (บางบันทึกอ้างว่าเขาไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน ส่วนบางบันทึกก็บอกว่าเขามีแนวคิดทางการเมืองที่ต่อต้านสังคม)

4. อดอล์ฟ ฮิตเลอร์, เยอรมนี

ผู้นำจอมเผด็จการที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ สนใจในงานศิลปะอย่างมาก ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะเกลียดงานศิลปะเข้าไส้ก็ตาม แต่จนแล้วจนรอด ฮิตเลอร์ก็เคยได้ทำงานเป็นคนงานรับจ้างทั่วไปและเป็นจิตรกรสีน้ำในกรุงเวียนนา แต่เขาก็ถูกปฏิเสธที่จะให้เข้าเรียนในสถาบันวิจิตรศิลป์ (Academy of Fine Arts) ถึง 2 ครั้งด้วย

5. พอล พต, เขมรแดง

ผู้นำเขมรแดงและนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาจอมโหดผู้นี้ เคยได้ทุนไปศึกษาด้านอิเล็กทรอนิกส์วิทยุในกรุงปารีส อย่างไรก็ตาม เขาใช้เวลาส่วนมากไปกับการเคลื่อนไหวทางด้านปฏิวัติ และทุนของเขาก็ถูกยกเลิกเนื่องจากเขาสอบตก จากนั้นเขาจึงกลับมาเป็นคุณครูสอนประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และวรรณคดีฝรั่งเศส ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง

6. อีดี อามิน, ยูกันดา

จอมเผด็จการทหารที่ไร้มนุษยธรรมมากที่สุดคนหนึ่ง ที่สังหารผู้คนหลายแสนตลอดระยะเวลาที่เขาปกครองประเทศ 8 ปี แต่น้อยคนที่จะทราบว่า เขาเคยเป็นผู้ช่วยพ่อครัวในกรมทหารปืนเล็กยาวแอฟริกา ของกองทัพอาณานิคมอังกฤษ ในปี 1946 นอกจากนั้นยังเป็นอดีตแชมป์มวย และยังเป็นนักว่ายน้ำที่มีพรสวรรค์อีกด้วย

7. ฟร็องซัว ดูว์วาลีเย, เฮติ

ฟร็องซัว ดูว์วาลีเย หรือฉายา ปาป้าด็อก ประธานาธิบดีจอมเผด็จการของเฮติ ผู้โด่งดังในด้านคอรัปชั่น และก่อตั้งหน่วยรบพิเศษที่เอาไว้กำจัดผู้คนที่ต่อต้านเขาอย่างเลือดเย็น ส่วนในอดีต ฟ็องซัว เคยศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยการแพทย์เฮติ ในปี 1934 และทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่แพทย์ให้กับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมาก่อน

8. นิโคไล เชาเชสกู, โรมาเนีย

เป็นผู้นำคอมมิวนิสต์คนสุดท้ายในโรมาเนีย ที่ปกครองประเทศด้วยความโหดร้าย เปรียบเหมือนสตาลินในเวอร์ชันโรมาเนีย ส่วนในวัยเด็กเขาเคยศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มชีวิตการทำงานจากการเป็นช่างซ่อมรองเท้าฝึกหัด หลังจากที่เขาออกจากหมู่บ้านของตนเองไป

9. ฟรานซิสโก ฟรังโก, สเปน

จอมพลฟรังโก จอมเผด็จการของสเปนในสมัยทศวรรษที่ครองตำแหน่งยาวนานถึง 35 ปี ตั้งแต่ปี 1938-1973 โดยตั้งแต่จบจากโรงเรียนนายร้อยโตเลโด และอาสาเข้ารบในสงครามโมร็อกโก จนกลายเป็นนายพลที่อายุน้อยที่สุดของกองทัพสเปน

10. มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์, ฝรั่งเศส

อดีตประธานคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะที่ตั้งขึ้นเพื่อสอดส่องดูแลความมั่นคงปลอดภัยในสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 1 ช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งประธานของคณะนี้มีอำนาจจับกุมและสั่งประหารชีวิตผู้คนได้ ซึ่งก่อนหน้านั้น เขามีอาชีพเป็นทนายความ และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาที่ศาล Salle Épiscopale

11. อูกุสโต ปิโนเชต์, ชิลี

ผู้นำจอมเผด็จการของชิลี ที่ยึดครองอำนาจด้วยการปฏวัติ ในปี 1974 และปกครองผู้คนด้วยความโหดเหี้ยม โดยในอดีตเขาเคยเป็นคุณครูสอนวิชาการเมืองใน War Academy

12. ฮอร์เก ราฟาเอล วิเดลา, อาร์เจนตินา

จอมเผด็จการทหารผู้ซึ่งต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตจากการทำอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ด้วยการก่อรัฐประหารและยึดอำนาจในอาร์เจนตินา ฮอร์เก จบการศึกษาจากวิทยาลัยทหารแห่งชาติในปี 1944 และเข้ารับราชการทหารตั้งแต่นั้น จนกระทั่งก้าวขึ้นเป็นนายพลของกองทัพบกในปี 1973

ที่มา http://www.businessinsider.com/humble-first-jobs-of-dictators-2016-2/#italys-benito-mussolini-first-worked-as-schoolmaster-and-then-turned-to-political-journalism-1

Credit: http://www.businessinsider.com/humble-first-jobs-of-dictators-2016-2/#italys-benito-mussolini-first-worked-as-schoolmaster-and-then-turned-to-political-journalism-1
24 ส.ค. 59 เวลา 04:41 3,485
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...