มะเร็ง โรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนมากมาย ซึ่งองค์การอนามัยโลกพบว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้คนทั่วโลก และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งโรคมะเร็งยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทยมากกว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งประมาณ 60,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 7 ราย โดยมีสาเหตุการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี, มะเร็งปอด, มะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก, และมะเร็งปากมดลูก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอาหารการกินก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ก่อโรคมะเร็งหลายชนิด มาดูกันดีกว่าว่าอาหารประเภทไหนเข้าข่ายมีสารก่อมะเร็งบ้าง จะได้หลีกเลี่ยงกันนะคะ
1. ป๊อปคอร์นไมโครเวฟ
ป๊อปคอร์นอบไมโครเวฟ ตัวดีเลย !
เวลานั่งดูหนังหรือโทรทัศน์ที่บ้าน สิ่งข้างกายของใครหลายคนคงเป็นป๊อปคอร์นถังใหญ่ ดูไปจกไป เพลินปากจริง ยิ่งสมัยนี้มีป๊อปคอร์นแสนอร่อยถุงเล็กๆ ที่พอเอาเข้าไมโรเวฟไม่กี่นาทีก็พองฟูออกมาเป็นป๊อปคอร์นถังใหญ่ หอม น่าอร่อย และรสชาติดี แต่หารู้ไม่ว่า ป๊อปคอร์นอบไมโครเวฟนี่แหละ วายร้ายก่อโรคมะเร็งสุดน่ากลัว เพราะถุงที่ใส่ป๊อปคอร์นแบบที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้นั้น มีสารเคมีที่เรียกว่า กรด perfluorooctanoic (PFOA) ซึ่งมีความเป็นพิษสูง
จากผลการศึกษาหลายแห่งพบว่ากรดประเภทนี้ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะ และไตได้ นอกจากนี้จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Environmental Health Perspective ในปี 2009 ระบุว่าสาร PFOA ก่อให้เกิดความบกพร่องของระบบร่างกายเพศหญิงด้วย และเมื่อสารชนิดนี้มาอยู่ในถุงป๊อปคอร์นเจอกับน้ำมันถั่วเหลือง สินค้าตัดแต่งพันธุกรรม (GMO) และสารกันบูดต่างๆ ยิ่งน่ากลัวไปกันใหญ่ แนะนำชาวป๊อปคอร์นเลิฟเวอร์ให้กินแบบคั่วหรือจากตู้ตามปกติ ไม่ได้บอกว่าดีต่อสุขภาพนะคะ แค่อันตรายและเสี่ยงต่อโรคมะเร็งน้อยกว่าเท่านั้น
2. มะเขือเทศกระป๋อง
มะเขือเทศกระป๋อง ระวังให้ดีนะ
จริงอยู่ว่าอาหารกระป๋องทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับผัก ผลไม้ที่คุณชอบได้ตลอดทั้งปี โดยที่ไม่ต้องรอฤดูเก็บเกี่ยวของพืชผลแต่ละชนิด แต่ถ้าคุณรักสุขภาพล่ะก็ ต้องหลีกเลี่ยงอาหารกระป๋องแล้วล่ะค่ะ ยิ่งมะเขือเทศกระป๋องนี่ตัวร้ายเลย เพราะส่วนมากกระป๋องที่ใช้บรรจุอาหารหรือใช้ใส่มะเขือเทศนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารที่เรียกว่า bisphenol A (BPA) ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อที่อาจเลียนแบบ หรือรบกวนฮอร์โมนของต่อมไร้ท่อ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมากระยะเริ่มต้น มีผลต่อความผิดปกติของระบบเผาผลาญ เกิดภาวะมีบุตรยาก หรือปัญหาอื่นๆ ตามมา เลี่ยงได้เป็นเลี่ยงอาหารกระป๋องนะคะ โดยเฉพาะมะเขือเทศกระป๋อง เพราะอย่างไรอาหารสดย่อมมีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าแน่นนอนค่ะ
3. น้ำมันเติมไฮโดรเจน
สาวกอาหารทอดทั้งหลาย เพลาๆ บ้างเนาะ
น้ำมันชนิดนี้ เกิดจากการเติมไฮโดรเจนเข้าไปเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของกรดไขมันไม่อิ่มตัว ให้กลายเป็นกรดไขมันอิ่มตัว ส่งผลเสียต่อสุขภาพมากขึ้น ไม่เหมือนกับน้ำมันทั่วไปตามธรรมชาติแบบน้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง หรือน้ำมันคาโนลา ซึ่งการเติมไฮโดรเจนลงไปในน้ำมันนั้นถือเป็นกระบวนการทางเคมีเพื่อเปลี่ยนกลิ่น และรสชาติ เสมือนกับการยืดอายุการเก็บรักษา ชะลอการเหม็นหืน แต่การเติมไฮไดรเจนบางส่วน อาจทำให้เกิดกรดไขมันชนิดทรานส์ เป็นไขมันที่แข็งตัวมากขึ้น อายุการใช้งานนานขึ้น ดูมันน้อย รสชาติดี แต่เป็นอันตราย พบมากในอาหารจำพวก ขนมปังกรอบ คุกกี้ เค้ก ของทอดทั้งหลาย เนยเทียม เป็นต้น ซึ่งในน้ำมันเติมไฮโดรเจนนั้นมีอิทธิพลต่อโครงสร้าง และความยืดหยุ่นของเยื่อหุ้มเซลล์ เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง
4. มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ
ขนมกรุบกรอบนี่ล่ะ ตัวดี
มันฝรั่งทอดจะทอดที่อุณหภูมิสูงถึง 120 องศาเซลเซียส เรียกว่าเลยจุดเดือดไปไกลมากๆ ซึ่งการผลิตมันฝรั่งทอดนั้นจะมีสาร Acrylamide ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่พบมากในบุหรี่ จากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติเกี่ยวกับโรคมะเร็งในปี 2006 ระบุว่าสารชนิดนี้ทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งรังไข่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งระบบทางเดินอาหาร รวมถึงมะเร็งเต้านมด้วย นอกจากมีสารก่อมะเร็งแล้ว มันฝรั่งทอดยังมีไขมันและแคลอรีสูง มีผงชูรส และสารกันบูดปริมาณมาก ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพมากมาย ทั้งโรคอ้วน คอเลสเตอรอลสูง โรคความดันโลหิตสูง และปัญหาสุขภาพต่างๆ ถ้าอยากกินจริงๆ ซื้อมันฝรั่งสดๆ จากตลาดมาฝานบางๆ ทอดกินเองด้วยน้ำมันที่ปลอดภัยอย่างน้ำมันคาโลา น้ำมันมะกอก อร่อยแถมสุขภาพดีกว่าเห็นๆ
5. อาหารตัดแต่งพันธุกรรม (GMOs)
ข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม แต่งอะไรมาบ้างไม่รู้นะ
สิ่งมีชีวิตที่ผ่านการดัดแปลง ตัดแต่งพันธุกรรม หรือที่เราเรียกว่า GMO นั้น ในปัจจุบันมีมากมายในอาหารหลายชนิด เช่น ข้าวโพด มันฝรั่ง ธัญพืช และถั่วเหลือง เป็นต้น ซึ่งอาหารที่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมเเหล่านี้ จะให้ผลผลิตตามที่ผู้ผลิตต้องการ เช่น ไม่มีเมล็ด ให้เนื้อมาก ป้องกันแมลง แต่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เนื่องจากผลผลิตดังกล่าวใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายในการปลูก เมื่อผู้บริโภครับสารเคมีเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย ทำให้เข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ระบบสมอง และเป็นอันตรายต่อตับด้วย ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีการอนุญาตให้ปลูกพืช GMO นอกจากแปลงทดลองของรัฐ แต่ก็มีการเสนอข้อเรียกร้องให้รัฐบาลอนุมัติ ภายใต้การผลักดันของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะผ่านอนุมัติจากรัฐบาลหรือไม่ แต่ทางที่ดีเราจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้หรือหากมีป้ายติดไว้ก็อย่าลืมมองหาป้าย GMO-free นะคะ
มองหาป้ายนี้ไว้ ห่างไกล GMO
นอกจากเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ปลอดภัยห่างไกลมะเร็งแล้ว อย่าลืมออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ เราไม่รู้ว่าโรคร้ายอย่างมะเร็งหรือโรคอื่นๆ จะมาเยือนเมื่อไร ถ้าใครโชคดีอาจจะมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า แต่ถ้าใครไม่มีล่ะจะทำยังไง เพราะฉะนั้นเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้กันนะคะ
ขอบคุณที่มา: https://daily.rabbit.co.th/อาหารเสี่ยงมะเร็ง/