เมื่อปี 1978 Anatoli Petrovich Bugorski ทำงานเป็นนักวิจัยประจำสถาบันฟิสิกส์พลังงานของรัสเซีย แต่แล้ววันหนึ่งในขณะที่เขากำลังทำงานนั้นเขารู้สึกว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในเครื่องซิงโครตรอน U 70 ดังนั้นเขาจึงชะโงกหน้าเข้าไปบริเวณที่เครื่องเร่งอนุภาคกำลังทำงานอยู่
ซึ่งเครื่องซิงโครตรอน U 70 เป็นเครื่องเร่งอนุภาคที่ทำหน้าที่เร่งความเร็วของโปรตอนให้มีความเร็วใกล้เคียงกับความเร็วแสง และทำให้โปรตอนวิ่งชนกันเเพื่อศึกษาโครงสร้างและส่วนประกอบของโปรตอน ดังนั้นการยื่นหน้าเข้าไในขณะที่เครื่องกำลังทำงานั้นถือว่าอันตรายมาก
ปรากฎว่าเขาถูกเครื่องเร่งอนุภาคที่มีความเร็วเทียบเท่ากับแสงยิงเข้าที่หลังศีรษะพุ่งทะลุออกข้างจมูกเลยทีเดียว โดยเขาเปิดเผยว่า ตอนที่ถูกยิงนั้นตาซ้ายของเขามองเห็นแสงสว่างเหมือนกับดวงอาทิตย์นับพันดวงเลยทีเดียว แต่น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด
และหลังจากที่หมอตรวจร่างกายของเขาก็พบว่า โปรตอนที่พุ่งทะหัวเขานั้นทำให้เกิดรังสีขึ้นบริเวณที่มันพุ่งผ่าน ดังนั้นใบหน้าด้านซ้ายของเขาจึงมีอาการบวม ทั้งผิวหนังยังหลุดลอก แถมระบบการได้ยินฝั่งซ้ายของเขายังไม่สามารถทำงานได้อีกด้วยเพราะมีเสียงดังในหูตลอดเวลา และในเวลาต่อมาใบหน้าซีกซ้ายของเขาก็เป็นอัมพาต หมอจึงวินิจฉัยว่า เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานเนื่องจากปริมาณรังสีที่ก่อตัวในร่างกายเขานั้นมีระดับรุนแรงถึงตายได้เลยทีเดียว
แต่ปาฏิหารย์มีจริงเพราะเขาสามารถรอดชีวิตมาได้ ซึ่งนอกจากร่างกายเขาจะแข็งแรงแล้ว สมองของเขายังดีขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกด้วย จนทำให้เขาเรียนจบปริญญาเอกมาได้ หลังจากนั้นเขาก็ทำงานทางด้านวิทยาศาสตร์และใช้เวลาปีละ 2 ครั้ง เดินทางไปตรวจสอบผลกระทบทางรังสีจากผู้ได้รับผลกระทบคนอื่นๆ
และหลังจากเวลาผ่านไป 16 ปี เขาก้ได้รับเลือกให้เป็นนายแบบโปสเตอร์เกี่ยวกับเวชศาสตร์นิวเคลียร์ให้สหภาพโซเวียตและรัสเซีย ทั้งเขายังทำงานให้กับสถาบันที่เขาถูกเครื่องเร่งอนุภาคยิง ที่สำคัญเขายังแต่งงานมีลูกอีก 1 คนด้วย เรียกได้ว่ารอดมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว แถมยังฉลาดขึ้นกว่าเดิมมากอีกด้วย...
ข้อมูลและภาพประกอบจาก "todayifoundout"