http://www.catdumb.com/meaning-behind-the-symbol-313/
ไขความลับ “ปุ่ม Power” ของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ทำไมต้องเป็นเครื่องหมายนี้!?!
เครื่องใช้ไฟฟ้าถือเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ถือว่าได้ขาดไม่ได้เลยในปัจจุบัน และทุกครั้งที่เราใช้ เราก็ต้องทำการเปิดและปิด ซึ่งเคยสังเกตไหมว่า ตรงปุ่มนั้นมันมีสัญลักษร์อะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ สัญลักษณ์อันนี้มีอยู่แถบทุกเครื่องใช้ไฟฟ้าเลย ว่าแต่วันทำไมต้องเป็นเครื่องหมายนี้กันนะ
ดูใกล้ๆ แล้ว เหมือนเครื่องหมายนี้มันแยกออกได้เป็นตัว “i” และตัว “o” ซึ่งคำที่มาแทนคำว่า เปิด และ ปิด ที่ใช้กันอย่างสากลก็คือเลข 1 และเลข 0 นั่นเอง
ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น วิศวกรได้ใช้ระบบเลขฐานสองเป็นตัวบ่งบอกถึงพลังงาน ซึ่งระบบนี้ก็ใช้กันอย่างสากลไปทั่วโลก ทำให้เป็นที่เข้าใจกันได้ง่าย
ระบบเลขฐานสอง ก็คือการใช้เลข 0 กับ 1 นั่นเอง
ในปี 1973 มาตรฐานอุตสาหกรรมสากลได้ทำให้เครื่องหมายนี้มีความหมายถึงการให้พลังงานหรือ Power นั่นเอง
นอกจากจะมีความหมายว่าเปิดหรือปิดแล้ว ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไกล มือถือหลายรุ่นก็มีระบบพักจอ ซึ่งเวลากดก็คือจอดับเฉยๆ ไม่ได้ปิดเครื่อง
ถ้าใครมีปุ่มสวิตช์แบบนี้ก็น่าจะเดาได้ไม่ยากเลย มันมาจาก 1 กับ 0 นั่นเอง ซึ่ง 1 หมายถึงเปิด และ 0 หมายถึงปิด หมายถึงการตัดระบบการไหลของไฟฟ้า
แต่ตอนนี้ความหมายก็ไม่เหมือนเดิมแบบ 100% แล้วเมื่อมี Unicode เข้ามา ซึ่งเป็นภาษาที่อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ใช้กัน ซึ่งได้มีคำร้องว่าให้ใช้ภาษา Unicode บรรจุเข้าไปในปุ่ม Power ด้วย ซึ่งต้องรอมติอีกที
ปัจจุบันปุ่ม Power ก็กลายเป็นป๊อปคัลเจอร์ไปเป็นที่เรียนร้อย เพราะมันคือสัญลักษณ์ที่ใครเห็นก็เข้าใจ เอาไปใส่กับอะไรก็ดีสวย ทั้งต่างหู เสื้อผ้า บางบริษัทก็เอาสัญลักษณ์นี้ไปใส่ในโลโก้ด้วย
ถึงจะเท่แค่ไหน แต่มันก็ย่อมมีคนออกมาโต้แย้งอยู่เสมอ อย่างเช่นบางคนก็ออกมาบอกว่าสัญลักษณ์นี้ทำให้งงว่าตกลงเครื่องมันเปิดหรือปิดอยู่ ทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือให้ดูว่ามันมีแสงสีเขียวไหม ถ้าเป็นสีแดงก็ถือว่าปิดอยู่
ในปี 2010 หน่วยส่งเสริมสุขภาพในนิวยอร์ค ได้ทำการเอาเครื่องหมายนี้ไปใช้เป็นเครื่องหมายหน้าซองถุงยางอนามัย ส่วนความหมายนั้นก็แล้วแต่คนจะตีความ
ความจริงแล้วไม่ได้มีแค่รูปแบบนี้อย่างเดียวนะ มันแล้วแต่ว่ายี่ห้อไหนจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันไป แต่ก็ยังยึดเครื่องหมาย 1 กับ 0 เหมือนเดิม
ที่มา lifebuzz