สถานที่พบ.....Fort St.George, Tamilnadu, South India
ลวดลายที่ท้ายปืน งามสมกับที่เป็นปืนหลวงคู่พระนคร..
ปากกระบอก ปืน ก็มีลายอันงดงามไม่แพ้สวยท้าย....
ลายกระหนก เช่นนี้ มิผิดฝีมือชาวพระนครศรีอยุธยาเป็นแน่แท้....
จารึก สั้นๆบนกระบอกปืน ทำให้ตื่นเต้นและแน่ใจ ว่าพบสมบัติพลัดถิ่นจากสยามประเทศเข้าแล้ว......จารึกอักษรพม่ากำกับข้างบน แสดงว่าปืนนี้เคยเป็น "เชลยศึก" ที่คงจะต้องถูกริบมาพร้อมกับการล่มสลายของอยุธยา...
คาด ว่า....ปืนกระบอกนี้ คงจะถูกกวาดต้อนในฐานะเช่นเดียวกับ "เชลยศึก" หลายครั้งหลายครา....ตั้งแต่จากกรุงศรีอยุธยา...จากกรุงรัตนปุระอังวะ...จน ท้ายที่สุด ได้มาตั้งเป็นเครื่องประดับบารมีจักรวรรดิอังกฤษ ณ Fort St.George บนแผ่นดินชมพูทวีป.....ซึ่งไกลแสนไกลจากที่ที่เคยเป็น "มาตุภูมิ" ของมัน...
รูปนี้ก็ที่ Fort St.George เช่นกัน....เป็นปืนใหญ่อยุธยาอีกกระบอก
น่าดีใจครับ ที่ทุกท่านรักสมบัติพลัดถิ่นจากกรุงศรีอยุธยาชิ้นนี้....จะเสียดายก็ตรงที่ รัฐบาลอินเดียไม่เคยทราบว่าปืนใหญ่บอกนี้ (และอีก 2-3 กระบอก) ที่ Fort St.George เป็นปืนจากกรุงศรีอยุธยา.....เพราะป้ายแสดงที่มาของปืนดันระบุว่า "from BURMA" ซึ่งคงจะเป็นเพราะสมัยนั้น กองทัพอังกฤษยึดปืนเหล่านี้มาแต่เมื่อครั้งชนะสงครามกับพม่า เลยพลอยเข้าใจไปว่าเป็น "ปืนพม่า"
แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่อย่างนึงคือ ปืนใหญ่เหล่านี้ พม่ายึดไปจากกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่เมื่อ 200 กว่าปีก่อน ไปเป็นสมบัติของเขานานเป็นร้อยปี อังกฤษพิชิตพม่าได้ก็ยึดเอามาตั้งที่อินเดีย (สมัยเป็นอาณานิคม) พออินเดียได้เอกราช ปืนเหล่านี้ก็ตกเป็นสมบัติในความดูแลของกระทรวงกลาโหมอินเดีย ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ Fort St.George ในปัจจุบัน....แม้ว่าลักษณะทางกายภาพของปืนจะบ่งบอกว่าเป็นของอยุธยา แต่เนื่องจากการเปลี่ยน "เจ้าของ" หลายครั้งในรอบ 200 ปี ทำให้เรื่องอ้างความเป็นเจ้าของนี้เป็นสิ่งที่ยากพอสมควรครับ....