ที่มา : https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1009800205723039&id=726502237386172
ผมสรุปเรื่องราวทางประวัติศาสตร์...เกี่ยวกับการเสียดินแดนให้กับฝรั่งเศส......ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอม
เกล้าเจ้าอยู่หัว (พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5) มาให้สมาชิกได้อ่าน
มีบันทึกไว้ว่าพุทธศักราช 2436 ..เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5)
ทรงมีพระชนม์ได้ 40 พรรษา ทรงประชวรหนักถึง 2 ครั้ง..สาเหตุการประชวรทั้ง 2 ครั้ง ก็เนื่องจากทรงกังวลและ
ตรอมพระทัยเพราะการรุกรานของประเทศฝรั่งเศสจนไทยต้องสูญเสียดินแดนไปมาก...ทรงเสียพระทัยและทรง
ห่วงว่าจะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีที่ไม่สามารถรักษาบ้านเมืองให้พ้นจากภัยอันตรายได้
ในปีนั้นวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสส่งเรือรบ 2 ลำ คือ เรือแองคองสตังค์ เรือปืนโคเมท์.......และเรือนำร่องเยเบเซ อีก 1 ลำ มาถึงสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา.....ฝ่ายไทยก็พยายามต่อสู้โดยยิงปืนจากป้อมพระจุล
จอมเกล้า และส่งเรือรบหลายลำติดตามแต่สู้ไม่ได้........ทหารตายไป 7 นาย บาดเจ็บอีก 40 นาย ตกน้ำสูญหาย
ไปอีก 1 นาย และเรียกเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า.....วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436)
ในวันที่ 13 กรกฏาคม ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) เรือรบฝรั่งเศสก็ได้ชัยชนะ...รุกผ่านเข้าปากแม่น้ำเจ้าพระยาและไป
เทียบท่าอยู่หน้าสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ และได้หันปืนใหญ่น้อยบนเรือทั้งหมดเข้าสู่พระบรมมหา
ราชวัง โดยฝรั่งเศสได้ยื่นคำขาดแก่รัฐบาลไทย..........มีอยู่ข้อหนึ่งที่ไทยต้องจ่ายเงิน 3 ล้านฟรังก์ โดยชำระเป็น
เงินเหรียญทันทีเป็นการชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ โดยกำหนดภายใน 48 ชั่วโมง....มิฉะนั้นกองทัพเรือฝรั่งเศสจะปิด
อ่าวไทยทันที และสั่งทูตฝรั่งเศสออกจากไทย...โดยไทยอาจตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสได้ และผลของวิกฤต
การณ์ในครั้งนั้น....ทำให้ฝ่ายไทยจำต้องยอมยกดินแดนลาวฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส นับเป็นการขยาย
อิทธิพลครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของฝรั่งเศสในภูมิภาคอินโดจีน......และจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนประเทศราชของ
ไทยในเขมรและลาวที่เหลืออยู่ในเวลาต่อมาอีกด้วย..ในต้นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
(พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5) นั้น ไทยมีอาณาเขตกว่า 1 ล้านตารางกิโลเมตร ต้องยกดินแดน....ให้กับฝรั่งเศส
รวมเนื้อที่กว่า 467,000 ตารางกิโลเมตร...ดังลำดับการเสียดินแดนถึง 5 ครั้ง ให้กับฝรั่งเศส ดังนี้
1. เสียแผ่นดินเขมร 124,000 ตารางกิโลเมตร
2. เสียสิบสองจุไทย 87,000 ตารางกิโลเมตร
3. เสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง 143,000 ตารางกิโลเมตร
4. เสียดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ตรงข้ามหลวงพระบางและปากเซ 62,000 ตารางกิโลเมตร
5. เสียเสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณ 51,000 ตารางกิโลเมตร
ปรากฏพระราชนิพนธ์โคลง ทรงมีพระราชปรารภความทุกข์สุขไว้ 7 บท และลงท้ายเป็นคำฉันท์ว่า...ทรงเกรงว่าจะ
เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทำให้เสียกรุง ดังความตอนหนึ่งว่า...
เจ็บนานนึกหน่ายนิตย์......มนะเรื่องบำรุงกาย
ส่วนจิตบมีสบาย.............ศิระกลุ้มอุราตรึง
แม้หายก็พลันยาก...........จะลำบากฤทัยพึง
ตริแต่จะถูกรึง.................อุระรัดและอัตรา
กลัวเป็นทวิราช...............บ ตริป้องอยุธยา
เสียเมืองจะนินทา...........จึงจะอุดและเลยสูญฯ

เมื่อทรงพระประชวร และทรงท้อแท้ถึงเพียงนั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ...จึงได้ทรง
นิพนธ์ฉันท์ขึ้นถวาย เพื่อให้ทรงนึกถึงความสำคัญของพระองค์เองที่มีต่อประเทศชาติและชาวไทย..ความบางบทว่า
ถ้าจะว่าบรรดากิจ............ก็ไม่ผิด ณ นิยม
เรือแล่นทะเลลม.............จะเปรียบต่อก็พอกัน
ธรรมดามหาสมุทร...........มีคราวหยุดพายุผัน
มีคราวสลาตัน................ตั้งระลอกกระฉอกฉาน
ผิวพอกำลังเรือ...............ก็แล่นรอดไม้ร้าวราน
หากกรรมจะบันดาล.........ก็คงล่มทุกลำไป
ชาวเรือก็ย่อมรู้................ฉะนี้อยู่ทุกจิตใจ
แต่ลอยอยู่ตราบใด...........ต้องจำแก้ด้วยแรงระดม
แก้รอดตลอดฝั่ง..............จะรอดทั้งจะชื่นชม
เหลือแก้ก็จะจม...............ให้ปรากฏว่าถึงกรรม
ผิดทอดธุระนั่ง.................บ วุ่นวิ่งเยียวยาทำ
ที่สุดก็สูญลำ...................เหมือนที่แก้ไม่หวาดไหว
ผิดกันแต่ถ้าแก้................ให้เต็มแย่จึงจมไป
ใครห่อนประมาทใจ...........ว่าขลาดเขลาและเมาเมิน
เสียทีก็มีชื่อ....................ได้เลื่องลือสรรเสริญ
สงสารว่ากรรมเกิน............กำลังดอกจึงจมสูญฯ
เชื่อกันว่าพระนิพนธ์นี้...ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5) ทรงเปลี่ยน
พระทัยและเริ่มเสวยพระกระยาหารดังเดิม...จนทรงหายประชวร และออกว่าราชการดังเดิมได้ >>i<<